วันนี้(31 ก.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. พล.ต.ต.มณฑล เงินวัฒนะ ผบก.ตท. พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.พร้อมเจ้าหน้าที่จากสถานทูตเบลเยี่ยม ประจำประเทศไทย แถลงจับกุม นายมาร์ค เดอ ชัทเทอร์ อายุ 57 ปี สัญชาติเบลเยี่ยม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 890/2555 ลงวันที่ 27 ก.ค. ในความผิดฐานเป็นผู้ร้ายข้ามแดน พร้อมของกลาง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ เอกสารต่างๆ จำนวนมาก บัญชีเงินฝากธนาคาร รถยนต์โตโยต้า สีขาว ทะเบียน กค-6972 พิจิตร จยย.ฮอนด้า ทะเบียน ชพค 360 ภูเก็ต จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 77/7 ถนนไสยวน ซอยสามัคคี 2 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เนื่องจาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ได้รับการปะสานจากสถานทูตเบลเยี่ยม และสำนักงานอัยการสูงสุด ให้ช่วยติดตามจับกุม นายมาร์ค ซึ่งเป็นคนร้ายข้ามชาติ มาเฟียรายสำคัญที่กระทำความผิดในคดีสำคัญในประเทศเบลเยี่ยม หลายคดี ทั้งคดีฆาตกรรม และคดีที่เกี่ยวข้องกับการเงิน มีหมายจับของทางตำรวจเบลเยี่ยม นอกจากนี้ยังกระทำผิดในลักษณะเป็นเครือข่ายองค์กรอาชญากรรม ร่วมกับมาเฟียในประเทศอิตาลี อิสราเอล และหลายประเทศ โดยหลบหนีมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย จึงมีการประสานงานร่วมกันในหลายหน่วยงานก่อนมีการออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้
พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา ชุดสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงวางแผนนำกำลัง ร่วมกับตำรวจท้องที่ ติดตามจับกุมผู้ต้องหา แต่ครั้งแรกทางเจ้าหน้าที่ไม่พบตัว เนื่องจากผู้ต้องหาได้เปลี่ยนที่พักอาศัย กระทั่งเมื่อวันที่ 30 ก.ค. จึงพบผู้ต้องหาที่บ้านพักหลังดังกล่าว และสามารถจับกุมตัวไว้ได้ เบื้องต้นทราบว่าหลังจากผู้ต้องหารายนี้ก่อคดีในประเทศตนเองแล้วได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ในหลายประเทศ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 15มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้เดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ โดยถือหนังสือเดินทาง หมายเลข อีเอช 976320 เข้ามาอาศัยอยู่ใน จ.ภูเก็ต
“สำหรับประวัติของนายมาร์ค พบว่าเป็นมาเฟียอันดับ 1 ที่ตำรวจเบลเยี่ยมต้องการตัวมากที่สุด และเป็น 1 ใน 5 มาเฟียรายสำคัญที่อยู่ในบัญชีดำของประเทศในสหภาพยุโรป ส่วนพฤติการณ์ของผู้ต้องหานั้นเกี่ยวพันกับการค้าสิ่งผิดกฎหมายที่ลักลอบนำเข้าจากภายนอกประเทศเบลเยี่ยม มีการฟอกเงินที่ได้จากการกระทำความผิดในประเทศอิสราเอล และอีกหลายประเทศ รวมทั้งคดีฉ้อโกงทรัพย์โรงงานน้ำมันรายใหญ่แห่งหนึ่ง จนศาลมีคำสั่งปรับเป็นเงิน 20 ล้านยูโร นอกจากนี้เมื่อ 15 ปีก่อน ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุฆ่าอดีตภรรยาตัวเองแล้วนำศพไปซ่อนไว้ ซึ่งครั้งนั้นผู้ต้องหาได้รับความช่วยเหลือจากนายตำรวจระดับสูงในประเทศเบลเยี่ยม จึงสามารถหลบหนีคดีมาได้” ผบก.ป.กล่าว
พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ทางตำรวจจะดำเนินการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ดี ในช่วงก่อนการส่งตัวดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะสืบสวนขยายผลการจับกุม และเร่งติดตามผู้ต้องหาที่เป็นอาชญากรข้ามชาติ ซึ่งพบว่ามีการหลบหนีเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวสำคัญอันเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ และประชาคมโลก
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น