ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ
www.becomz.com

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ รามคำแหง

เปิดบริการซ่อมคอมพิวเตอร์ถึงที่สะดวกรวดเร็ว ด้วยทีมงานช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ มืออาชีพ ประสบการณ์กว่า 10 ปี ที่จะไปบริการซ่อม ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน วัด โรงเรียน ร้านอินเตอร์เน็ต ฯลฯ โดยคิดอัตราค่าบริการเริ่มต้นเพียง 400 บาทต่อเครื่องเท่านั้น

การให้บริการ

หากลูกค้ายืนยันการซ่อมแล้วทางเราออกเดินทาง ไปแล้วยกเลิกการซ่อมในขณะที่ทางเราเดินทางไปถึงแล้วจะต้องเสียค่าเสียเวลาและการเดินทาง 400 บาท

พื้นที่ที่บริการ

ซ่อมคอมนอกสถานที่,ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ 095-219-0106 เริ่มต้นที่ 400บาท/เครื่อง (ปล. ให้บริการเฉพาะเขตพื้นที่ รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย ลาดพร้าวเฉพาะ บริเวณ จากเดอะมอลบางกะปิถึงโชคชัย 4 )

อัตราค่าบริการ becomz

ติดต่อ : TaNDesgin โทร. 095-219-0106 www.i-comz.com

บริการหลังการซ่อม โดย www.i-comz.com

ทุกงานซ่อมรับเราประกัน 1 สัปดาห์เต็ม หากปัญหาเดิมยังอยู่ เราจะไปบริการซ่อมให้ฟรี โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่เคยใบ้บริการกับทาง www.i-comz.com เรามีบริการซ่อมคอมออนไลน์ฟรีให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่า

วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556

แพทย์ระบุ เด็ก 5 ขวบเหยื่อ ป.1โหด ยังโคม่า-ตั้งกรรมการสอบโรงเรียน





แพทย์จุฬาฯชี้ น้องพี เด็กนักเรียน 5 ขวบ ที่ถูกรุ่นพี่ ป.1 ต่อยจนช้ำในและติดเชื้อในกระแสเลือดอาการยังหนัก ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ไม่ชัดจะดีขึ้นหรือไม่ ด้านย่าเด็กงง เรื่องใหญ่ขนาดนี้แต่ผู้ปกครองคู่กรณียังไม่ติดต่อ ส่วน ผอ.สพท.เขต 1 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง
จากกรณี ป้าของน้องพี อายุ 5 ขวบ นักเรียนชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เข้าร้องเรียนกับนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่าหลานชาย ถูกเด็กนักเรียนรุ่นพี่ที่โรงเรียนเดียวกันรุมทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส แขนหัก บอบช้ำภายใน จนติดเชื้อในกระแสเลือด ต้องเข้ารักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ของ รพ.เจ้าพระยายมราช อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี แต่อาการโคม่ายังไม่ดีขึ้นญาติจึงนำตัวส่งมารักษาต่อที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ โดยมี น.ส.นิด แม่น้องพี เฝ้าใกล้ชิด เบื้องต้นโรงเรียนไม่มีการลงโทษเด็กคู่กรณี ซึ่งถือว่าไม่ยุติธรรม อีกทั้งไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ตำรวจก็แนะนำให้เคลียร์กันเองจึงจำเป็นต้องมาร้องเรียน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า วันนี้ (13 มี.ค.) ที่ตึกอำนวยการชั้น 2 รพ.จุฬาฯ ผศ.นพ.อภิชัย อังสพัทธ์ ผู้ช่วย ผอ.ด้านผู้ป่วยวิกฤต และ รศ.พญ.จิตลัดดา ดีโรจน์วงศ์ กุมารแพทย์ ฝ่ายกุมารเวชศาสตร์ แพทย์เจ้าของไข้ ร่วมกันแถลงความคืบหน้า โดย ผศ.นพ.อภิชัย กล่าวว่า ทีมแพทย์ได้ประเมินอาการแรกรับของน้องพี แล้วพบว่าผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดและลิ้นหัวใจ รวมทั้งมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ นอกจากนี้ยังตรวจพบผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบบริเวณแขนและรักแร้ด้านซ้าย รวมถึงมีอาการซึมเศร้า ต้องให้ยาเพิ่มความดันโลหิต จึงจะทำให้ชีพจรและความดันโลหิตนั้นอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ผศ.นพ.อภิชัย กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทีมแพทย์ผู้รักษาได้ให้การรักษาด้วยเครื่องช่วยหายใจ ยาปฎิชีวนะ ยาเพิ่มความดันโลหิต และต้องรอปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านหัวใจ ด้านกระดูกและศัลยกรรมกุมารฯ อีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้ผู้ป่วยยังมีอาการคงที่ และต้องได้รับการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในโรงพยาบาลอย่างน้อย 6 สัปดาห์ ซึ่งสรุปอาการโดยทั่วไป ถือว่าอาการของเด็กหนักมาก แต่ก็คงที่ในระดับหนึ่งไม่ได้แย่ลง แต่จะมีแนวโน้มดีขึ้นหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังบอกได้ยาก เนื่องจากเพิ่งรับตัวเด็กเข้ามารักษาเมื่อวันที่ 12 มี.ค. ต้องรอดูอาการกันต่อไปอีกสักระยะ สำหรับเรื่องกระดูกที่แตกร้าวนั้นต้องรักษาบาดแผลที่แขนให้หายเสียก่อน จึงจะมาทำการรักษาเรื่องกระดูกต่อไป 
ต่อมา นางปวีณา พร้อมย่า แม่ และป้า เดินทางเข้าเยี่ยมอาการน้องพี โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที ซึ่งย่าน้องพี กล่าวว่า ตนและครอบครัวติดใจเรื่องที่เด็กมีอาการช้ำใน หากเป็นการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจริงก็ไม่น่าจะถึงกับช้ำใน ถ้าบอกว่ากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจนล้มแขนหักก็พอรับได้บ้าง แต่ถึงขนาดบอบช้ำภายในก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ซึ่งหลังจากที่มารักษาตัวที่รพ.จุฬาฯทางผู้ปกครองของคู่กรณีก็ยังไม่ได้ติดต่อเข้ามาพูดคุยแต่อย่างใด ในส่วนของคดีไม่อยากพูดถึง ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจจัดการไป แต่หวังว่าจะได้รับความยุติธรรมกลับคืนมา และสิ่งเดียวที่อยากได้ตอนนี้คือ อยากให้หลานหายดีกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว ซึ่งขอขอบคุณทางมูลนิธิปวีณาเป็นอย่างมากที่ได้เข้ามาช่วยเหลือ
ด้าน นางปวีณา กล่าวว่า หลังรับน้องพี เข้ามารักษาตัวแล้ว ได้ประสานไป ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี ให้เข้ามาช่วยเหลือเรื่องคดีความด้วย ซึ่ง ผบก.ภ.จว.สุพรณบุรี ก็รับปากว่าเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ ทั้งนี้จากการสอบถามทางญาติของน้องพีทราบว่า ฝ่ายผู้ปกครองของคู่กรณียังไม่มีการติดต่อมา ซึ่งคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 12 มี.ค. ตนได้ประสานไปยังกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ (พม.) ให้เข้าไปดูแลครอบครัวของน้องด้วย และในช่วงเย็นวันนี้ตนจะได้พาญาติเดินทางเข้าพบนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ เพื่อปรึกษาปัญหาและให้กระทรวงหามาตรการเข้าไปดูแลเด็กนักเรียนช่วงพักเที่ยง เนื่องจากขณะนี้ทางมูลนิธิปวีณาฯ ได้รับการร้องเรียนเรื่องปัญหาของเด็กนักเรียนในช่วงพักเที่ยงเข้ามาจำนวนมาก เช่น เด็กทะเลาะวิวาทกันชกต่อยกัน หรือลวนลามกัน เนื่องจากไม่มีอาจารย์ดูแล
ขณะที่ นายฉัฐชาย ภู่แสงวงษ์ ผอ.โรงเรียนดังกล่าว เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน้องพี วัย 5 ขวบ และน้องเอ (นามสมมุติ) วัย 6 ขวบ นักเรียนชั้น ป.1 ชกต่อยกันแบบตัวต่อตัวไม่ได้มีการรุมตามที่สื่อนำเสนอ โดยเหตุเกิดที่สนามหญ้า จนเวลาเลยไป 4-5 วัน ผู้ปกครองจึงแจ้งว่าหลานชายมีอาการเจ็บที่ไหล่ ทางโรงเรียนจึงพาไปตรวจที่รพ.เจ้าพระยายมราช พบว่ามีไหล่ร้าว ต่อมาโรงเรียนจึงเรี่ยไรเพื่อนครูช่วยออกค่าใช้จ่ายต่างๆในการรักษา จนกระทั่งต่อมาพบว่าเด็กมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด จึงนำส่ง รพ.จุฬาฯ แต่จะเกี่ยวกับอาการไหล่ร้าวหรือไม่ต้องรอแพทย์ยืนยันอีกครั้ง
ส่วน นายอนุสรณ์ ฟูเจริญ ผอ.สพท.เขต 1 สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทางญาติไปร้องมูลนิธิปวีณาฯ เพราะไม่เชื่อว่าเป็นการชกต่อยกันตัวต่อตัวแต่เป็นการรุมทำร้าย จึงได้ตั้งคณะกรรมการเข้าไปตรวจสอบที่โรงเรียน ทราบเบื้องต้นว่าไม่มีการรุมทำร้าย หลังเกิดเหตุทางคณะครูก็ดูแลเป็นอย่างดี และทราบว่าทางญาติของเด็กทั้งสองฝ่ายตกลงค่าเสียหายแต่ไม่เป็นที่พอใจ จนกระทั่งเด็กมีอาการทรุด ทั้งนี้ต้องรอผลวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเกิดจากอะไร และให้โรงเรียนช่วยเหลือเด็กอย่างเต็มที่ในทุกๆด้าน.
Share:

