ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ
www.becomz.com

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ รามคำแหง

เปิดบริการซ่อมคอมพิวเตอร์ถึงที่สะดวกรวดเร็ว ด้วยทีมงานช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ มืออาชีพ ประสบการณ์กว่า 10 ปี ที่จะไปบริการซ่อม ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน วัด โรงเรียน ร้านอินเตอร์เน็ต ฯลฯ โดยคิดอัตราค่าบริการเริ่มต้นเพียง 400 บาทต่อเครื่องเท่านั้น

การให้บริการ

หากลูกค้ายืนยันการซ่อมแล้วทางเราออกเดินทาง ไปแล้วยกเลิกการซ่อมในขณะที่ทางเราเดินทางไปถึงแล้วจะต้องเสียค่าเสียเวลาและการเดินทาง 400 บาท

พื้นที่ที่บริการ

ซ่อมคอมนอกสถานที่,ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ 095-219-0106 เริ่มต้นที่ 400บาท/เครื่อง (ปล. ให้บริการเฉพาะเขตพื้นที่ รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย ลาดพร้าวเฉพาะ บริเวณ จากเดอะมอลบางกะปิถึงโชคชัย 4 )

อัตราค่าบริการ becomz

ติดต่อ : TaNDesgin โทร. 095-219-0106 www.i-comz.com

บริการหลังการซ่อม โดย www.i-comz.com

ทุกงานซ่อมรับเราประกัน 1 สัปดาห์เต็ม หากปัญหาเดิมยังอยู่ เราจะไปบริการซ่อมให้ฟรี โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่เคยใบ้บริการกับทาง www.i-comz.com เรามีบริการซ่อมคอมออนไลน์ฟรีให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่า

วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555

คุก 99 ปีแม่ใจยักษ์ทารุณลูกสาว 2 ขวบ


วันนี้ ( 13 ต.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองดัลลัส รัฐเทกซัส ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ศาลสหรัฐมีคำพิพากษาเมื่อวันศุกร์ ให้จำคุก 99 ปี นางเอลิซาเบธ เอสคาโลนา วัย 23 ปี แม่ใจยักษ์ที่ทุบตีบุตรสาววัย 2 ขวบอย่างทารุณ และทากาวติดมือของบุตรสาวเข้ากับกำแพง

ผู้พิพากษาแลร์รี มิตเชลล์ แห่งศาลแขวงเมืองดัลลัส กล่าวระหว่างการอ่านคำตัดสินว่า พฤติกรรมของนางเอสคาโลนาแสดงถึงความโหดเหี้ยมเกินมนุษย์ เธอจึงสมควรได้รับการลงโทษโดยไม่มีการรอลงอาญา แม้ทนายฝ่ายจำเลย รวมถึงมารดา และพี่สาวของเธอจะร้องขอให้มีการลดโทษจำคุกเหลือ 45 ปีก็ตาม

บุตรที่เหลือของนางเอสคาโลนาให้การว่า มารดาทุบตีและทำร้ายร่างกาย ด.ญ.โจเซลลีน เซดิลโล เมื่อช่วงเดือนก.ย. ปีที่แล้ว ด้วยเหตุผลเพียงว่า หนูน้อยยังไม่สามารถหัดเข้าห้องน้ำอย่างเป็นที่เป็นทางได้ ส่วนผลการตรวจร่างกายด.ญ.โจเซลลีนระบุว่า เธอถูกเตะอย่างแรงเข้าที่ท้อง และถูกกระหน่ำตีตามร่างกายด้วยเหยือกนม ก่อนจะใช้กาวที่มีความเหนียวพิเศษทามือทั้งสองข้างของบุตรสาวแท้ๆ แล้วแปะติดไว้กับกำแพงเป็นระยะเวลานาน

ทั้งนี้ ผลจากการถูกทารุณกรรมอย่างรุนแรง ส่งผลให้โจเซลลีนต้องเข้ารับการรักษาตัวในหน่วยรักษาพยาบาลผู้ป่วยหนัก ( ไอซียู ) เป็นเวลานาน ด้วยอาการเลือดคั่งในสมอง กระดูกซี่โครงหัก และบาดแผลฉกรรจ์จากการถูกทุบตีทำให้เกิดรอยฟกช้ำเป็นวงกว้างตามร่างกาย นอกจากนี้ ผิวหนังบริเวณฝ่ามือบางส่วนของหนูน้อยยังหลุดออก ซึ่งแพทย์ผู้ทำการรักษาให้การก่อนหน้านี้ว่า พบเศษกาวแห้ง และสีจากกำแพงบ้านที่ร่อนออกมา ติดตามมือของโจเซลลีนเต็มไปหมด

