เพื่อไทย ออกแถลงการณ์ รอคำวินิจฉัยกลางและส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนเดินหน้าแก้ รธน. ย้ำจุดยืนคัดค้าน ศาลไม่มีอำนาจรับวินิจฉัย ตามมาตรา 68 “พีรพันธุ์” เร่งเปิดเผยคำวินิจฉัย
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้(16ก.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมคณะทำงานฝ่่ายกฎหมายร่วมกับวิปรัฐบาล และกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคซึ่งประกอบไปด้วยแกนนำสำคัญทั้งจากสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ไทยรักไทย อดีตกรมการบริหารพรรคพลังประชาชน และรัฐมนตรีใน ครม.ชุดปัจจุบัน อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายเสนาะ เทียนทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานวิปรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในฐานะฝ่ายกฎหมายพรรค น.อ.อนุดิษฐ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศและที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นต้น โดยมี นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานแกนนำกลุ่ม นปช.ร่วมด้วย
จากนั้น เวลา 16.00 น. ภายหลังการประชุม พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์ “กรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 68” พร้อมร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน นำโดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการ ผอ.พรรคเพื่อไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคมในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร ในฐานะฝ่ายกฎหมายพรรค นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย ในฐานะประธานกรรมมาธิการยกร่างแก้ไขเพิ่มรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค
โดยนายพร้อมพงศ์ เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ว่า 1.เนื่องจากขณะนี้คำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญก็ดี คำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้ประกาศเป็นทางการ จึงยังไม่อาจที่จะวิเคราะห์หรือหาข้อสรุปโต้แย้งคัดค้าน หรือดำเนินการใดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ 2.พรรคเพื่อไทยยังคงยืนยันในข้อคัดค้านที่ได้แถลงไว้ต่อศาลรัฐธรรมนูญใน 2 ประเด็นคือ 1) พรรคเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับคำร้องไว้วินิจฉัยตามมาตรา 68 และ 2) ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยกระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ 3.สำหรับประเด็นที่เป็นปัญหาที่อยู่ในความสนใจของประชาชนในขณะนี้ เช่น จะมีการลงมติวาระ 3 หรือไม่ จะสอบถามประชามติจากพี่น้องประชาชนก่อนหรือไม่ เห็นว่ากระบวนการยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในครั้งนี้มีองค์ประกอบสำคัญจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาล สมาชิกวุฒิสภา จึงมีความจำเป็นที่จะต้องรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่กล่าวมา เพื่อประกอบการพิจารณาว่าจะมีความเห็นต่อกรณีดังกล่าวอย่างไร จึงเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะหาข้อยุติในประเด็นดังกล่าวในขณะนี้
พรรคเพื่อไทยขอแถลงว่า พรรคยังคงมีจุดยืนเป็นนโยบายยืนยันที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ให้เป็นประชาธิปไตยและยึดมั่นในหลักนิติรัฐ นิติธรรม เพื่อลดปัญหา อุปสรรคจากการใช้รัฐธรรมนูญ 2550 ในการดำเนินการกิจกรรมทางการเมือง พรรคถือว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยจัดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นกระบวนการประชาธิปไตยที่เปิดโอกาสให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยได้ใช้อำนาจของตนเอง เป็นการสถาปนาโดยพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยของประเทศอย่างแท้จริง
นายพีระพันธ์ กล่าวว่า ตาม มาตรา 216 บัญญัติไว้ว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต้องทำคำวินิจฉัยส่วนตนพร้อมแถลงด้วยวาจาก่อนลงมติ รวมทั้งความเห็นของตุลาการทั้งหมดให้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา ซึ่งยังไม่รู้ว่าคำวินิจฉัยที่โฆษกศาลรัฐธรรมนูญออกมาระบุนั้น จะตรงกันหรือสั้นยาวกว่าคำวินิจฉัยส่วนตนที่จะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเพียงใด นอกจากนี้คำวินิจฉัยของศาลต้องชัดเจนเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ดังนั้นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญปฏิบัติตามให้ชัดเจน ส่วนที่วันนี้โฆษกศาลรัฐธรรมนูญออกมาอธิบายคำวินิจฉัยของศาลนั้น ตนมองว่าไม่ใช่หน้าที่
ด้านนายภูมิธรรม กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ต้องการให้เรื่องนี้ยืดเยื้อแต่ต้องรอคำวินิจฉัยซึ่งเป็นลายลักษณ์อักษรที่เป็นทางการ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าภาระผูกพันของเราคือจะต้องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประชาชน ลดเงื่อนไขต่างๆ และอุปสรรคในการพัฒนาประเทศให้ลดลง ขณะนี้เรายังมีเวลากว่าจะเปิดสภาฯ ในวันที่ 1 ส.ค.ดังนั้นต้องรอบคอบมากที่สุด เพื่อหาทางออกที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย..
