วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2555
เร่งสอบโจ๋ช่างกลซ่าเล็งแจ้งข้อหาหนัก
เร่งสอบโจ๋ช่างกลซ่า เล็งแจ้งข้อหาหนัก เหยื่ออาการดีขึ้นตามลำดับ
จากเหตุการณ์นักศึกษาอาชีวะ 2 สถาบันชื่อดัง ยกพวกตีกันบริเวณป้ายรถประจำทาง หน้าวัดสร้อยทอง เขตบางซื่อ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 7 คน และอาการสาหัสอีก 2 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางโพ สามารถควบคุมตัวทั้ง 2 ฝ่ายไว้ได้ 11 คน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 8 ธ.ค. พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส.สน.บางโพ กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด โดยเบื้องต้นจะพิจารณาจากความจริงทั้งหมด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุไปแล้วทั้งสิ้น 15 ปาก แต่ยังเหลือต้องสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์เพิ่มเติมอีก 3 ปาก
จากนั้นจะทำการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไปประกอบกับกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ ก่อนจะตั้งข้อหากับนักเรียนผู้ก่อเหตุและผู้กระทำผิดต่อไป ทั้งนี้ในส่วนของผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำแล้ว ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะนักเรียนที่ถูกฟันที่ศีรษะ เบื้องต้นอาการดีขึ้นแต่ยังไม่สามารถให้การได้.
ระทึกไฟไหม้รถตู้วอดทั้งคันโชคดีไม่มีตายแค่บาดเจ็บเล็กน้อย
ไฟไหม้รถตู้ย่านชานเมือง คนขับกับเพื่อนที่นั่งมาด้วยเจ็บเล็กน้อย ส่วนสาเหตุคาดระบบไฟฟ้าห้องเครื่องมีปัญหา
เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (8 ธ.ค.) ร.ต.ต.สุรศักดิ์ วิไลยลักษณ์ ร้อยเวรสน.บางนา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ บริเวณเชิงทางขึ้นสะพานศรีเอี่ยม ถนนศรีนครินทร์ ฝั่งขาออก แขวงและเขตบางนา จึงประสานรถดับเพลิง 3 คัน รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่ก่อนทางขึ้นสะพานประมาณ 50 เมตร พบรถตู้ยี่ห้อนิสสัน เออร์แวน สีขาว หมายเลขทะเบียน อง-2836 กทม. จอดอยู่ริมถนนในสภาพกำลังถูกเพลิงลุกไหม้ท่วมทั้งคัน เจ้าหน้าที่จึงรีบระดมใช้น้ำฉีดสกัดโดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงจึงสงบ ส่วนรถตู้คันดังกล่าวถูกเพลิงไหม้เสียหายหมดทั้งคัน เบื้องต้นพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คือนายปัญญา เปลไสว อายุ 39 ปี ได้รับบาดเจ็บข้อมือขวาหัก เนื่องจากตกใจกระโดดลงจากรถขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งที่ รพ.ศิครินทร์ ส่วนอีกคนคือนายสัมฤทธิ์ สมอคอน อายุ 40 ปี คนขับรถตู้คันดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีร่องรอยถูกไฟลวกที่เส้นผม ขนคิ้ว และขนตา
จากการสอบสวนนายสัมฤทธิ์ ให้การด้วยอาการตื่นตระหนกว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับนายปัญญาไปทำงานต่อระบบน้ำประปาที่ย่านเกษตร-นวมินทร์ หลังเสร็จงานกำลังขับกลับบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ย่านเทพารักษ์ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ จู่ ๆ เกิดไฟลุกขึ้นที่ด้านหลังเบาะนั่งของตน จากนั้นไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ตนจึงพยายามขับรถเข้าจอดข้างทาง ระหว่างนั้นนายปัญญาเกิดตกใจก่อนเปิดประตูรถกระโดดลงไปทั้งที่รถยังไม่จอดสนิท ตนพยายามห้ามแล้วไม่ให้แต่ไม่ทัน จึงทำให้ข้อมือขวาหักดังกล่าว ส่วนสาเหตุนั้นตนไม่ทราบว่า เกิดไฟไหม้ขึ้นมาในรถได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่รถไม่ได้ติดแก๊ส ใช้ระบบน้ำมันดีเซลอย่างเดียว
ด้าน ร.ต.ต.สุรศักดิ์ กล่าวว่าเบื้องต้นสันนิษฐานว่า สาเหตุน่าจะมาจากระบบห้องเครื่องซึ่งอาจจะเป็นระบบไฟฟ้า เนื่องจากรถตู้คันดังกล่าวก็ไม่ได้ติดแก๊สแต่อย่างใด โชคดีไม่มีผู้เสียชีวิต มีเพียงบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามได้ลงบันทึกประจำไว้ ก่อนประสานผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบซากรถเพื่อหาสาเหตุที่ของเพลิงไหม้ต่อไป.
คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มบ้านที่ท่าแพพรุน
คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มบ้านที่ท่าแพพรุน
เมื่อเวลา 02.30 น.วันที่ 8 ธ.ค.55 ร.ต.ต. อำนวย หมาดอี พนักงานสอบสวน (สบ.1) สภ.ท่าแพ จ.สตูล รับแจ้งเหตุมีคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามถล่มยิงใส่บ้านเลขที่ 86/1 ถนนสายสามแยกบ้านท่านา-มัสยิดบ้านควนพัฒนา หมู่ 5 (บ้านควนพัฒนา) ต.ท่าเรือ อ.ท่าแพ หลังรับแจ้งจึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยกำลังชุดสืบสวน ที่เกิดเหตุเป็นบ้านห้องแถว 3 ห้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจพบร่องรอยคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนสงครามชนิดเอ็ม 16 ถล่มยิงใส่ผนังบริเวณหน้าบ้าน และประตูบ้านจนเป็นรูพรุน
ตรวจสอบภายในบ้านพบกระสุนปืนที่ถูกผนังบ้านทะลุเข้าไปภายในบ้านถูกตู้เสื้อผ้าเตียงนอนทีวีจนเป็นรูพรุนหลานรู ส่วนที่บนพื้นถนนบริเวณหน้าบ้านเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนชนิดเดียวกันตกเกลือนกลาด รวม 28 ปลอก จึงเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน นายอำนวย เตาวะโต อายุ 47 ปี เจ้าของบ้าน มีอาชีพเกษตรกร ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ก่อนเกิดเหตุในขณะที่ นางอะสิด๊ะ เตาวะโต อายุ 43ปี ภรรยา พร้อมลูกอีก 2 คน นอนหลับอยู่บนเตียงภายในห้อง ส่วนตนเองนั้นได้นำมุ้งมาก้างนอนอยู่บนพื้นบ้าน ห่างจากเตียงนอนภรรยาและลูกราว 3 เมตร
กระทั่งเมื่อเวลา 02.05 นาที ปรากฏว่าได้เสียงมีคนใช้ได้อาวุธปืนสงครามถล่มยิงใส่บ้านเสียงดังหูดับตับไหม้ แต่โชคดีคมกระสุนปืนไม่ถูกผู้ใด หลังเสียงปืนสงบลงแล้วก็ได้ยินเสียงรถจยย.ขับขี่ออกไปบนถนนบริเวณหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าว
ต่อมาเมื่อเวลา 09.30 น.วันเดียวกันนี้ พ.ต.ท.บริภัณฑ์ บริรักษ์ รอง ผกก.พฐ.จว.สตูล ร.ต.ต. ประสิทธิ์ บูสู รอง สว.(อก.) พฐ.จว.สตูล ร.ต.ต. อำนวย หมาดอี ร้อยเวรเจ้าของคดี ร.ต.อ. อับดุลเหล๊าะ เส็นหลำ พนักงานสอบสวน ฯนายสมฤกษ เตพิริยะกุล ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอท่าแพ ด.ต.อภิชาติบุตร คำคง หัวหน้าสายตรวจ ต.แป-ระ ฯ และกำลังชุดสืบสวนฯ ได้เดินทางเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ พบว่า ที่พบในที่เกิดเหตุเป็นปลอกกระสุนปืนอาวุธสงคราม ขนาด 5.56 โดยคนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ใช้ก่อเหตุในครั้งนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้นำปลอกกระสุนปืนดังกล่าวส่งพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งต่อไป
เบื้องต้นสันนิษฐานว่า คนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุครั้งนี้ น่าจะมีไม่น้อยกว่า 2 คนขึ้นไป ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ โดยขี่รถจยย. เข้ามาจอดที่บนถนนหน้าบ้าน หลังจากนั้นใช้อาวุธปืนสงครามกราดถล่มยิงใส่บ้านจนเป็นรูพรุนดังกล่าว สำหรับสาเหตุนั้น พนักงานสอบสวนระบุว่า มาจากเรื่องขัดแย้งส่วนตัว โดยจะได้สืบสวนสวนสอบสวนหาสาเหตุพร้อมทั้งจะได้ติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ฆ่าเสี่ยรับเหมาก่อสร้าง ชิงทอง 10 บาท พร้อมพระเครื่องดัง 3 องค์ หมกศพทิ้งไว้ในพงหญ้า
ลูกจ้างเหี้ยมฆ่ารัดคอชิงทรัพย์เจ้านาย ปลดสร้อยคอทองหนัก 10 บาทกับพระเลี่ยมทองอีก 3 องค์ เชิดกระบะหลบหนีลอยนวล