ด้านอัยการเผยแพร่หลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทปบันทึกเสียงของนางเอสคาโลนา ที่กล่าวว่า เริ่มสูบกัญชา และเข้าแก๊งอันธพาลตั้งแต่อายุ 11 ปี รวมถึงเคยมีเจตนาคิดสังหารมารดาแท้ๆของตนเอง

แม้นางเอสคาโลนาจะให้การรับสารภาพ หลังถูกจับกุมเมื่อเดือนก.ค. โดยหวังเพื่อขอให้มีการผ่อนผันโทษ แต่อัยการยืนกรานว่า ไม่สมควรลดโทษให้ผู้ต้องหาอย่างยิ่ง เนื่องจากมีแต่ “ปีศาจ” เท่านั้น ที่จะสามารถกระทำการอันโหดร้ายเช่นนี้ต่อบุตรแท้ๆของตนเองได้
Share:

ไฟไหม้ห้องนักบินเครื่องบินโดยสารตุรกี


วันนี้ (14 ต.ค.)สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอังการา ประเทศตุรกีว่า มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คนในวันนี้ เพราะต้องอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบินโดยสารของสายการบินคอเรนดอนของตุรกี ที่สนามบินอันตาลยา เพราะไฟไหม้ในห้องนักบิน
โทรทัศน์เอ็นทีวีของตุรกีรายงานว่า อุบัติเหตุไฟไหม้ในห้องนักบินเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.บ่ายวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับ 08.00 น.วันเดียวกันตามเวลาในประเทศไทย เป็นเครื่องบินโดยสารแบบโบอิ้ง 737-800 ของสายการบินคอเรนดอนของตุรกี ที่สนามบินอันตาลยา ขณะที่กำลังเตรียมออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางที่เมืองทรอนไฮล์ม ประเทศนอร์เวย์ พร้อมผู้โดยสาร 189 คน และ ลูกเรือ 7 คน แต่เกิดไฟไหม้ภายในห้องนักบิน จึงต้องอพยพผู้โดยสารออกมาจากเครื่อง ปรากฏว่า มีผู้โดยสาร 2 คน ได้รับบาดเจ็บ ขาหักและอีกหลายคนสูดควันเข้าไป จึงต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล ส่วนผู้โดยสารคนอื่นๆที่ปลอดภัย ทางสายการบินจัดการเปลี่ยนเครื่องบินลำใหม่ และสามารถเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางได้
แถลงการณ์ของสายการบินคอเรนดอน ยืนยันว่า มีไฟไหม้ในห้องนักบินจริงและการอพยพผู้โดยสารออกมาจากเครื่องบินลำที่เกิดเหตุ แต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายงานความเสียหาย และไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนว่าเหตุใดจึงเกิดไฟไหม้ขึ้นมาในห้องนักบิน ขณะที่ทางบริษัทโบอิ้ง ก็จะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบเครื่องบินลำนี้ ซึ่งถูกสั่งงดบินไปแล้ว
Share:

“สมเด็จพระนโรดม สีหนุ” เสด็จสวรรคต


วันนี้ ( 15 ต.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีนว่า สมเด็จพระนโรดม สีหนุ อดีตพระมหากษัตริย์กัมพูชา เสด็จสวรรคตแล้วด้วยพระอาการประชวรเรื้อรังจากโรคมะเร็งลำไส้ โรเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคเครียด ขณะทรงมีพระชนมายุ 89 พรรษา  เมื่อช่วงรุ่งสางวันนี้ ระหว่างทรงเข้ารับการถวายการรักษาโดยคณะแพทย์ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า  สมเด็จพระนโรดม สีหนุ เสด็จสวรรคต เมื่อเวลา 02.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( 03.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) ก่อนถึงวันครบรอบวันคล้ายวันพระราชสมภพ 90 พรรษา ในวันที่ 31 ต.ค.
ด้านนายนิก บันเจย รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แถลงว่า ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของกัมพูชา พสกนิกรทุกคนรู้สึกตกตะลึง และเศร้าโศกอย่างมากทันทีที่ทราบข่าว แม้พระองค์จะทรงสละราชสมบัติ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวรอยู่ที่ประเทศจีน แต่ชาวกัมพูชาทุกคนยังมีความเคารพรักต่อพระองค์เสมอมา
ทั้งนี้ สมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งทรงเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระนโรดม สีหนุ เสด็จฯพร้อมด้วยนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ไปยังกรุงปักกิ่ง ด้วยเที่ยวบินพิเศษแล้ว เพื่อทรงรับพระบรมศพของสมเด็จพระราชบิดากลับมาประกอบพระราชพิธี ณ กรุงพนมเปญ
สมเด็จพระนโรดม สีหนุ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2465 ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต และสมเด็จพระมหากษัตริยานีสีสุวัตถิ์ กุสุมะ นารีรัตน์ สิริวัฒนา เสด็จขึ้นครองราชสมบัติครั้งแรกเมื่อเดือนก.ย. 2484 หลังจากพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ ซึ่งเป็นพระอัยกา เสด็จสวรรคต ต่อมาทรงสละราชสมบัติเมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2498 ให้แก่สมเด็จพระราชบิดา เพื่อทรงดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็น นายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขของกัมพูชาควบคู่กับการเป็นนายกรัฐมนตรี หลังสมเด็จพระราชบิดาเสด็จสวรรคต เมื่อปี 2503 ทว่าทรงเป็นการเสด็จสู่พระราชสมบัติโดยปราศจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ส่งผลให้พระองค์ถูกนายพลลอน นอล ก่อการรัฐประหารเพื่อล้มอำนาจของพระองค์
หลังสิ้นสุดเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองในประเทศ สมเด็จพระนโรดม สีหนุ ทรงได้รับการสถาปนาเป็นพระมหากษัตริย์อีกครั้ง เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2536 ก่อนจะทรงสละราชสมบัติให้แก่สมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี พระราชโอรส เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2547 โดยทรงดำรงพระราชอิสริยยศ "พระกรุณา พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พระมหาวีรกษัตริย์ พระวรราชบิดา เอกราช บูรณภาพดินแดน และความเป็นเอกภาพแห่งชาติเขมร"
เมื่อราว 3 ปีก่อน สมเด็จพระนโรดม สีหนุ ทรงมีพระราชสาส์นดำรัสว่า พระองค์ทรงปรารถนาที่จะสวรรคตในอนาคตอันใกล้นี้ โดยทรงมีพระประสงค์ให้ทางการกัมพูชาจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระองค์ ตามขนบะรรมเนียมประเพณีของกัมพูชา ก่อนนำพระอัฐิของพระองค์ไปบรรจุไว้ในพระโกฏิทองคำ เพื่อนำไปประดิษฐานไว้ภายในพระเจดีย์คันธบุปผา ที่อยู่ในพระวิหารแก้วมรกต ของพระบรมมหาราชวัง กรุงพนมเปญ
Share:

“ดีเอสไอ” สอบ“มือปราบหูดำ”ไร้ข้อมูลชายชุดดำ


วันนี้ (15 ต.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ประเวศน์   มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนกรณีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ  91 ศพ ในเหตุความรุนแรงทางการเมืองปี 2553 กล่าวว่า  วันนี้ได้เชิญ พล.ต.ต.วิชัย  สังข์ประไพ  อดีตรองจเรตำรวจแห่งชาติ เข้าให้ข้อมูลการปฎิบัติงาน
หลังให้ปากคำนาน 5 ชั่วโมง พล.ต.ต.วิชัย ได้อธิบายรายละเอียดและขั้นตอนการปฎิบัติงานอย่างละเอียดทั้งการจัดวางกำลังดูแลพื้นที่  แต่ไม่ได้นำหลักฐานอะไรมามอบให้  โดยพนักงานสอบสวนได้นำคลิปเหตุการณ์ต่างๆที่มีภาพพล.ต.ต.วิชัย ปรากฏอยู่มาให้ตรวจสอบด้วย เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 พ.ค.2553 ที่มีผู้ชุมนุมเสื้อแดงคนหนึ่งถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส  บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  ขณะนั้นพล.ต.ต.วิชัย ได้ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ทราบว่าวิถีกระสุนยิงมาจากตึกชีวาทัย  ใกล้โรงแรมเซ็นจูรี่ พร้อมกันนี้พล.ต.ต.วิชัย  ยังได้อธิบายเหตุการณ์ในวันที่ 20 พ.ค.2553 ขณะที่นำกำลังตำรวจเข้าไปช่วยผู้ชุมนุมออกจากวัดปทุมวนาราม  เมื่อสอบถามถึงชายชุดดำ  พล.ต.ต.วิชัย  ระบุว่าไม่มีข้อมูลเรื่องดังกล่าว.
Share:

ตำรวจมักกะสันจัดชุดล่ามือทุบรถ"โดนัท"





ตำรวจมักกะสันจัดชุดตามล่ามือดีแอบทุบรถนางเอกดัง"โดนัท มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล" ฉกทรัพย์สินเกือบแสนบาทหนีลอยนวล
จากกรณีที่น.ส.มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล  หรือ โดนัท อายุ  29 ปี นางเอกสาวชื่อดังถูกคนร้ายทุบรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ก-2503 ชลบุรี ซึ่งจอดอยู่ริมถนนอาร์ซีเอ หน้าโรงภาพยนตร์เฮ้าส์ อาร์ซีเอ เพื่อร่วมงานเปิดตัวหนังสือ “ดิ ออร์เธอร์ ออฟ เดอะ เวิลด์” จนได้รับความเสียหายแล้วขโมยทรัพย์สิน ได้แก่ แม็คบุ๊ค กระเป๋าหนังสะพาย ยี่ห้อโค๊ทส์ ฮาร์ดดิสก์ เอ็กซ์เทอร์นอล 2 ตัว สร้อยและแหวนแฮนด์เมด รวมมูลค่ากว่า 8.5 หมื่นบาทตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 11.40 น.วันนี้(14 ต.ค.)พ.ต.ท.นันทพงศ์ สุขอัจจะสกุล รองผกก.สส.สน.มักกะสัน เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหาพยานหลักฐานจากจุดเกิดเหตุ เนื่องจากตรวจสอบแล้วบริเวณดังกล่าวไม่มีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้แต่อย่างใด พร้อมกันนั้นเจ้าหน้าที่ได้สอบถามบุคคลซึ่งอยู่ในละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ก็ไม่พบว่ามีผู้ใดพบเห็นบุคคลที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ จึงยังไม่ทราบว่าคนร้ายมีรูปพรรณสัณฐานอย่างไร มีจำนวนกี่คนและเป็นกลุ่มใด จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่จุดเกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงตรวจสอบหาพยานแวดล้อมเพิ่มเติมอีกครั้ง เพื่อเร่งหาเบาะแสคนร้ายต่อไป  โดยขอเวลาทำงานสักระยะคาดว่าจะมีความคืบหน้าต่อไป
Share:

จับ"ร.ต.อ."พร้อมพวกอ้างเป็น ตร.ปส.ปล้นทรัพย์






เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ ( 15 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1  พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รองผบช.ภ1  ร่วมกันแถลงผลการจับกุม  ร.ต.อ.ธีรรัตม์ สุวรรณวาส์น อายุ 38 ปี รองสวป.สน.บางยี่ขัน นายชูพงษ์ สระทองยอด อายุ 47 ปี นายเอกลักษณ์ ชุ่มเชื้อ อายุ 25 ปีและนายอนิวัตต์ รอเดช อายุ 25 ปี พร้อมรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่  สีดำ ทะเบียน ชฐ 7017 กรุงเทพมหานคร 
การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อช่วงค่ำวันที่ 8  ต.ค. กลุ่มผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นตำรวจสังกัด บช.ปส. เข้าค้นบ้านเลขที่ 96/251 หมู่บ้านร่วมทางฝัน หมู่ 6 ถนนเลียบคลองสอง ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ของนายประจักษ์ โชคศิริ และน.ส.สมิตานัน ชยะโยธินกุล  โดยได้ช่วยกันจับผู้เสียหายมัดมือและปิดตา ก่อนจะรื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้าน ได้เงินสดไป 200,000 บาท รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า คลี๊ก โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 4  บัตรเอทีเอ็มที่มีเงินอยู่ 140,000 บาท นาฬิกาข้อมือ 4 เรือน ปืนพกสั้น 1 กระบอก รวมทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ  2 ล้านบาท โดยกลุ่มผู้ต้องหานำตัวผู้เสียหายไปปล่อยที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวสองพี่น้อง คลอง 7  ถนนรังสิต-องครักษ์ ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบสวนจนทราบและสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้ 4 คน เหลือเพียงนายศราวุทธ จุ้ยม่วงศรี อายุ 44 ปี ที่ยังหลบหนีอยู่ เจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรีที่ จว.987/2555 ลงวันที่ 13 ต.ค.แล้ว สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหาทราบว่า จะรวมตัวเป็นแก๊งอ้างมาจาก บช.ปส. เลือกผู้เสียหายที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพราะคิดว่าผู้เสียหายจะไม่กล้าไปแจ้งความ โดยได้ข่าวจากวงการพนันและวงการยาเสพติด หลังจากก่อเหตุจะแบ่งทรัพย์สินเอาเงินไปเที่ยวเตร่ โดยมีร.ต.อ.ธีรรัตม์ ซึ่งมีฉายาว่า “นาย” เป็นผู้วางแผนแบ่งงาน
“ผู้ต้องหารับว่าเคยก่อเหตุลักษณะดังกล่าวมาหลายท้องที่ทั้งภาค 1 และภาค2  รวมกันกว่า 8 ครั้ง แต่ที่จำได้คือ กลางเดือนก.ค. 55  ปล้นบ้านริมคลอง 1 ธัญบุรี จ.ปทุมธานี แต่ไม่ได้ทรัพย์สินไป ครั้งที่สอง ต้นเดือน ก.ย. 55 ปล้นบ้านย่านราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี ได้ทรัพย์สินรวมกว่า 2 ล้านบาท และ 3.ปลายเดือนเดียวกัน ปล้นบ้านตรงข้ามกรมสรรพาวุธทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้ทรัพย์สินและยาเสพติด มูลค่ารวมกันกว่า 1 ล้านบาท” พล.ต.อ.เอก กล่าวและว่าเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแจ้งข้อหาปล้นทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นจากการจับกุม และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจโดยการขู่เข็ญควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายรายงานว่า สำหรับ ร.ต.อ.ธีรรัตม์หัวหน้าชุดนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างอบรมตำแหน่งสารวัตรอยู่ หลังจากถูกจับ บช.น.ได้มีคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน และตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง อย่างไรก็ตามสำหรับสาเหตุการลงมือมีการข่าวเชิงลึกว่า ร.ต.อ.ธีรรัตม์ ติดหนี้เล่นการพนันเกือบแสนบาท จึงรวมทีมและก่อเหตุลักษณะดังกล่าว ในการแถลงข่าวครั้งนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้นำตัวร.ต.อ.ธีรรัตม์ มาแถลงข่าว.
Share:

คุมตัวทำแผนแก๊งตำรวจโจร



วันนี้ (15 ต.ค.) พ.ต.ท.ปรากฎ นาคใหญ่ สว.สส.สภ.คูคต จ.ปทุมธานี พร้อมด้วยกำลังตำรวจชุดสืบสวน ได้ควบคุมตัว ร.ต.อ.ธีรรัตม์ สุวรรณวาส์น อายุ 38 ปี รอง สวป.สน.บางยี่ขัน นายชูพงษ์ สระทองยอด อายุ 47 ปี นายเอกลักษณ์ ชุ่มเชื้อ อายุ 25 ปี และนายอนิวัตต์ รอเดช อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาในคดีอ้างตัวเป็น ตำรวจ ปส.ปล้นทรัพย์เหยื่อ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ภายในบ้านเลขที่ 96/251 หมู่บ้านร่วมทางฝัน หมู่ 6 ถนนเลียบคลองสอง ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ของนายประจักษ์  โชคศิริ และน.ส.สมิตานัน ชยะโยธินกุล ผู้เสียหาย ท่ามกลางความสนใจของประชาชน                                                          
หลังกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด ได้ทำการ ก่อนรื้อค้นทรัพย์สินได้เงินสดไป 200,000 บาท รถโตโยต้ารุ่นคัมรี่ 1 คัน รถจยย.ฮอนด้า คลิก 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องบัตรเอทีเอ็ม 1 ใบมีเงินอยู่ 140,000 บาท นาฬิกาข้อมือ 4 เรือน และอาวุธปืนขนาด.32 มม. 1 กระบอก รวมทรัพย์สินทั้งหมด 2 ล้านบาท ส่วนผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างหลบหนีคือ นายศราวุทธ จุ้ยม่วงศรี อายุ 44 ปี ซึ่งได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดธัญบุรีที่ จ.987/2555 ลงวันที่ 13 ต.ค.แล้ว
สำหรับผู้ต้องหาที่ร่วมแก๊งกับ ร.ต.อ.ธีรรัตน์ นั้น จากการสอบสวนทราบว่ามีอาชีพทำนากับรับจ้างทั่วไป โดยทั้ง 3 คนเปิดเผยว่า นายศราวุธ ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีเป็นคนชักชวนมาให้รู้จักกับ ร.ต.อ.ธีรรัตน์ โดยให้มาช่วยงานปราบปรามยาเสพติด รวมทั้งจะออกบัตร ปส.ให้.
Share:

ศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก ดีเจเสื้อแดงปทุมธานี ปิดถนนพหลฯ


วันนี้ (15 ต.ค.) ที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีดำ อ.2863/2555 ที่พนักงานอัยการ ฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์  ฟ้อง นายชุติพนธ์ ทองคำ หรือ นายกร ลำลูกกา อายุ 55 ปี ดีเจสถานีวิทยุชุมชนคนเสื้อแดง จ.ปทุมธานีความถี่ เอฟเอ็ม 93.65 เมกกะเฮริต์   เป็นจำเลย ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ ร่วมกันปิดกั้นทางหลวง ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานฯ โดยโจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า  
เมื่อวันที่  25  เม.ย.53  เวลากลางวัน ซึ่งอยู่ในระหว่างประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ใน อ.คลองหลวง  จ.ปทุมธานี  จำเลยกับพวกได้ชุมนุมปิด ถนนพหลโยธินฝั่งขาเข้า ทั้งช่องทางด่วนและคู่ขนาน  โดยใช้เครื่องขยายเสียงอยู่บนกระบะท้ายรถยนต์และยุยงให้ประชาชนร่วมปิดกั้นถนน ซึ่งเป็นของหลวง เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิก จำเลยกับพวกไม่เลิก  และขัดขวางกลุ่มเจ้าพนักงานโดยปิดถนน , ปล่อยลมยางล้อรถยนต์และขู่จะใช้กำลังประทุษร้าย  ทำให้การจราจรขัดอย่างหนัก เหตุเกิดที่ ต.คลองหนึ่ง  อ.คลองหลวง  จ.ปทุมธานี  ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 138 , 140 , 215 , 216 , 309 , พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535 มาตรา 39 จำเลยให้การปฏิเสธ 
โดยฝ่ายอัยการโจทก์แถลงต่อศาล  ขอสืบพยานโจทก์ 17 ปาก ใช้เวลา 3 วันต่อเนื่องกัน  ส่วนทนายจำเลยขอนำสืบพยานจำเลยรวม 5 ปาก ใช้เวลา 1 วัน ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์  
ศาลจึงนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกในวันที่ 17 ก.ย.56 เวลา 09.00 น.   
โดยคดีดังกล่าว เป็นเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่  25  เม.ย.53   ซึ่งอยู่ในระหว่างประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ใน อ.คลองหลวง  จ.ปทุมธานี  จำเลยซึ่งเป็นดีเจวิทยุคนเสื้อแดงจ.ปทุมธานี   ได้นำรถเมล์สาย 39 มาจอดขวางถนน บนถนนพหลโยธินขาเข้า ทั้งช่องทางด่วน และคู่ขนาน  หน้าโรงกษาปณ์ หมู่ 4ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง ก่อนถึงฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต ประมาณ 2 กม. เพื่อป้องกันและ ปิดกั้นถนนมิให้รถยนต์ตู้ และรถยนต์ปิกอัพ รถยนต์ 6 ล้อ ควบคุมผู้ต้องขัง รวม 53  คัน ของตำรวจที่เดินทางมาจากจังหวัดต่างๆ ทั้งภาคเหนือ และอีสาน โดยมีผู้โดยสารซึ่งเป็นตำรวจที่เดินทางมา 532 นาย เพื่อมาสมทบกำลังตำรวจในกรุงเทพมหานคร  
ทั้งนี้ กลุ่มเสื้อแดงระบุว่า ตำรวจเหล่านี้ได้รับคำสั่งให้ ให้เข้าไปสมทบเพื่อปราบคนเสื้อแดงที่ชุมนุมกันอยู่ที่ราชประสงค์ จึงล้อมและถูกกักตัวไว้บริเวณที่รกร้างของชาวบ้านลานกว้าง ซึ่งทำเป็นสนามฟุตบอลออกกำลังกาย โดยมีรั้วลวดหนามล้อมรอบ มีทางเข้าออกทางเดียว ริมถนนพหลโยธินตรงข้าม บริษัทกู๊ดเยียร์ ประเทศไทยจำกัด หมู่ 4 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง.
 
Share:

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ 095-219-0106

Popular Posts

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Blog Archive

Followers

Blog Archive