เด้งฟ้าผ่า 30 วัน "ผกก.สภ.สังขละ" หลังปล่อยให้มีการค้าประเวณี


ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วันนี้ (13 มี.ค.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย  โฆษก ตร. เปิดเผยว่า หลังจากที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว  ผบ.ตร.  มีคำสั่งให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกรูปแบบในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ในช่วงปิดภาคเรียน ระหว่างวันที่ 6 – 12 มี.ค. และให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดซึ่งพบว่าผู้ค้ารายย่อยในชุมชนยังลักลอบจำหน่ายยาเสพติดอยู่มาก  ขณะที่อบายมุขและสถานบริการเป็นต้นเหตุของอาชญากรรมก็ยังไม่เข้มงวดพอ  ผบ.ตร.จึงสั่งการกำชับและเร่งรัดให้ทุกหน่วยกวดขันปราบปรามอย่างจริงจัง ควบคู่กันไปกับการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระหว่างวันที่  13 – 19  มี.ค. 
“โดยกำหนดเป้าหมาย ดังนี้  1. เป้าหมายสำคัญในการระดมกวาดล้าง ได้แก่  1. สถานที่ลักลอบเล่นการพนันในลักษณะบ่อนการพนัน ตู้ม้าไฟฟ้า จับยี่กี หวยปิงปอง หวยออนไลน์ ไฮโล และป๊อกเด้ง 2. สถานบริการที่มีการจำหน่ายยาเสพติด หรือปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการ หรือปล่อยให้นำหรือพกพาอาวุธเข้าไปในสถานบริการ รวมทั้งการเปิด – ปิด เกินเวลา  3. ร้านเกม ร้านอินเตอร์เน็ต ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตและการประกอบกิจการร้านวิดิทัศน์ พ.ศ. 2552 โดยเฉพาะร้านที่ปล่อยให้เด็กเข้าไปใช้บริการในเวลาห้าม และจำหน่าย หรือสูบบุหรี่ สารเสพติด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน
ล่าสุด  พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ รอง โฆษก ตร. แถลงว่า สืบเนื่องจากกรณี ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์  จับกุม นายสุดใจ รัตน์วรรณ์ อายุ 56 ปี ที่ห้องพักสุดใจ ใน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี  โดยมีผู้เสียหายเป็นหญิงชาวพม่าอายุไม่เกิน  18  ปีรวม  8  คน  เมื่อวันที่ 11 มี.ค.  พล.ต.อ.อดุลย์  ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.7 มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ประภัสร์ ประยูรหงษ์  ผกก.สภ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี มาช่วยราชการที่ บช.ภ.7 เป็นเวลา 30 วัน  พร้อมทั้งสั่งการให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และรายงานผลให้ทราบภายใน 7 วัน  หากพบว่ามีความผิด มีการรับผลประโยชน์ สั่งการให้ดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด
“การปราบปรามการค้ามนุษย์ เป็นนโยบายที่ผบ.ตร.สั่งการทุกหน่วยให้กวดขันหลายครั้ง และให้เวลากวาดล้างกวดขันมาถึง 5 เดือนแล้ว แต่ในกรณีนี้กลับถูกละเลยแม้ ผกก.สภ.สังขละบุรี จะมีชื่อร่วมจับกุม  แต่ ผบ.ตร.ได้เรียก  พล.ต.ต.ชวลิต มาสอบถามรายละเอียด ก่อนพิจารณาให้มีคำสั่งตรวจสอบและช่วยราชการดังกล่าว เพื่อเป็นกรณีตัวอย่างที่ต้องการให้ทุกหน่วยเห็นว่าหากไม่ให้ความสำคัญในการปฏิบัติตามนโยบาย หัวหน้าหน่วยต้องถูกดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด” รองโฆษก ตร. กล่าว.
Share:

จำคุก32ปีหนุ่มขวานจามหัวเมียปางตาย


ที่ห้องพิจารณา 709 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันนี้ (13 มี.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาคดีความผิดต่อชีวิต หมายเลขดำ อ.928 /55  ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายอนัญลักษณ์  หรือแหวง ไชยโพธิ์  อายุ 31 ปี  อาชีพรับจ้าง อยู่บ้านเลขที่ 40 ม.12 ต.โนนค้อ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ  เป็นจำเลยในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 29 มี.ค.55 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 52 เวลากลางคืน จำเลยได้ใช้ขวานฟันที่ศีรษะและใบหน้าของ น.ส.สกุลรัตน์ วรรณวิชิต อายุ 21 ปี ผู้เสียหาย อดีตภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันหลายครั้ง ขณะที่ผู้เสียหายออกจากห้องน้ำ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นอันตรายแก่กายอย่างแสนสาหัส   จนใบหน้าเป็นแผลเป็นติดตัว โดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แต่แพทย์ได้รักษาอย่างทันท่วงที  จนผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย
เหตุเกิดหน้าห้องน้ำรวม บ้านเช่าเลขที่ 1558  ซ.อินทามระ  26/1 แขวง-เขตดินแดง กทม.  ต่อมาวันที่ 11 ก.พ.55 ตำรวจติดตามจับกุมจำเลยได้ขณะหลบหนีอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ  แต่ให้การต่อสู้ชั้นศาลอ้างว่า ใช้ท่อนไม้ตีที่ใบหน้าและศีรษะของผู้เสียหายเพราะความมึนเมา และบันดาลโทสะ เนื่องจากผู้เสียหายไม่ยอมคืนดี ทั้งที่ตนมางอนง้อด้วยหลายครั้งแล้ว   แต่ผู้เสียหายก็ไม่ยอม  เพราะไม่ชอบที่จำเลยมีนิสัยหึงหวง
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงถึงพฤติการณ์ของจำเลยขณะลงมือ ตลอดจนอาวุธที่ใช้กระทำผิด ทั้งขณะเกิดเหตุมีแสงไฟส่องสว่างชัดเจน สามารถจดจำใบหน้าจำเลยได้ถูกต้องแม่นยำ  คำเบิกความของผู้เสียหายมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ
ส่วนข้อต่อสู้ของจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ เห็นว่า จำเลยกระทำผิดจริง พิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288  ประกอบมาตรา 80  ให้จำคุก 32ปี  คำให้การชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาบ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกจำเลยไว้ 24  ปี และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหาย 319,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้อง  ริบอาวุธขวานของกลาง.
Share:

“ยูเอ็น” จัดพิธีไว้อาลัยแด่ “ฮูโก ชาเวซ”





ที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) จัดพิธีไว้อาลัยแด่การจากไปของอดีตประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ แห่งเวเนซุเอลา พร้อมกับยกย่องให้เป็นผู้นำที่สร้างสีสันบนเวทีการเมืองนานาชาติ และพลิกโฉมโลกยุคปัจจุบัน
สำนักข่าวเอพีรายงานจากสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ว่า นายบัน คี-มูน เลขาธิการยูเอ็น เป็นประธานในพิธีภายในของยูเอ็น ที่จัดขึ้นเพื่อไว้อาลัยแด่การจากไปของอดีตประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ แห่งเวเนซุเอลา พร้อมกับยกย่องให้เป็นผู้นำที่สร้างสีสันบนเวทีการเมืองนานาชาติ และพลิกโฉมโลกยุคปัจจุบัน

เหล่าเอกอัครราชทูตและผู้แทนจากทั่วโลกประจำยูเอ็นพร้อมใจกันยืนสงบนิ่งนาน 1 นาที ก่อนที่เลขาธิการยูเอ็น นายวุค เยเรมิค ประธานสมัชชาใหญ่ยูเอ็น ตัวแทนนักการทูตจากแต่ละภูมิภาค และนายเอเลียส อาฮัว รมว.ต่างประเทศเวเนซุเอลา จะขึ้นเวทีกล่าวสุนทรพจน์แสดงความรำลึกและไว้อาลัยให้แก่ชาเวซตามลำดับ

บันได้กล่าวย่องชาเวซ ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 5 มี.ค. ขณะมีอายุได้ 58 ปี ว่าเป็นบุคคลผู้อุทิศแรงกายและแรงใจอย่างแน่วแน่ที่จะให้ความช่วยเหลือ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนผู้ด้อยโอกาสให้ดีขึ้นอย่างถึงที่สุด ซึ่งชายผู้นี้ไม่ได้ทำเพียงเพื่อชาวเวเนซุเอลาเท่านั้น แต่เมื่อครั้งเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่เฮติ เมื่อ 3 ปีก่อน ชาเวซถือเป็นผู้นำประเทศลำดับต้นๆ ที่เสนอมอบความช่วยเหลือผ่านยูเอ็น

นอกจากนี้ เลขาธิการยูเอ็นยังยกย่องกรณีที่ชาเวซมีส่วนช่วยในฐานะผู้ประสานงานให้เกิดการเจรจา ระหว่างรัฐบาลโคลอมเบียกับกลุ่มกบฏในพื้นที่ด้วย ซึ่งผลงานทุกอย่างของชาเวซจะกลายเป็นประวัติศาสตร์อันน่าจดจำอย่างยิ่งตลอดไป ก่อนที่บันจะปิดท้ายด้วยการยกเนื้อหาตอนหนึ่งในสุนทรพจน์ของชาเวซ ที่กล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นครั้งแรกเมื่อปี 2542 ว่า เขาและทุกคนในที่แห่งนี้ล้วนมีความเชื่อมั่นเช่นเดียวกับชาเวซว่า อีกไม่นานโลกของเราจะมีแต่ความสันติสุข ความเป็นประชาธิปไตย และคุณภาพชีวิตของประชาชนทีได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบแน่นอน
Share:

ฟุ้งอบอวล! มือดีลอบขว้างปลาร้าใส่หน้า "ลีน่าจัง" เชื่อเรื่องการเมือง









ชายฉกรรจ์บุกขว้างปลาร้าใส่หน้า ลีน่าจัง ขณะนั่งทำงานอยู่ที่ร้านเสริมความงาม ในอินทราสแควร์ ก่อนจะปาใส่ประตูกระจกอีกดอก จนส่งกลิ่นฟุ้งตลบอบอวล เจ้าตัวกรี๊ดลั่นรีบอาบน้ำปะแป้งใหม่ทันที เผยโชคดีไม่ใช่น้ำกลด คาดไม่พอใจจัดรายการแฉคดีนักการเมือง
วันนี้ (11 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นางลีนา จังจรรจา หรือ ลีน่า จัง นักกฎหมายและผู้ดำเนินรายการแฉคดี ช่องฮอตทีวี ทางเคเบิลทีวี ว่ามีคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์บุกเดี่ยวเข้าไปปาถุงบรรจุปลาร้าใส่หน้าตนเอง ขณะกำลังนั่งอยู่ในร้านขายผลิตภัณฑ์เสริมความงามไฮโซลีน่า ที่ชั้น 2 ศูนย์การค้าอินทราสแควร์ เลขที่ 120/112  ถนนราชปรารภ เขตราชเทวี จึงไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุด้านหน้าประตูกระจกพบคราบน้ำปลาร้าเกลื่อนพื้นและประตูกระจก ซึ่งมีถุงบรรจุปลาร้าแตกอยู่บนพื้นด้วย ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว ภายในร้านบริเวณโต๊ะทำงานและชั้นวางสินค้า ก็มีคราบน้ำปลาร้าเต็มไปหมด ส่งกลิ่นฟุ้งทั่วห้องเช่นกัน นางลีนาจึงสั่งให้พนักงานรีบทำความสะอาด
จากการสอบถาม นางลีน่า ให้การว่า ขณะเกิดเหตุ ช่วงเที่ยงขณะกำลังนั่งอยู่ในร้านเพียงลำพัง เพราะพนักงานทำงานอยู่บนชั้นที่ 3 ทันใดนั้นเองมีชายฉกรรจ์อายุ 35 - 40 ปี ผิวคล้ำ ใส่เสื้อยืดแขนกุดสีดำคล้ายเสื้อกล้าม สวมกางเกงขาสามส่วนสีน้ำตาลและสวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้า ทำทีเดินเข้ามาในร้าน ก่อนจะหยิบถุงปลาร้ามาขว้างปาใส่มาโดนเต็มหน้าตน ทำให้ตกใจกรีดร้อง เนื่องจากไม่ทราบว่าเป็นปลาร้า นึกว่าเป็นน้ำกรด เพราะรู้สึกแสบหน้าด้วย ก่อนจะก้มหลบหมอบลงไปใต้โต๊ะ ส่วนคนร้ายก็วิ่งหนีออกไปที่หน้าร้าน แล้วปาถุงปลาร้าใส่ประตูกระจกอีกหนึ่งครั้ง พอเหตุสงบจึงรีบไปอาบน้ำชำระร่างกาย และรีบนำกล้องวงจรปิดมาเปิดดูทันที ส่วนสาเหตุนั้นเชื่อว่าน่าจะมาจากเรื่องการเมืองแน่นอน
"ดิฉันมั่นใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากเรื่องการเมืองแน่นอน เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาต่อเนื่องมาถึงวันนี้ ดิฉันจัดรายการแฉคดี จะพูดถึงเรื่องการเมือง โดยเฉพาะเรื่องเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ที่ตอนนี้ กกต.ยังไม่รับรองสิทธิ เพราะมีผู้ร้องคัดค้าน ดิฉันก็เอาคลิปเอาเรื่องราวคนโน้นคนนี้มาวิเคราะห์ มาแฉว่าจะเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างไร ซึ่งอาจทำให้แฟนคลับพรรคการเมืองไม่พอใจ และมุ่งมาทำร้ายดิฉันโดยเฉพาะ ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ทุกสีเสื้อ หรืออาจจะมีนักการเมืองจ้างวานมา แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการสอบสวนของตำรวจ ซึ่งดิฉันจะเข้าไปแจ้งความ สน.พญาไท คืนนี้ หลังบันทึกเทปรายการเสร็จ " นางลีนากล่าว
นางลีนา กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นจะแจ้ง 3 ข้อหาคือบุกรุก ทำร้ายร่างกาย และทำให้เสียทรัพย์ เชื่อว่าตำรวจน่าจะจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุรายนี้มาดำเนินคดีได้ไม่ยาก เพราะมีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดชัดเจน ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้นจะมาจากสาเหตุอะไรนั้นก็ต้องรอสอบถามคนร้าย ตอนนี้ยังรู้สึกตกใจกลัวอยู่ และยังถือว่าโชคดีที่คนร้ายใช้น้ำปลาร้ามาปาใส่ ถ้าเป็นน้ำกรดคงตายแน่ แต่จะสู้ด้วยการจัดรายการแฉคดีต่อไป.
Share:

รวบมือปืนโหดยิงพ่อ “ไอซ์ อาร์สยาม”


วันนี้(14มี.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.8 ร่วมกับ ตำรวจ บก.สส.ภ.จ.พังงา นำหมายศาลจังหวัดตะกั่วป่า เข้าทำการจับกุมตัวนายสมศักดิ์ วงษ์ศรี อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาใช้ปืน 9 มม.กระหน่ำยิง 3 ศพในสวนยางพารา บ้านดอกแดง ต.บางไทร อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา  โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิตมีนายสมบูรณ์ กิ้มติ๋น อายุ 69 ปี ซึ่งเป็นพ่อของ น.ส.ตรีชฎา กิ้มติ๋ม หรือ น้องไอซ์ อาร์สยาม นักร้องชื่อดัง เจ้าของเพลง”บ่าวริมแดง” ร่วมอยู่ด้วย  โดยสามารถจับกุมตัวได้ภายในเรือบรรทุกถ่าน บริเวณท่าเรือสะพานปลาระนอง
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สืบทราบว่า นายสมศักดิ์ หลบหนีมาซ่อนตัวอยู่บ้านญาติใน จ.ระนอง กระทั่งวันที่ 12 มี.ค.ได้ประสานตำรวจ สภ.เมืองระนอง ร่วมตรวจสอบบ้านญาติที่ให้ที่หลบซ่อนตัว แต่ไม่พบผู้ต้องหาแต่อย่างใด จึงสอบสวนคนในบ้านทราบว่า ผู้ต้องหามาขออยู่อาศัยจริงแต่ไม่ได้บอกว่าก่อเหตุอะไรมา กระทั่งมาทราบในข่าวว่า ก่อเหตุดังกล่าว มาจึงพยายามกล่อมให้เข้ามอบตัว แต่ไม่ได้รับคำตอบ แล้วหนีหายไป ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ผู้ต้องหายังคงอยู่ในพื้นที่ และหลบซ่อนตัวอยู่ในเรือ เบื้องต้นทราบว่า พยายามจะหลบหนีไปจ.เกาะสอง ประเทศพม่า เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังตรวจค้นเรือบรรทุกถ่านหิน ที่กำลังเดินทางไปเกาะสองและสามารถจับกุมตัว ได้ดังกล่าว แล้วควบคุมตัวมาสอบสวน ก่อนนำตัวมา บช.ภ.8 เพื่อแถลงข่าวต่อไป โดยยังไม่เปิดเผยผลการสอบสวนแต่อย่างใด
Share:

เพลิงไหม้ร้านสปอยเลอร์วอด








เพลิงเผาผลาญ ร้านทำสปอยเลอร์รถยนต์ วอดทั้งหลัง เพราะอุปกรณ์ในร้านเป็นเชื้อไฟอย่างดี สูญกว่า 5 แสนบาท
เมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 13 มี.ค.  ร.ต.ต.เลิศวัฒน์   อุทัยงาม พนักงานสอบสวน สภ.สามโคก จ.ปทุมธานี รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนใกล้เคียงร้านอาหารเวฟไซด์ เจ็ทสกี คลับ  ถนนสามโคกฝั่งตะวันออก เป็นร้านทำสปอยเลอร์ตกแต่งรถยนต์ ชื่อเจพีสปอยเลอร์ ตั้งอยู่เลขที่ 14/1 หมู่ที่3 ต.บ้านปทุม อ.สามโคก หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยรถดับเพลิงอบต.เชียงรากใหญ่ อาสาสมัครร่วมกตัญญู เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุเป็นร้านทำสปอร์ยเลอร์เพื่อตกแต่งเสริมความสวยงามรถยนต์ ตัวอาคารเป็นเพลิงไม้ชั้นเดียวบนเนื้อที่ประมาณ70ตร.ว. พบเพลิงอยู่ระหว่างโหมลุกไหม้อย่างรุนแรงเนื่องจากภายตัวอาคารทำจากไม้  ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ส่วนในร้านนั้นประกอบไปด้วยวัตถุไวไฟ เช่น ทินเนอร์ สีพ่นรถยนต์ น้ำมันสน พลาสติก พร้อมกับมีเสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องรีบฉีดน้ำสกัดเพลิงเพื่อไม่ให้ลุกลามไปติดบ้านเรือนประชาชนข้างเคียงที่ปลูกติดกัน แต่เพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็วจนลามไปติดรถอีซูซุ  ทีเอฟอาร์ ของลูกค้าที่นำมาใช้บริการได้รับความเสียหายหมดทั้งคัน เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ15นาทีจึงฉีดน้ำสกัดเพลิงไว้ได้ แต่เพลิงเผาผลาญตัวอาคารไหม้ไหม้ทั้งหลัง ตรวจสอบไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
ด้านนายทองจันทร์  ทองแมน อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการ เปิดเผย ขณะเกิดเหตุตนไม่อยู่ที่บ้าน เมื่อเสร็จธุระจึงเดินทางกลับเข้ามา พบเพลิงอยู่ระหว่างลุกไหม้ร้านของตนอย่างรุนแรง จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อประสานหน่วยงานดับเพลิงเพื่อเดินทางมาดับเพลิงที่อยู่ระหว่างลุกไหม้  ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้รถยนต์กระบะของลูกค้าที่เข้ามาจอดไว้เพื่อรอการตกแต่งสปอยเลอร์รอบคันได้รับความเสียหายจากการถูกเพลิงไหม้วอดทั้งคัน รวมทั้งเครื่องมือช่าง และอุปกรณ์เสียหายทั้งหมดโดยคาดว่าค่าเสียหายไม่ต่ำกว่าห้าแสนบาท
ด้าน  ร.ต.ต.เลิศวัฒน์  เปิดเผยว่า เบื้องต้น ได้ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเขต1เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้แล้ว แต่ต้องรอให้เพลิงสงบจนหมดความร้อนเพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป.
Share:

ตะลึงพบซากหมู1,200ตัวลอยตามแม่น้ำในเซี่ยงไฮ้




ชาวนครเซี่ยงไฮ้ ของจีน ต่างตกอยู่ในอาการหวาดระแวงและวิตกกังวลอย่างหนัก หลังมีการพบซากสุกรกว่า 1,200 ตัว ลอยมาตามแม่น้ำสายสำคัญของเมือง
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ว่า ทางการจีนพบซากสุกรกว่า 1,200 ตัว ลอยอยู่ในแม่น้ำสายหลักของนครเซี่ยงไฮ้ สร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชนในพื้นที่ทันทีว่า น้ำดื่มที่กำลังใช้อุปโภคและบริโภคอาจเจือปนไปด้วยเชื้อโรค หรือสารพิษร้ายแรง
หนังสือพิมพ์ “ไชน่า เดลี่” รายงานโดยอ้างข้อมูลจากสำนักงานเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ ว่าเจ้าหน้าที่เขต ซ่งเจียง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของนครเซี่ยงไฮ้ สามารถกู้ซากสุกรได้แล้วกว่า 1,200 ตัว ซึ่งถูกกระแสน้ำซัดลอยมาขึ้นอืดรวมกันอยู่บริเวณปากแม่น้ำ หวงผู่ แม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านกลางเมือง ทั้งนี้ ซากของสุกรที่พบนั้นมีทั้งลูกสุกรและสุกรโตเต็มวัยปะปนกันไป
แม้จะยังไม่มีรายงานใดสามารถระบุได้แน่ชัดว่า ซากสุกรจำนวนมากเหล่านี้ลอยตามน้ำมาจากสถานที่แห่งใด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่พบป้ายร้อยที่ใบหู หรือรหัสตามตัวของสุกรที่พอจะเป็นหลักฐาน ช่วยให้เจ้าหน้าที่สืบแกะรอยหาเจ้าของสุกรได้ แต่เบื้องต้นมีการสันนิษฐานว่า สุกรเหล่านี้อาจลอยตามน้ำมาจากมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งมีข่าวว่า เกษตรกรในพื้นที่พากันนำซากสุกรเหล่านี้ ซึ่งเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส เซอร์โค ( พีซีวีดี ) มาโยนทิ้ง บวกกับมีรายงานการพบซากสุกรจำนวนหนึ่งที่มณฑลเจ้อเจียง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความวิตกกังวลและหวาดระแวงให้แก่ชาวนครเซี่ยงไฮ้ทันที ซึ่งพากันออกมาเรียกร้องให้ทางการออกมารับผิดชอบ ด้วยการตรวจสอบคุณภาพน้ำโดยด่วน ขณะที่ผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำโดยหน่วยงานด้านสาธารณสุขของนครเซี่ยงไฮ้ระบุว่า คุณภาพน้ำในพื้นที่ยังเป็น “ปกติ”
Share:

โสมแดงกร้าวขู่ชิงถล่มสหรัฐด้วยนิวเคลียร์ก่อน


สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานเมื่อวันที่ 7 มีนาคมว่า เกาหลีเหนือขู่ชิงใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีสหรัฐ หรือผู้รุกรานอื่น ๆ ก่อน เมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่ คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ เตรียมลงมติรับรองมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อเกาหลีเหนือ โฆษกกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือคนหนึ่งเตือนด้วยว่า สงครามเกาหลีรอบ 2 “ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้” กับทั้งสหรัฐและเกาหลีใต้ ซึ่งปฏิเสธข้อเรียกร้องของเปียงยางที่ให้ยกเลิกการซ้อมรบร่วมขนานใหญ่ในสัปดาห์หน้า

ด้านสำนักข่าวกลางเกาหลี หรือเคซีเอ็นเอ รายงานอ้างแถลงการณ์ของโฆษกคนดังกล่าว ที่ระบุว่า ขณะนี้ สหรัฐเริ่มจุดกระแสสงครามนิวเคลียร์ กองทัพเกาหลีเหนือจะซ้อมรบเพื่อเตรียมความพร้อมในการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ก่อน เพื่อทำลายฐานที่มั่นของผู้รุกราน

ในอดีตที่ผ่านมา เกาหลีเหนือเคยขู่โจมตีกองทัพสหรัฐในเกาหลีใต้ และอ้างด้วยว่า มีขีปนาวุธพิสัยไกลที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ยิงถล่มได้ถึงดินแดนของสหรัฐ โดยคำขู่ล่าสุดมีขึ้นเมื่อ 2 วันก่อน หลังจากกองทัพเกาหลีเหนือ ประกาศจะฉีกข้อตกลงสงบศึกปี 2496 ที่ทำร่วมกับเกาหลีใต้เพื่อยุติสงครามบนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งในทางทฤษฎีแล้ว ถือเป็นการเคลื่อนไหวอย่างหนึ่งที่จะปูทางไปสู่การกลับมาเป็นปรปักษ์กันอีกครั้ง

อุณหภูมิความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี ขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ก่อนที่คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น จะลงมติคว่ำบาตรโสมแดง และการซ้อมรบร่วมประจำปีระหว่างกองทัพสหรัฐและเกาหลีใต้ ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มขึ้นในวันจันทร์นี้
Share:

จำคุกอดีตรัฐมนตรีพลังงานอังกฤษ


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ว่า นายคริส ฮูน วัย 58 ปี อดีตรัฐมนตรีพลังงานอังกฤษ ให้การรับสารภาพต่อศาลเมื่อเดือนที่แล้วว่า กระทำผิดจริงข้อหากระทำการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม ด้วยการให้นางวิคกี้ ไพรซ์ วัย 60 ปี อดีตภรรยา ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ ถูกลงโทษด้วยการตัดแต้มความประพฤติในการขับขี่รถยนต์ เพราะขับรถยนต์เร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เหตุเกิดเมื่อปี 2546  ทั้งนี้ก็เพื่อที่ตัวเขาจะได้ไม่ถูกลงโทษห้ามขับขี่รถยนต์
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นายคริส ฮูน ได้ปฏิเสธมาโดยตลอดในเรื่องนี้ จนกระทั่งตัดสินลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเสรีประชาธิปไตย ในวันเดียวกับที่เขารับสารภาพผิด ขณะที่อดีตภรรยาของเขาอ้างว่า ถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น แต่เธอก็รับสารภาพผิด ซึ่งศาลก็ได้ตัดสินจำคุกทั้งคู่เป็นเวลา 8 เดือน
นายคริส ฮูน เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน เมื่อเดือนพ.ค. 2553- ก.พ.2555 สมัยรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน แต่เขากับภรรยาได้แยกทางกัน หลังจากแต่งงานอยู่กินกันมา 25 ปี เพราะนายคริส ฮูน แอบไปมีความสัมพันธ์กับที่ปรึกษาฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเขา แต่คดีนี้ ก็ถือว่าสั่นคลอนอนาคตทางการเมืองของเขาเอง
Share:

ร้องปวีณาเด็กอนุบาลถูกรุ่นพี่รุมทำร้ายปางตาย







ญาติร้องปวีณา เด็กอนุบาลเมืองสุพรรณฯ ถูกนักเรียนหัวโจก ม.1 ล็อกคอให้เด็กป.1 ต่อยแขนหักช้ำในปางตาย
วันนี้ (12 มี.ค.) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เดินทางเข้าเยี่ยมอาการของ ด.ช.นนท์ (นามสมมุติ) อายุ 5 ปี นักเรียนชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ที่พักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู กุมารเวชกรรม รพ.จุฬาฯ หลังจากเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้เป็นย่าของน้องนนท์ ได้เข้าร้องเรียนกับมูลนิธิปวีณาฯ ว่าหลานชายถูกเด็กนักเรียนรุ่นพี่ที่โรงเรียนเดียวกันรุมทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส แขนหัก บอบช้ำภายใน จนติดเชื้อในกระแสเลือด ต้องเข้ารักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ของรพ.เจ้าพระยายมราช อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี แต่อาการโคม่ายังไม่ดีขึ้นญาติจึงนำตัวส่งมารักษาต่อที่ รพ.จุฬาฯ โดยมี น.ส.นิด (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี ผู้เป็นแม่ เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
ย่าของน้องนนท์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่น้องนนท์เดินทางกลับจากโรงเรียน ก็เดินมาบอกว่ารู้สึกปวดแขนมาก สงสัยแขนจะหัก แต่ญาติๆคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมาก คงจะเป็นเรื่องซุกซนของเด็กมากกว่า แต่พอน้องนนท์เข้านอนในช่วงค่ำ กลับมีอาการตัวร้อน มีไข้สูง และที่แขนซ้ายเกิดมีอาการบวมเป็นอย่างมาก นอนทุรนทุราย ในช่วงเช้าจึงรีบนำตัวส่งอนามัยโพธิพยา แพทย์สันนิษฐานว่า แขนน่าจะหักจึงแนะนำให้นำตัวส่งไปรักษาต่อที่รพ.เจ้าพระยายมราช ซึ่งแพทย์เอกซเรย์พบว่ากระดูกแขนซ้ายแตก จึงทำการเข้าเฝือกและให้ยากลับมาทานที่บ้าน
ผู้เป็นย่า กล่าวต่อว่า กระทั่งวันที่ 9 มี.ค. ขณะที่น้องนนท์นอนหลับพักผ่อนอยู่ก็เกิดมีไข้สูง นอนหวาดผวาจนเพ้อออกมาว่า “อย่าทำหนู หนูกลัวแล้ว” และมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก จึงรีบนำตัวส่งรพ.เจ้าพระยายมราชอีกครั้ง เมื่อแพทย์ได้ทำการตรวจอย่างละเอียดก็พบว่า มีอาการช้ำใน ต้องทำการเจาะช่องท้องเพื่อเอาเลือดและหนองออก และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ในห้องไอซียู จนล่าสุดพบว่าติดเชื้อในกระแสเลือดลามไปถึงลิ้นหัวใจอีกด้วย
ย่าน้องนนท์ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นทางญาติได้ไปสอบถามที่โรงเรียนของน้องนนท์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่ 1 มี.ค. ก็พอจะจับใจความได้ว่า ช่วงพักเที่ยงของวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่เด็กๆกำลังเล่นกันอยู่ที่สนามเด็กเล่นของศูนย์เด็กเล็ก ข้างเสาธง ได้มีเด็กนักเรียนชั้นป.1คนหนึ่งเดินมาตบศีรษะน้องนนท์จนเกิดการโต้เถียงกันขึ้น จากนั้นก็มีเด็กนักเรียนชั้น ม.1 คนหนึ่งซึ่งเป็นหัวโจกในโรงเรียนและมีศักดิ์เป็นอาของนักเรียนชั้น ป.1 เข้ามาตบหัวน้องนนท์ ก็เข้ามายุเพิ่มเติมว่า จะตบหัวทำไม ต่อยเลยดีกว่า หลังจากนั้นเด็กนักเรียนชั้นม. 1 คนดังกล่าวก็เข้ามาล็อกคอน้องนนท์ แล้วให้เด็กป.1 ต่อยแบบไม่ยั้งจนน้องนนท์ล้มลงสู้ไม่ไหวจึงยอมแยกออกไป
ด้าน น.ส.นิด (นามสมมุติ) ผู้เป็นแม่ กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องทางญาติจึงสอบถามไปยังโรงเรียนเพื่อขอให้ช่วยทำความจริงให้ปรากฏด้วย เพราะไม่ทราบว่าทำไมเด็กตัวเล็กแค่นี้ถึงมีเรื่องมีราวจนบาดเจ็บปางตาย ซึ่งภายหลังทางโรงเรียนได้เรียกเด็กนักเรียนชั้น ป.1  กับเด็กนักเรียนชั้น ม.1 ที่ร่วมทำร้ายลูกตนมาสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งปรากฏว่า เด็กทั้งสองคนก็ได้ยอมรับว่าลงมือทำจริง แต่ทางโรงเรียนกลับไม่มีการจัดการอะไรเลย พอไปแจ้งความที่สภ.เมืองสุพรรณบุรี ตอนแรกทางตำรวจก็ไม่รับแจ้งความ บอกให้ไปเคลียร์กันก่อน ผู้เป็นย่าของน้องนนท์ จึงเดินทางเข้าร้องเรียนกับนางปวีณา เพื่อช่วยเหลือให้ความเป็นธรรม พร้อมทั้งประสานให้พาน้องนนท์ย้ายมารักษาตัวต่อที่รพ.จุฬาฯดังกล่าว
ขณะที่ นางปวีณา กล่าวว่า หลังรับเรื่องก็รีบประสานไปยังผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี เพื่อดำเนินการรับแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ทันที โดยหลังจากนี้จะประสานไปยังกระทรวงศึกษาธิการให้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียน เพราะว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทางโรงเรียนน่าจะรีบแจ้งให้ทางผู้ปกครองทราบ ไม่ใช่ปล่อยเลยตามเลยแบบนี้ ส่วนน้องนนท์นั้นมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ถือว่าอาการหนักมาก จึงประสานให้นำตัวส่งมารักษาต่อที่รพ.จุฬาฯ
Share:

ทายาทไก่ย่างไม้มะดันชื่อดังของศรีสะเกษซิ่งรถคว่ำดับ









ที่นั่งคนขับพบศพนายเชิดพงศ์ หรือเสี่ยเอ๋ พรคนึง อายุ 35 ปี รองประธานสภาเทศบาลตำบลห้วยทับทัน ทายาทกิจการร้านไก่ย่างไม้มะดันชื่อดังแห่ง อ.ห้วยทับทัน “น้องเอ๋ไก่ย่าง” อยู่บ้านเลขที่ 82 หมู่ 8 บ้านห้วยทับทัน ต.ห้วยทับทัน อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ ถูกอัดก๊อบปี้ร่างกายแหลกเหลว เสียชีวิตหลังพวงมาลัย เจ้าหน้าที่ต้องใช้ขวานจามทำลายประตู นานกว่าครึ่งชั่วโมง จึงนำศพออกมาได้

จากการตรวจสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พบขวดวิสกี้ต่างประเทศยี่ห้อดัง และขวดโซดาตกอยู่ห่างจากซากรถประมาณ 3 เมตร มีรอยรถตกถนนเป็นทางยาวหลายร้อยเมตร เบื้องต้นสันนิษฐานว่า ผู้ตายมาเพียงลำพัง มุ่งหน้าเข้าสู่ อ.อุทุมพรพิสัย เมื่อถึงที่เกิดเหตุอาจเกิดจากยางรถระเบิด หรือไม่ก็รถเสียหลักเนื่องจากฝนตกถนนลื่น ทำให้พุ่งลงข้างทางชนกับคันดิน จนรถตีลังกาพลิกคว่ำไปฟาดเอาเสารั้ว หลังคาจึงยุบอัดก๊อบปี้คนขับเสียชีวิตคาพวงมาลัย
นายสุรเดช กล่าวว่า ตนขับรถมาประสบเหตุพอดี ผู้ตายเป็นทายาทร้านไก่ย่างไม้มะดันชื่อดังของ อ.ห้วยทับทัน มีกิจการขยายหลายสาขา เป็นนักการเมืองท้องถิ่น หนุ่มรุ่นใหม่อนาคตไกลไฟแรง มีตำแหน่งเป็นรองประธานสภา และมีบทบาทสำคัญในกิจกรรมต่างๆ ของเทศบาล ต.ห้วยทับทัน เพิ่งเข้ารับพระราชทานปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อวันที่ 4 มี.ค. อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นสร้างความเศร้าสลดเสียใจ ให้กับชาวอำเภอห้วยทับทันเป็นอย่างมาก ที่สูญเสียบุคคลสำคัญทางการเมืองท้องถิ่น
อย่างไรก็ดี ตำรวจได้มอบหมายให้อาสาสมัครกู้ภัย นำศพส่งตรวจชันสูตรอย่างละเอียดที่ รพ.อุทุมพรพิสัย เพื่อหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดอีกครั้ง ก่อนที่จะมอบศพให้ญาติ นำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีทางศาสนาต่อไป.
Share:

โผล่อีกชายแต่งหน้าทาปากสีชมพูคล้ายพระเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก


วันนี้ (13 มี.ค.) นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า  ตนได้รับแจ้งมาว่ามีภาพชายที่แต่งกายลักษณะคล้ายพระสงฆ์หรือสามเณร สวมหมวกไหมพรม แต่งหน้าทาปากสีชมพู เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีเพื่อนชื่อ พระมหาอดุลย์ ญาณธัช วุฑฒิโก เข้ามาโพสต์ข้อความว่า “สวยมากครับ และเพื่อนอีกคนโพสต์ว่า “เริ่ดค่า ” โดยชายที่แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ที่เป็นเจ้าของภาพได้โพสต์ข้อความตอบกลับไปว่า “เป็นไงสวยมั้ย” เพื่อนตอบกลับมาว่า “สวยมากกกค่า” สุดท้ายพระสงฆ์ที่เป็นเจ้าของภาพได้โพสต์ข้อความตอบกลับว่า “ขอบคุณค่ะ” โดยภาพและบทสนทนาดังกล่าวได้โพสต์ต่อๆกันมาเป็นจำนวนมาก
นายนพรัตน์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นต้องขอตรวจสอบภาพดังกล่าวก่อนว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และตัวบุคคลที่ปรากฏเป็นใคร เป็นฆราวาส หรือเป็นพระสงฆ์ หากเป็นพระสงฆ์เป็นผู้โพสต์รูปและข้อความจริงอย่างนี้ถือว่ามีความผิด ทาง พศ. มีอำนาจสั่งการตรวจสอบได้โดยเริ่มจากเว็บไซต์ต่างๆ หรือประสานไปยังเจ้าคณะผู้ปกครองทั่วประเทศให้ตรวจสอบอีกทาง
ผอ.พศ. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ พศ.ได้สรุปเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระภิกษุสามเณรที่มีอาจารไม่สมควรแก่สมณวิสัย ในรอบปีงบประมาณ 2555 ตั้งแต่เดือนตุลาคม –กันยายน 2555 พบว่า บิณฑบาตขาดความสำรวม มีร้องเรียนเข้ามา 227 รูป,เข้าร่วมงานโดยไม่ได้รับนิมนต์ เร่ร่อนไม่สังกัด 7 รูป,ปักกลดตามย่านชุมชน พักค้างแรมตามบ้าน ดื่มสุรา 19 รูป,เรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต 51 รูป,ปลอมบวช 18 รูป ซึ่งรวมสถิติพระสงฆ์สามเณรที่มีอาจารไม่สมควรแก่สมณวิสัย 322 รูป
“สำหรับมาตรการการแก้ไขปัญหาพระภิกษุสามเณรที่มีอาจาร (อา-จา-ระ) ไม่สมควร นั้น  พศ.และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.) ได้ถวายคำแนะนำ 86 รูป,เจ้าคณะผู้ปกครองภาคทัณฑ์และสั่งให้กลับสังกัด 112 รูป,เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ให้ลาสิกขา 106 รูป,ส่งตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย กรณีปลอมบวชและเข้าเมืองผิดกฎหมาย 18 รูป สำหรับสังกัดพระภิกษุสามเณรที่มีอาจารไม่สมควร พบว่า ในเขตกรุงเทพมหานคร 74 รูป สังกัดวัดในส่วนภูมิภาค 230 รูป สังกัดวัดในต่างประเทศ 18 รูป อย่างไรก็ตาม กำลังผลักดันร่างพ.ร.บ.อุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา เพื่อขับเคลื่อนการดูแลคุ้มครองพระพุทธศาสนาให้เข้มข้นยิ่งขึ้น และจะมีโทษทางอาญากับพระภิกษุ สามเณร ที่กระทำความผิดเพิ่มขึ้นด้วย ก็จะทำให้เกิดระบบการดูแลพระพุทธศาสนาเพิ่มมากยิ่งขึ้นกว่านี้” ผอ.พศ.กล่าว.
Share:

บุกจับลูกส.อบต.เปิดบ้านค้ายา










ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านเอเย่นต์ยาเสพติด รวบผู้ต้องหา 5 คน พร้อมของกลางจำนวนมาก พบเป็นลูกชาย ลูกสะใภ้ และญาติ สมาชิก อบต. เจ้าของบ้าน สารภาพติดยาเสพติด จนพ่อตัดขาด เพราะเตือนเท่าไรก็ไม่ฟัง เลยทิ้งให้อยู่กันตามลำพัง
วันนี้ (13 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอหาดใหญ่ นำหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 163/99 ย่านชุมชนตลาดสด เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นบ้านของ นายมุหันหมัด  มันโหด สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลคลองอู่ตะเภา อ.หาดใหญ่ หลังจากสืบทราบว่า เป็นหนึ่งในแหล่งค้ายาเสพติดรายใหญ่กลางเมืองหาดใหญ่

โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งหญิงและชายได้ทั้งหมด 5 คน ในจำนวนนี้มี นายวันมูสา มันโหด อายุ 32 ปี และนายดาวูด มันโหด อายุ 30 ปี สองพี่น้อง ซึ่งเป็นลูกชายของ นายมุหันหมัด ส่วนที่เหลือเป็นลูกสะใภ้ และญาติ พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 1,000 เม็ด ยาไอซ์ และกัญชา พร้อมอุปกรณ์การเสพครบชุด รวมทั้งอาวุธปืน 9 มม. 1 กระบอก และ เครื่องกระสุน วิทยุสื่อสาร ซึ่งเปิดคลื่นช่องสัญญาณความถี่ 700 ของ สภ.หาดใหญ่ เพื่อดักฟังความเคลื่อนไหวของตำรวจ จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางไปสอบสวนขยายผลที่ สภ.หาดใหญ่

สอบสวน นายวันมูสา ให้การว่า แม้บ้านหลังดังกล่าวจะเป็นของนายมุหันหมัด ซึ่งเป็นพ่อ มีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลคลองอู่ตะเภา แต่ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด โดยได้แยกตัวออกไปอยู่ที่อื่น เนื่องจากที่ผ่านมาได้พยายามเตือน และทำทุกวิถีทางให้พวกตนเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่พวกตนไม่สามารถเลิกได้ จึงถูกตัดขาด ให้อยู่กันตามลำพัง กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในที่สุด

สำหรับบ้านหลังดังกล่าวเป็นหนึ่งใน 6 พื้นที่เป้าหมายใน อ.หาดใหญ่ ที่ตำรวจและฝ่ายปกครองได้เข้าตรวจค้น เพื่อจับกุมยาเสพติด อาชญากรรม และป้องกันเหตุเกี่ยวกับความมั่นคง.
Share:

