ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ
www.becomz.com

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ รามคำแหง

เปิดบริการซ่อมคอมพิวเตอร์ถึงที่สะดวกรวดเร็ว ด้วยทีมงานช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ มืออาชีพ ประสบการณ์กว่า 10 ปี ที่จะไปบริการซ่อม ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน วัด โรงเรียน ร้านอินเตอร์เน็ต ฯลฯ โดยคิดอัตราค่าบริการเริ่มต้นเพียง 400 บาทต่อเครื่องเท่านั้น

การให้บริการ

หากลูกค้ายืนยันการซ่อมแล้วทางเราออกเดินทาง ไปแล้วยกเลิกการซ่อมในขณะที่ทางเราเดินทางไปถึงแล้วจะต้องเสียค่าเสียเวลาและการเดินทาง 400 บาท

พื้นที่ที่บริการ

ซ่อมคอมนอกสถานที่,ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ 095-219-0106 เริ่มต้นที่ 400บาท/เครื่อง (ปล. ให้บริการเฉพาะเขตพื้นที่ รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย ลาดพร้าวเฉพาะ บริเวณ จากเดอะมอลบางกะปิถึงโชคชัย 4 )

อัตราค่าบริการ becomz

ติดต่อ : TaNDesgin โทร. 095-219-0106 www.i-comz.com

บริการหลังการซ่อม โดย www.i-comz.com

ทุกงานซ่อมรับเราประกัน 1 สัปดาห์เต็ม หากปัญหาเดิมยังอยู่ เราจะไปบริการซ่อมให้ฟรี โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่เคยใบ้บริการกับทาง www.i-comz.com เรามีบริการซ่อมคอมออนไลน์ฟรีให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่า

วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

“โอบามา”ถึงพม่า-เตรียมมอบเงินช่วยเหลือ 170 ล้านเหรียญ






ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ เดินทางถึงพม่าแล้ว สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำสหรัฐคนแรกที่เดินทางเยือนพม่าอย่างเป็นทางการขณะดำรงตำแหน่ง
วันนี้ ( 19 พ.ย. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่าว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ พร้อมนางฮิลลารี คลินตัน รมว.กระทรวงการต่างประเทศ เดินทางถึงพม่าแล้วในวันนี้ สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำสหรัฐคนแรกที่เดินทางเยือนพม่าอย่างเป็นทางการขณะดำรงตำแหน่ง พร้อมประกาศมอบเงินช่วยเหลือถึง 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 5.27 พันล้านบาท ) แก่รัฐบาลพม่า
 
นอกจากการเข้าเยี่ยมคารวะ และหารือในระดับทวิภาคีกับประธานาธิบดีเต็ง เส่ง รวมถึงการเข้าพบนางออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรคฝ่ายค้านของพม่าแล้ว โอบามาจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยย่างกุ้ง โดยมีใจความสำคัญคือการชื่นชมนโยบายปฏิรูปประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ และการเมืองของพม่า
 
นอกจากนี้ อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่จะแสดงถึงความคืบหน้าในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ และพม่า คือการที่โอบามาจะประกาศอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับการมอบเงินช่วยเหลือมูลค่า 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 5.27 พันล้านบาท ) แก่ทางการพม่า พร้อมการแถลงเปิดสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐในพม่า ( ยูเอสเอไอดี ) ที่ก่อนหน้านี้จำเป็นต้องถูกระงับ เนื่องจากพม่าอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหาร
ทั้งนี้ เงินช่วยเหลือจำนวนดังกล่าวสำหรับระยะเวลา 2 ปี มีจุดประสงค์เพื่อให้ทางการพม่านำไปใช้ลงทุนในโครงการก่อสร้างเพื่อการพัฒนาทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างโรงเรียน หรือโรงพยาบาล ควบคู่ไปกับการวางรากฐานทางการเมืองให้สอดคล้องกับความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
 
หลังเสร็จสิ้นภารกิจในการเยือนพม่า โอบามาจะเดินทางต่อไปยังกัมพูชา เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ตะวันออก ณ กรุงพนมเปญ รวมถึงเข้าพบ และหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน โดยคาดว่าจะมีประเด็นหลักเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชน
Share:

