วันที่ 30 ส.ค. ที่กรมศุลกากร นายยุทธนา หยิมการุณ รองอธิบดี รักษาการอธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วยนายเสริมยศ สมมั่น รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม 2 สามีชาวเวียดนาม คือ นายพาม งอก ทวน (Mr.Pham Ngoc Tuan) อายุ 41 ปี และนางพาม ติ คิม ชิ (Mrs.Pham Thi Kim Chi) อายุ 41 ปี พร้อมของกลางกระเป๋าเดินทาง 4 ใบ ภายในบรรจุงาช้าง ลูกปัดที่ทำด้วยงาช้าง และเศษวัสดุเป็นงาช้าง รวม 27 รายการ น้ำหนักรวม 105 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 16 ล้านบาท โดยจับกุมได้ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา
นายยุทธนา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สืบทราบมาว่าจะมีขบวนการลักลอบนำงาช้างผ่านประเทศไทย ซึ่งงาช้างอยู่ในบัญชี 1 ของอนุสัญญาไซเตส (CITES) จึงเฝ้าติดตาม กระทั่งเวลา 15.30 น. วันที่ 29 ส.ค. เจ้าหน้าที่ฝ่ายศุลกากรฝ่ายปราบปราม (ฝปป.)ส่วนควบคุมทางศุลกากร (สคศ.)และสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สผภ.)ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่บริเวณจุดตรวจเครื่องเอ็กซเรย์พบกระเป๋าต้องสงสัยจำนวน 4 ใบ ซึ่งภายในคาดว่าจะบรรจุซากสัตว์ป่าประเภทงาช้าง
จากการตรวจสอบพบว่า กระเป๋าดังกล่าวมาจากเมืองลูอันดา ประเทศแองโกลา ด้วยสายการบินเอธิโอเปีย เที่ยวบิน อีที 480 ลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อจะส่งต่อไปยังเมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา โดยกระเป๋าทั้ง 4 ใบ เป็นของ นายพาม งอก ทวน และนางพาม ติ คิม ชิ ซึ่งถือหนังสือเดินทางสาธารณรัฐสังคมเวียดนาม เจ้าหน้าที่จึงติดตามตัวทั้งสอง พร้อมนำกระเป๋าทั้งหมดมาตรวจค้น ซึ่งจากการตรวจค้นภายในกระเป๋าเดินทางทั้ง 4 ใบอย่างละเอียด พบงาช้าง ลูกปัดทำด้วยงาช้าง และเศษวัสดุที่เป็นงาช้าง รวม 27 รายการ น้ำหนักรวม 105 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 16 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัวไว้ พร้อมยึดงาช้าง ลูกปัดและเศษวัสดุงาช้างไว้เป็นของกลาง
สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพว่า เพิ่งกระทำความผิดเป็นครั้งแรก โดยรับจ้างขนงาช้างในราคาเที่ยวละประมาณ 50,000 บาทไทย มีค่าตั๋วเครื่องบินและค่าที่พักให้ต่างหาก เพื่อส่งผ่านไปยังประเทศกัมพูชา โดยจะนำไปทำเป็นเครื่องประดับหรือนำไปเป็นส่วนผสมของยา ทั้งนี้งาช้างที่นำไปส่งจะสามารถขายคิดเป็นเงินไทย ได้กิโลกรัมละ 150,000 – 300,000 บาท
ด้านนายเสริมยศ กล่าวว่า กรณีการลักลอบค้างาช้างที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ หรือ การนำออกนอกประเทศนั้น ถือเป็นความผิดกฎหมายไซเตส (CITES) ซึ่งในส่วนของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รับการสั่งการจากนายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและนายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ให้เข้มงวดในการตรวจตรา ห้ามค้า ห้ามล่าสัตว์ป่า รวมถึงสัตว์ที่อยู่ในบัญชีไซเตสด้วย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา นำเข้า หรือ นำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี หรือ ผู้ที่อธิบดีได้รับมอบหมาย ตามมาตรา 24 แห่ง พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ.2469 โทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.สุวรรณภูมิ ดำเนินคดีต่อไป ส่วนงาช้างของกลางนั้น จะส่งด่านตรวจสัตว์ป่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินการต่อไป