รวบ“แก๊ง 7 ปีศาจ” ปล้นทรัพย์นิสิตจุฬาฯ






รวบ“แก๊ง 7 ปีศาจ” ปล้นทรัพย์นิสิตจุฬาฯ สารภาพก่อเหตุโชกโชนกว่า 60 ครั้ง
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ ( 13 มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6 พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รองผบก.น.6 พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รองผกก.สส.สน.ปทุมวัน พ.ต.ท.สัญชัย มาตรคำจันทร์ สว.สส.สน.ปทุมวัน และร.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ประทุมราช สว.สส.สน.ยานนาวา ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัวนายปฏิพล หรือตี๋ ผดุงกิจโกศล อายุ 18 ปี และนายนัฐพงษ์ หรือต๊ะ นุชัยภูมิ อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุปล้นทรัพย์นิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมของกลางรถจยย.ฮอนด้า เวฟ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน  1 คัน รถจยย.ยามาฮ่า มีโอ สีแดง  ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน และรถจยย.ฮอนด้า เวฟ 110 สีแดงขาว หมายเลขทะเบียน องป 350 กรุงเทพมหานคร และอุปกรณ์ที่ใช้ในการงัดแงะอีกหลายรายการ โดยจับกุมตัวทั้งสองคนได้ที่ซอยเจริญกรุง 107 แขวงบางโคล่ เขตบางคอมแหลม โดยมีรศ.ดร.บัญชา ชลาภิรมย์ ผอ.ศูนย์รักษาความปลอดภัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายกุลชาติ อุทัยวิชากุล อายุ 21 ปี นิสิตชั้นปีที่ 3 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และนิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ มาร่วมแถลงข่าวและชี้ตัวผู้ต้องหาด้วย
พล.ต.ต.วัลลภ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 4 มี.ค. ได้เกิดเหตุคนร้ายปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกายนิสิตของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอย่างโหดเหี้ยม จนมีการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของสถาบันเพื่อเตือนให้นิสิตอื่นๆ และประชาชนระมัดระวังตัว ซึ่งหลังเกิดเหตุฝ่ายสืบสวนบก.น.6 ได้ร่วมกันสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายและประชาสัมพันธ์หมายเลขทะเบียนรถจยย.ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุผ่านทางระบบไลน์ ไปยังพื้นที่บก.น.1-9 เพื่อให้ช่วยแจ้งเบาะแสหากพบรถจยย.คันดังกล่าว กระทั่งฝ่ายสืบสวนสน.วัดพระยาไกร ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายปฏิพล นายนัฐพงษ์ นายมีน(นามสมมุติ) อายุ 16 ปี และนายปาย(นามสมมุติ)อายุ 17 ปี ซึ่งทั้งหมดขี่รถจยย.อยู่ในพื้นที่สน.วัดพระยาไกรด้วยท่าทางพิรุธ เมื่อเรียกตรวจค้นและตรวจสอบทะเบียนรถจยย.พบว่าเป็นรถที่ลักมาจากพื้นที่ จ.นนทบุรีและสน.ยานนาวา จึงนำตัวนายมีน และนายปาย ส่งดำเนินคดีที่สภ.นนทบุรี และนำตัวนายปฏิพลและนายนัฐพงษ์ ส่งดำเนินคดีที่สน.ยานนาวา
พล.ต.ต.วัลลภ กล่าวอีกว่า ฝ่ายสืบสวนสน.ยานนาวาได้สอบสวนผู้ต้องหาและขยายผลจนทราบว่าได้ร่วมกับพวกอีกประมาณ 6-7 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์และลักรถจยย.ในพื้นที่ต่างๆมาแล้วไม่ต่ำกว่า 60 ครั้ง ตั้งแต่เดือนธ.ค. 2555 -มี.ค. 2556 โดยเฉพาะพื้นที่สน.ยานนาวา ทำมาแล้วประมาณ 50 ครั้ง ฝ่ายสืบสวนจึงประสานผู้เสียหายที่ถูกลักรถจยย. มาชี้ตัว นอกจากนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยังรับสารภาพว่าได้ร่วมกับนายมีนก่อเหตุปล้นทรัพย์นิสิตจุฬาฯ ตามที่เป็นข่าวด้วย ฝ่ายสืบสวนสน.ยานนาวา จึงประสานไปที่สน.ปทุมวัน เพื่อขยายผลต่อ ซึ่งนิสิตจุฬาก็ได้ชี้ตัวยืนยันแล้วว่าผู้ต้องหาเป็นคนที่ก่อเหตุจริง เนื่องจากจำหน้าได้ ส่วนรถจยย.ฮอนด้า เวฟ ทะเบียน งรก  41 นครราชสีมา ที่ใช้ก่อเหตุปล้นนิสิตจุฬา เป็นรถที่ลักมาเช่นกัน และได้นำไปขายแล้ว เพราะสื่อนำเสนอข่าวทำให้ผู้ต้องหากลัวว่าจะถูกจับกุม ทั้งนี้คดีดังกล่าวถือว่าเป็นความใส่ใจของตำรวจ เพราะหากไม่จับกุมในคดีลักรถจยย.พร้อมทั้งตรวจสอบอย่างละเอียด ก็อาจจะไม่สามารถขยายผลไปถึงคดีอื่นๆได้ โดยเฉพาะคดีปล้นทรัพย์นิสิตจุฬาฯ ส่วนคดีลักรถจยย.ในพื้นที่สน.วัดพระยาไกร ทางฝ่ายสืบสวนสน.วัดพระยาไกร อยู่ระหว่างการสืบสวนจับกุมตัวผู้ต้องหาเพิ่มเติมต่อไป
ด้านพ.ต.ท.พนม กล่าวว่า แก๊งของผู้ต้องหามีสมาชิกหลักๆ  7 คน ใช้ชื่อแก๊งว่า “แก๊ง 7 ปีศาจ” มีพฤติกรรมโหดเหี้ยม ชิงทรัพย์และทำร้ายเหยื่อ โดยเฉพาะผู้ชาย เนื่องจากนายปฏิพลมีภรรยาที่กำลังตั้งท้อง 6 เดือน จึงไม่เลือกเหยื่อที่เป็นผู้หญิง ทรัพย์สินที่ได้มาก็จะไปขายย่านคลองหลอด นำเงินไปแบ่งกันเที่ยวเตร่ โดยนายนัฐพงษ์ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่ร้านอาหารในโรงแรมแห่งหนึ่ง แต่เงินไม่พอใช้ ส่วนนายปฏิพลอ้างว่าเตรียมเงินไว้ซื้อนมให้ลูกกิน นอกจากนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยังสารภาพด้วยว่าร่วมกันสมาชิกในแก๊งก่อเหตุปล้นทรัพย์ในพื้นที่สน.ปทุมวัน ทั้งหมด 6 คดี เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายสาหัส กับนายปฏิพลและนายนัฐพงษ์ สำหรับนายมีน ได้ให้ฝ่ายสืบสวนประสานไปยังสภ.เมืองนนทบุรี อายัดตัวในข้อหาเดียวกันแล้ว และได้ออกหมายจับสมาชิกในแก๊งที่ร่วมกันก่อเหตุในพื้นที่ปทุมวันอีก 2 ราย ทั้งนี้จากแนวทางการสืบสวนพบว่าน่าจะมีผู้ร่วมก่อเหตุมากกว่า 7 ราย โดยแยกกันทำในพื้นที่ต่างๆ ทุกครั้งที่ก่อเหตุไม่ได้ไปด้วยกันทั้งหมด ต่างกรรมต่างวาระกัน ซึ่งฝ่ายสืบสวนจะเร่งติดตามจับกุมตัวให้ได้ทั้งหมดโดยเร็ว หากผู้เสียหายรายใดพบว่าเคยถูกผู้ต้องหากลุ่มนี้ก่อเหตุ ให้มาชี้ตัวเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา
ขณะที่นายกุลชาติ นิสิตจุฬาฯ เหยื่อที่ถูกก่อเหตุ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ยืนรอรถเมล์เพื่อกลับบ้าน ระหว่างนั้นได้ถือโทรศัพท์มือถืออยู่ด้วย หลังจากที่เหลือตนยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์เพียงคนเดียว กลุ่มผู้ต้องหา 3 คน ได้ขี่รถจยย.ย้อนศรมาจอดที่หน้าตน และบอกว่า “ เอามือถือมา ” ตนจึงรีบเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง ทำให้คนร้ายทั้ง 3 คน วิ่งเข้ามาล๊อกคอ และรุมทำร้ายร่างกายจนลงไปนอนกองกับพื้น ใช้เวลาประมาณ 2 นาที ตนพยายามตะโกนเรียกรปภ.และคนอื่นๆให้ช่วยเหลือแล้ว แต่คงไม่มีใครได้ยิน ก่อนที่ทั้งหมดจะหลบหนีไป กระทั่งมีอาจารย์จากคณะศิลปกรรมผ่านมาเห็นและพาไปส่งที่รพ.จุฬา อย่างไรก็ตามตนอยากฝากไปถึงนิสิตจุฬาฯทุกคน รวมถึงประชาชน ให้ระมัดระวัง อย่านำทรัพย์สินขึ้นมาถือขณะที่ยืนอยู่คนเดียว และอยากฝากถึงกทม.ให้ช่วยเอาป้ายโฆษณา บริเวณป้ายรถเมล์ออก เนื่องจากบดบังแสงสว่างที่จะส่องมาถึง และบังจุดที่รปภ.รวมถึงนิสิตที่อยู่คณะนิเทศศาสตร์ จะเห็นเหตุการณ์ได้ หากไม่มีป้ายดังกล่าวบังอยู่ วันนั้นอาจจะมีคนมาช่วยทันก็ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รศ.ดร.บัญชา  ผอ.ศูนย์รักษาความปลอดภัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายกุลชาติ อุทัยวิชากุล อายุ 21 ปี นิสิตชั้นปีที่ 3 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้มอบกระเช้าดอกไม้ให้กับพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ผบช.น. เพื่อเป็นการขอบคุณที่เร่งรัดคดี และช่วยกันสืบสวน จนติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้.
Share:

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ 095-219-0106

Popular Posts

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Blog Archive

Followers

Blog Archive