คลิปน่าทึ่ง นกแก้วร้องเพลง 'กังนัม สไตล์'




คลิปน่าทึ่ง นกแก้วร้องเพลง 'กังนัม สไตล์'
ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า เพลง "กังนัม สไตล์" ของนักร้อง "ไซ" สร้างกระแสโด่งดังไปทั่วโลก และไม่มีใครไม่รู้จักท่าเต้นควบม้าอันเลื่องชื่อ ถึงขนาดศิลปินจากฝั่งตะวันตกยังขอเลียนแบบกันยกใหญ่

ล่าสุดไม่ได้มีแค่มนุษย์เท่านั้นที่ร้องเล่นเต้นตามเพลงฮิตเพลงนี้ เจ้านกแก้วสีขาวจากในคลิปก็ขออินเทรนด์กับเขาด้วยเหมือนกัน เป็นที่รู้กันว่านกแก้วสามารถเลียนเสียงต่างๆ ได้ แม้กระทั่งเสียงเครื่องยนต์ ดังนั้นเพลงฮิตที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่างนี้ ขอบอกว่าสบายมาก โดยเจ้านกแก้วตัวดังกล่าวเกาะอยู่บนขอบจอแล็บท็อป ที่กำลังเปิดมิวสิควีดิโอเพลงกังนัม สไตล์อยู่ แล้วนกตัวนี้ก็ออกเสียงคลอตามไปพร้อมเพลง และถึงแม้จะเต้นแบบต้นฉบับไม่ได้ นกแก้วก็แสดงออกถึงความมันส์ โดยการโยกหัวไปตามจังหวะ รับรองว่าใครได้เห็นเป็นต้องหัวเราะออกมาให้กับความน่าทึ่งของเจ้านกตัวนี้แน่นอน

คลิปนี้เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ยูทูบโดย "The2apex" โดยมียอดผู้คลิกชมความสามารถของนกแก้วตัวนี้มากเกิน 8 แสนครั้งเข้าไปแล้ว ใครอยากคลายเครียด คลิกเลย.
Share:

หลานรองนายกฯแฉระทึก โดนปืนจี้คลุมโม่งอุ้มตัว เผยตามรถเจอได้คืนแล้ว







หลานชายนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจ สน.ลำผักชี จากเหตุการณ์ถูกแก๊งคนร้ายอุ้มรีดทรัพย์ ขณะเดียวกันตามเจอรถของกลางคืนแล้ว แต่กลายเป็นของเพื่อนที่สลับกันขับ
เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่ สน.ลำผักชี นายฤทธิ์ โรจนกิจ ณ ระนอง เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.เจริญ บุญศิลป์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ เจ้าของคดีเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีที่ถูกแก๊งคนร้ายอุ้มตัวไปเรียกค่าไถ่

โดยนายฤทธิ์ ให้การว่า ในวันเกิดเหตุตนเดินทางไปหาพ่อที่บ้านพักย่านวังหิน เพื่อเตรียมเอกสารที่จะนำไปใช้ในการเดินทางไปประเทศนิวซีแลนด์ โดยจอดรถไว้หน้าบ้าน แต่ระหว่างนั้นลืมกระเป๋าสตางค์เลยเดินออกมาที่รถ เป็นจังหวะเดียวกับที่กลุ่มคนร้ายได้ปรี่เข้ามาใช้อาวุธปืนจี้สีข้างพร้อมพูดว่า “นิ่ง ๆ อย่าขยับ” ก่อนจะบังคับให้เดินไปขึ้นรถอีกคันแล้วขับออกไปทันที จากนั้นได้ใช้หมวกไหมพรมคลุมที่ศีรษะแล้วขับรถออกไป
 
นายฤทธิ์ ให้การต่อว่า ระหว่างนั้นคนร้ายได้ข่มขู่ต่างๆ นานาว่าจะทำร้ายร่างกายตน อีกทั้งได้ยึดโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์ไปด้วย เมื่อตนจะพูดก็บอกว่าให้เงียบอย่าตุกติก ไม่อย่างนั้นจะเจอกับนายดาบที่กองปราบแน่ ขณะที่นั่งอยู่ในรถกลุ่มคนร้ายได้อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด และกล่าวหาว่าตนค้ายา ซึ่งตนได้ปฏิเสธไปว่าไม่เกี่ยวข้อง จนกระทั่งผ่านไปนานกว่า 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลำผักชี จึงมาพบและเข้าช่วยเหลือไว้ได้

สำหรับรถที่พบในพื้นที่ สภ.ปากคลองรังสิต จ.ปทุมธานี เป็นรถที่ตนขับไปที่บ้านพ่อในวันเกิดเหตุ แต่เป็นรถของเพื่อนที่ตนแลกรถกันขับตามปกติ อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุอยากวิงวอนกับทางสื่อมวลชนว่า แม้ว่าตนจะเป็นหลานรองนายกฯจริง ตามศักดิ์เป็นลุงหลานกัน แต่ก็ไม่ได้เป็นญาติสนิทแต่อย่างใด ขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ข่าวที่เกิดขึ้นตนเกรงว่าจะทำให้วงศ์ตระกูลเสื่อมเสียชื่อเสียง

ด้านพ.ต.ท.เจริญ กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะสอบปากคำผู้เสียหาย และจะรวบรวมหลักฐานทั้งพยานบุคคลและพยานทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อรวบรวมสำนวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
Share:

6ล้อบรรทุกรถเก๋งฮอนด้าส่งศูนย์พลิกคว่ำพังยับ














6ล้อบรรทุกรถเก๋งฮอนด้า วิ่งมาจากนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จะไปส่งศูนย์จำหน่ายรถยนต์ ถึงหน้าสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ พลิกคว่ำเทกระจาด ขวางถนนวิภาวดีในช่องทางด่วน รถป้ายแดงกระเด็นกระดอนระเนระนาดพังยับ โชเฟอร์หมดสติติดในรถที่ขับมา เจ้าหน้าที่นำร่างส่งรพ. ตร.คาดคนขับหลับใน รอสอบปากคำแจ้งข้อหา
เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 20 พ.ย. พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ภาษยะวรรณ พงส.(สบ 3) สน.วิภาวดี รับแจ้งอุบัติเหตุรถบรรทุกหกล้อ ฮีโน่ สีขาว ทะเบียน 72-5256 กรุงเทพมหานคร ซึ่งบรรทุกรถเก๋งฮอนด้า ออกมาจากนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา จะไปส่งตามศูนย์จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า พลิกคว่ำบนถนนวิภาวดีรังสิต (ขาเข้า) ในช่องทางด่วน บริเวณหน้าสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร รุดไปตรวจสอบพร้อมมูลนิธิป่อเต๊กตึ๊ง
 
พบรถหกล้อพลิกตะแคงซ้ายขวางทางบนถนนวิภาวดีรังสิต (ขาเข้า) ในช่องทางด่วน ขวางทุกช่องทางการจราจร มีรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีบรอนซ์เทา 2 คัน และรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ สีขาว อีก 1 คัน ตกลงมาจากทั้งหมดสภาพพังยับเยิน ส่วนคนขับหมดสติติดอยู่ภายในรถ เจ้าหน้าช่วยกันนำร่างออกมา แล้วนำส่ง รพ.วิภาวดีอย่างเร่งด่วน
 
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า รถคันนี้นำรถเก๋งฮฮนด้าทั้งหมด มาจากนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ เพื่อเตรียมไปส่งให้กับศูนย์จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า แต่คาดว่าระหว่างมาถึงที่เกิดเหตุ คนขับเกิดหลับใน ทำให้รถที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูง เสียหลักพุ่งเสยกับขอบทาง จนรถพลิกคว่ำได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่แจ้งข้อหาใคร รอสอบปากคำคนเจ็บ รวมทั้งพยานแวดล้อมอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับจุดเกิดเหตุครั้งนี้ เป็นจุดที่ใกล้เคียงกับเหตุรถเก๋งเฉี่ยวชนกับตู้โดยสารบนทางด่วนโทลล์เวย์ จนเป็นเหตุให้มีผู้ตกหล่นมาบนถนนวิภาวดี เสียชีวิต 9 ศพ บาดเจ็บอีกหลายปี เมื่อเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาด้วย.
Share:

ตร.ลุยเก็บหลักฐานล่าวายร้ายใจอำมหิตวางยาพิษ 3 แม่ลูก


จากเหตุการณ์ที่มีคนร้ายวางยาพิษใส่ตุ่มน้ำของนางประทุม  งามเจริญ อายุ 45 ปี ต่อมาได้นำน้ำมาชงโอวัลตินให้เด็กชายสันติ ชายสีอ่อน อายุ 12ปี และเด็กชายชัยชนะพล ชายสีอ่อนอายุ10 ปี ลูกชายทั้ง 2คน กินก่อนไปโรงเรียน ก่อนที่นางประทุมได้ชงกาแฟ 1 แก้วกินเอง จนชักตาตั้งตั้ง 3แม่ลูก จนต้องหามส่ง โรงพยาบาลอ่างทองตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น        
ความคืบหน้าวันนี้ (21 พ.ย. )  พ.ต.อ. ชูเดช กองกันภัย รองผบก. ภ.จว. อ่างทองพ.ต.ท. สำราญ อ่วมเมือง รองผกก.สส.(รักษาการผกก) ร.ต.ต. ไพร์ศาล แจ่มมี ร้อยเวร สภ. โพธิ์ทองได้เข้าไปตรวจเยี่ยมพร้อมสอบปากคำเพิ่มเติม 3 แม่ลูกที่ โรงพยาบาลอ่างทอง เบื้องต้นอาการของเด็กทั้ง 2 ดีขึ้นอยู่ในขั้นปลอดภัย แต่แม่ อาการทรุดหนักไม่รู้สึกตัวเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาหัวใจหยุดเต้นแพทย์ต้องทำการปั๊มหัวใจ ความดันลดลงเรื่อย ๆ  จนอาการดีขึ้น แต่ยังโคม่าอยู่ แพทย์สรุปเบื้องต้นสาเหตุมาจากการได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย โดยยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นสารพิษชนิดใด 
 
ต่อมาเวลา 12.00 น. พ.ต.อ. ชูเดช พร้อมชุดสืบสวน ภจว. อ่างทองชุดสืบสวนสภ. โพธิ์ทองและวิทยาการอ่างทอง ลงพื้นที่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 6 ต. โคกพุทธา ซึ่งเป็นบ้านของ 3แม่ลูกที่ถูกวางยา เพื่อทำการเก็บหลักฐานต่างๆเพื่อหาตัวคนร้าย หลังจากนั้นได้นำตัวนายไพทูลย์ งามเจริญ อายุ 49 ปี พี่ชายนางประทุมมาทำการสอบสวนที่สภ. โพธิ์ทอง และจะติดตามตัวนายบูรณ์ ไม่ทราบนามสกุลที่เด็กได้ให้การไว้น่าจะเป็นคนร้ายมาสอบปากคำต่อไป
  
พ.ต.อ. ชูเดช กล่าวว่า ได้คุยกับนายไพทูลย์ว่า ในส่วนที่เด็กได้ให้การว่า นายบูรณ์ที่อุ้มไปทำร้ายมาแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะได้ไปเชิญตัวมาสอบสวน ล่าสุดทางนางประทุม อาการยังโคม่าอยู่
Share:

ผวาม็อบแช่แข็งบุกสภา เตรียมเฮลิคอปเตอร์ "นายกฯปู" หนีภัย


วันนี้ 21พ.ย. ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ในฐานะรับผิดชอบงานด้านการรักษาความปลอดภัย กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการรับมือการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ในวันที่ 24-25 พ.ย.นี้ ว่า ในสภาได้เตรียมเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ 3 กองร้อยหรือ450 นายและตำรวจสภา 100 นาย รวมแล้ว 550 นาย เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัย  รวมถึงจะมีคุมเข้มตรวจอาวุธ วัตถุระเบิด ทั้งเจ้าหน้า ส.ส. ผู้ติดตามและผู้สื่อข่าวอย่างเข้มงวด  ซึ่งต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย  ทั้งนี้ตนไม่อยากให้ม็อบมาปิดล้อมรัฐสภาเพราะจะเป็นการขัดขวางการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ  หากผู้ชุมนุมเข้ามา ทางรัฐสภาได้ปิดกล้องวงจรปิดไว้ทุกจุดหากใครบุกรุกเข้ามาก็จะดำเนินคดีถึงขั้นเด็ดขาด
 
เมื่อถามว่า ในอดีตเคยมีนักการเมืองเป็นผู้นำม็อบบุกเข้ามาในบริเวณอาคารัฐสภา  รองประธานสภาฯ กล่าวว่า  หากส.ส.นำม็อบเข้ามาตนก็จะดำเนินการกับส.ส.ขั้นเด็ดขาดเช่นเดียวกัน เพราะหากไม่ทำก็จะถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามาตรา 157  ซึ่งครั้งนี้ตนจะทำให้เป็นเยี่ยงอย่าง   เมื่อถามย้ำว่า หากมีม็อบเข้ามาปิดล้อมสภา มีการเตรียมแผนสำรองหรือไม่ รองประธานสภาฯ กล่าวว่า  ไม่อยากให้มีการปิดล้อม ซึ่งพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ก็ระบุแล้วว่าจะไม่นำม็อบบุกเข้าสภา  คนระดับ “พล.อ.”พูดตนก็ต้องเชื่อ แต่ถ้าพูดแล้วไม่ทำตามที่พูดก็ต้องปลดจากพล.อ. มาเป็นพลทหาร ในฐานที่ไม่รักษาคำพูด
 
เมื่อถามว่า ได้เตรียมประสาน เฮลิคอปเตอร์ไว้ให้นายกรัฐมนตรีหลบหนีเหมือนสมัยของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์  อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่  นายวิสุทธิ์ กล่าวยอมีรับว่า ทางสภาฯได้มีการประสานของเฮลิคอปเตอร์ไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้แล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่วันนี้ (21 พ.ย.) เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้เพิ่มมาตรการเข้มข้นในการตรวจคนเข้า-ออก พื้นที่ภายในรัฐสภา โดยต้องมีการติดบัตรประจำตัวในการเข้าพื้นที่ รวมถึงผู้สื่อข่าวกรณีที่ไม่มีบัตรที่ทางรัฐสภาเป็นผู้อนุมัติเข้า-ออก  ก็ต้องให้ผู้สื่อข่าวในสังกัดที่มีบัตร มาเซ็นต์ยืนยันถึงจะสามารถแลกบัตรเข้ามาได้
 
Share:

เมียรักยิงสามีดาบตำรวจพญาไทดับคาแฟลต




เมียดาบตำรวจ ซัลโว ผบ.หมู่ ป.โรงพักพญาไท ดับคาแฟลตตำรวจ ยืนร้องไห้รอมอบตัว รับมีปากเสียงกันประจำเรื่องชู้สาว ก่อนถูกทำร้ายร่างกาย
เมื่อเวลา 06.00 น. วันนี้( 21 พ.ย. ) ร.ต.อ.อำนาจ ศรีคง ร้อยเวร สน.พญาไท รับแจ้งเหตุยิงกันเสียชีวิต ภายในแฟลตตำรวจ สน.พญาไท จึงเดินทางไปตรวจสอบที่ห้องพักเลขที่ 320/25 ชั้น 4 อาคาร 2  ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม.  พร้อม พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ทรงพล วัธนะชัย รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท เจ้าหน้ากองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.รามาธิบดี และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง 
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุบริเวณประตูหน้าห้องน้ำซึ่งอยู่ในห้องดังกล่าว พบศพ ด.ต.อภิชาติ วงศ์โอ่โถง อายุ 41 ปี ผบ.หมู่ ป. สน.พญาไท สวมกางเกงบล็อกเซอร์ขาสั้น สีเทา ตัวเดียวไม่สวมเสื้อ นอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือด ที่ปลายเท้าซ้ายพบอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด.38 และซองปืนสีดำตกอยู่ ตรวจสอบพบบาดแผลถูกยิงที่หน้าอกด้านขวา และหน้าอกซ้าย อย่างละนัด โดยมีนางรษิกา วงศ์โอ่โถง อายุ 38 ปี  ภรรยาผู้ตาย ยืนร้องไห้รอมอบตัวในที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวน นางรษิกา ให้การว่า สามีเป็นคนเจ้าชู้ มีเหตุทะเลาะเรื่องชู้สาวเป็นประจำ และมีการทำร้ายร่างกาย เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาได้ทะเลาะกัน สามีจึงลงมือตบตี ตนจึงวิ่งหนีออกมาจากห้องพัก พร้อมกับหยิบอาวุธปืนของสามีติดมือออกมาพร้อมตะโกนเตือนสามี ว่าอย่าตามออกมาจากห้อง  แต่สามีไม่ฟังเสียงพยายามวิ่งเข้ามาทำร้ายร่างกายด้วยความตกใจจึงลั่นไกใส่ 2 นัด ไม่รู้ว่าจะโดน เพราะไม่เคยใช้อาวุธปืน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไว้สอบสวนต่อไป
Share:

โต้ข่าว "บิ๊กตู่" ตะเพิดทหารร่วมม็อบเสธ.อ้ายพ้นบ้านพัก-จวกสื่อบีบทหารเลือกข้าง


วันนี้ (21 พ.ย.)  ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.วินธัย  สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แถลงถึงกรณีที่มีการนำข่าวเสนอว่า พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สั่งห้ามกำลังพลและครอบครัวไปร่วมชุมนุมร่วมกับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ห้ามฝ่าฝืนจะให้ย้ายออกจากบ้านพักในหน่วยทหารว่า  กองทัพบกขอปฏิเสธว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลเท็จโดยการสิ้นเชิง การให้ข่าวในลักษณะดังกล่าวถือเป็นการให้ร้ายกองทัพบก และผบ.ทบ. ทั้งนี้ที่ผ่านมาผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำอยู่เสมอว่าไม่ว่าจะเป็นกำลังพลหรือครอบครัวถือว่า ทุกคนเป็นสมาชิกในครอบครัวของกองทัพบกที่มีความสำคัญ ซึ่งผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องให้ความสำคัญดูแลเอาใจใส่โดยเฉพาะชีวิตความเป็นอยู่จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการคาดโทษในลักษณะดังกล่าว
“การกระทำจากคนบางกลุ่มน่าจะมุ่งหวังให้กองทัพบกเลือกข้าง ซึ่งในข้อเท็จจริงเป็นไปไม่ได้ เพราะกองทัพบกเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบ ข้อบังคับ และวินัยทหาร รวมถึงวัฒนธรรมองค์กรที่มีอยู่ อีกทั้งไม่ต้องการให้เกิดการสุ่มเสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาไม่ว่า ฝ่ายใดก็ตามจึงต้องกำชับกำลังพลให้ระมัดระวังและเชื่อมั่นในสายการบังคับบัญชา ทั้งนี้อยากขอร้องให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมายและเป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตยที่ถูกต้อง คือไม่ใช้ความรุนแรง ลดการใส่ร้ายป้ายสีซึ่งกันและกัน สำหรับสื่อมวลชนต้องขอร้องว่าไม่ว่าเป็นสีใด กลุ่มใดก็ตาม กรุณาอย่าพาดพิงให้ร้ายสถาบัน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน เพราะจะเป็นการขยายความขัดแย้งให้มากขึ้นจนแก้ไขไม่ได้ และประเทศชาติจะเกิดความเสียหายอย่างไม่สามารถจะเรียกกลับคืนได้” รองโฆษกกองทัพบก กล่าว
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ขอให้ทุกฝ่ายใช้ความระมัดระวังในการพาดพิงกองทัพบก และไม่ควรนำกองทัพบกเข้ามาเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ต่างๆในขณะนี้ เนื่องจากกองทัพบกไม่ได้รับมอบภารกิจใดๆทั้งสิ้น และการกล่าวถึงกองทัพบกอาจนำมาซึ่งความเสียหาย ทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของกองทัพบกได้ ทั้งนี้ในประเพณีปฏิบัติของทหาร หากพบว่า ทหารไปร่วมชุมนุมถือว่า ฝ่าฝืนคำสั่งของผู้บังคับบัญชา โดยจะให้ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้พิจารณาโทษ เพราะทางทหารมีระเบียบวินัยที่ต้องทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ซึ่งคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ให้ต่อกำลังพลเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับครอบครัวหรือภรรยา อย่างไรก็ตามการชุมนุมทางการเมืองเป็นนโยบายของกองทัพที่ไม่ให้กำลังพลเข้าร่วมชุมนุม เพราะจะทำให้สังคมมองกองทัพเชิงลบหรือเชิงบวกก็ได้ เนื่องจากขณะนี้มีคนหลายกลุ่มพยายามกล่าวถึงกองทัพบกว่า จะส่งทหารจากหน่วยต่างๆเข้าไปร่วมชุมนุม ซึ่งจากการตรวจสอบยืนยันว่าขณะนี้ไม่มีทหารจากหน่วยใดเข้ามาร่วมการชุมนุม ส่วนที่นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ระบุว่า มีทหารจาก 8 หน่วยจะมาร่วมการชุมนุมนั้น จากการตรวจสอบกับผู้บังคับหน่วยทุกหน่วยเรามีความเชื่อว่า ในภาพรวมไม่มีใครฝ่าฝืนระเบียบคำสั่ง แต่ถ้ามีทหารมาร่วมชุมนุมผู้บังคับหน่วยต้องรับผิดชอบ ซึ่งการที่มีการกล่าวอ้างแหล่งข่าวจะต้องดูความน่าเชื่อถือ ไม่ทราบว่า นพ.เหวงได้ข้อมูลมาจากที่ใด.
Share:

"เสธ.อ้าย"เมินเลิกชุมนุม ลั่นยอมติดคุกขัดคำสั่งศาล เดินหน้าปลุกม็อบล้มรัฐบาล-แช่แข็งประเทศ



เมื่อวันที่ 21 พ.ย. เวลา 14.00 น. ที่ สนามม้านางเลิ้ง พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ แกนนำองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) แถลงข่าวถึงการชุมนุมของ อพส. ในวันที่ 24 พ.ย.ว่า ขอย้ำว่าการชุมนุมครั้งนี้เพราะเหตุผล 3 ข้อ คือ รัฐบาลปล่อยให้มีการจาบจ้วงสถาบัน รัฐบาล เป็นรัฐบาลหุ่นเชิด ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และปล่อยให้มีการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่อหวังให้บ้านเมืองก้าวหน้า และให้ประชาชนเคารพในสถาบัน มิฉะนั้นบ้านเมืองจะทรุดโทรมไปกว่านี้  และตนไม่ทราบว่ารัฐบาลจะกลัวอะไรตนนักหนา เพราะมีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจถึง 5 หมื่นนาย เพราะฉะนั้นจากการเตรียมกำลังขนาดนี้ แสดงว่าการข่าวของรัฐบาลทราบว่า คนจะมาชุมนุมของตนต้องไม่ต่ำกว่าสองล้านคน และในวันที่ 24 พ.ย. ถ้าหากคนมาน้อย ก็อาจจะเลิกส่วนที่มีการประโคมข่าวว่ามีเงินสนับสนุน 6 พันล้านบาท ตนมีราคาถึงขนาดนั้นหรือ และการใช้เงินในการชุมนุมอย่างมากไม่เกิน 3 ล้านบาท เพราะต้องใช้กับค่าเครื่องเสียง เพื่อควบคุมฝูงชน
 
พล.อ.บุญเลิศ กล่าวอีกว่า การที่มีการกล่าวหาว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง เช่น อ้างว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะ เรียนนายร้อยรุ่นเดียวกันนั้นไม่ใช่ เพราะท่านก็เคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ท่านจะมาร่วมทำงานกับผมในครั้งนี้ และดึงเอา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี มาเกี่ยวข้องโดยเชื่อมโยงจากการที่พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ เข้าร่วมชุมนุมนั้น ท่านไม่รู้เรื่อง
 
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกฯระบุว่า อพส.มีทหารแก่และนักการเมืองหนุนหลัง และพล.อ.บุญเลิศไม่ใช่ แกนนำตัวจริง พล.อ.บุญเลิศกล่าวว่า ทหารแก่มีจริงเพราะพวกตนก็คือทหารแก่ ส่วนทหารหนุ่มนั้น ผบ.ทบ. ก็ประกาศชัดเจน ว่าไม่เจ้าร่วม ส่วนนักการเมืองนั้นยืนยันว่าไม่มีเพราะกลุ่มพวกตนไม่เอานักการเมือง ส่วนที่ว่าตนไม่ใช่แกนนำตัวจริงหรือไม่นั้น การชุมนุมเมื่อวันที่ 28 ต.ค. ผู้ชุมนุมก็เชื่อในสิ่งที่ตนพูด และตนเป็นประธาน องค์การพิทักษ์สยาม มีคนเดียว  และเหตุที่มีผู้ชุมนุมมาในวันที่ 28 ต.ค.เป็นจำนวนมากเพราะเชื่อสิ่งที่เราเสนอไป และอยากรู้จักว่า เสธ.อ้ายคือใคร ทั้งนี้ชีวิตตนสบายอยู่แล้ว แต่ที่ออกมาเพราะจำเป็น บ้านเมืองแย่
 
ต่อข้อถามว่า หลังจากการชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.หาก พล.อ.บุญเลิศ ยุติบทบาท จะมีใครเป็นผู้นำมวลชนต่อ หรือไม่ พล.อ.บุญเลิศกล่าวว่า หากมีคนอื่นมานำแทน มวลชนจะเชื่อเขาหรือ และในวันที่ 24 พ.ย.หากผู้ชุมนุมมาน้อยโดยอาจวัดจากความจุพื้นที่ลานพระบรมรูปทรงม้าและหากยังทอดไปไม่ถึงทำเนียบรัฐบาลก็จะยุติการชุมนุมในวันนั้น แต่หากคนมามากก็จะดำเนินการต่อตามแผนทีเด็ดที่วางไว้ที่จะล้มรัฐบาลได้อย่างแน่นอนแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
 
เมื่อถามว่า หากการชุมนุมมีผู้บาดเจ็บ หรือถึงขั้นเสียชีวิต จะมีการยกระดับหรือยุติการชุมนุมหรือไม่ พล.อ.บุญเลิศกล่าวว่า เชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลจะมีผู้แฝงตัวเข้ามาก่อความวุ่นวายนั้นตนเชื่อว่าสื่อมวลชน และผู้ชุมนุมจะต้องเห็นและช่วยกันเป็นหูเป็นตา  กลางวันแสกๆ ถ้ายังมองกันไม่เห็นก็ยกประเทศให้เขาไปเลยแต่ตนเชื่อว่าจะไม่รุนแรงถึงขนาดนั้น ทั้งนี้หากมีคำสั่งจากศาลรัฐธรรมนูญให้ยุติการชุมนุม ตนคงต้องฝืนถ้าจะศาลจะให้ติดคุกก็ว่ากันไปหยุดไม่ได้แล้ว ซึ่งผู้ที่ไปร้องก็เป็นฝ่ายตรงข้ามพูดง่ายๆก็พวกรัฐบาล ทั้งนี้ตนคาดว่า 1-2 วันนี้ ประชาชนก็เริ่มทยอยมากันแล้วเพราะกลัวรัฐบาลสกัดกั้น

Share:

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ 095-219-0106

Popular Posts

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Blog Archive

Followers

Blog Archive