เมื่อเวลา 16.30 น.วันนี้ (8 ธ.ค.) พ.ต.ท.จตุรภัทร แช่มลำเจียก สวส.สน.สายไหม ได้รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตภายในพงหญ้า ซอยเพิ่มสิน 29 ถนนเพิ่มสิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม รุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.เชวงศักดิ์ สินสูงสุด ผกก. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรจากรพ.ตำรวจ และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุอยู่กลางซอยบริเวณข้างทางเข้าไปในพงหญ้าประมาณ 10 เมตร พบศพนายประดิษฐ์ แซ่เตียว อายุ 59 ปี เดิมอยู่บ้านเลขที่ 51/127 หมู่ที่ 2 ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี สภาพศพนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนขายาวสีน้ำเงิน สวมเข็มขัดหนังสีดำ ไม่สวมรองเท้า ที่ลำคอมีเชือกไนล่อนขนาดใหญ่สีขาวยาวประมาณ 3 เมตร พันอยู่โดยรอบ ศพบวมอืดส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง จากการตรวจสอบภายในตัวพบกระเป๋าสตางค์สีดำ มีเงินสดอยู่จำนวน 1,006 บาท บัตรประชาชนและประจำตัวผู้ป่วยรพ.ยันฮี นามบัตรของบรีษัทไซโคเมค ยูนิทรีโอ จำกัด ระบุชื่อนายสมพร โชติกาญจน์ ตำแหน่ง โปรเจค เมเนเจอร์ จำนวน 1 ใบ นามบัตรรับสร้างบ้านบริษัท หจก.วัฒนาวิศวกรรม แอนด์ ซัพพลาย ระบุชื่อนายสมชาย เด่นวัฒนา ตำแหน่ง เมเนเจอร์ ไดเร็คเตอร์ จำนวน 1 ใบ นอกจากนี้ยังพบรองเท้าแตะสีดำ 1 ข้าง และหมวกผ้าปีกกว้าง สีกรมท่า ของสีขาว ตกอยู่บริเวณใกล้เคียงกับที่พบศพ เจ้าหน้าที่จึงเก็บหลักฐานทั้งหมดไว้ตรวจสอบ ซึ่งคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน
จากการสอบสวนนายวิสูตร แย้มโภคา อายุ 42 ปี คนเจอศพให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางเกิดปวดท้องเบา เลยจอดรถลงไปทำธุระข้างทาง จากนั้นได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยมาอย่างรุนแรง ตนเอะใจเลยเดินเข้าไปดูจึงพบศพดังกล่าว
พ.ต.ท.สุรินทร์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าผู้ตายพักอยู่เลขที่ 99/292 หมู่บ้านมารวย 1 แขวงคลองถนน เขตสายไหม ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กม. สอบสวนทางญาติผู้ตายให้การว่า ผู้ตายมีอาชีพรับเหมาก่อสร้างทั่วไป โดยออกไปจากบ้านเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา บอกจะไปติดต่องานที่ จ.สระบุรี โดยให้ลูกน้องคือนายสันต์ สำเร็จทรัพย์ อายุ 31 ปี ชาว จ.เพชรบุรี ขับรถกระบะ ยี่ห้อฟอร์ด เรนเจอร์ สีเทา ทะเบียน ปย 4649 กรุงเทพมหานครออกไป โดยผู้ตายมีทรัพย์สินติดตัวเป็นสร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท จำนวน 1 เส้น พระเลี่ยงทอง 3 องค์ ประกอบด้วย พระสมเด็จวัดระฆัง 1 องค์ พระหลวงปู่ทวด 1 องค์ และพระผงอีก 1 องค์ และแหวนทองคำ 1 บาท จากนั้นก็ติดต่อผู้ตายกับนายสันต์ไม่ได้อีกเลย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิฐานว่า นายสันต์น่าจะเป็นคนร้าย โดยเห็นเจ้านายใส่ของมีค่าติดตัวและพกเงินเยอะ พอมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นที่เปลี่ยว ได้ใช้เชือกรัดคอผู้ตายจนเสียชีวิต จากนั้นปลดทรัพย์สินมีค่าและลากศพทิ้งพงหญ้า ก่อนขับรถหลบหนีไป ซึ่งจะเร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป.
ซิ่งเก๋งซัลโวฆ่าคนขับรถ"นายกติ๊ก"เมืองพัทยา
มือปืนซิ่งเก๋งประกบซัลโวฆ่าคนขับรถ "อิทธิพล คุณปลื้ม" นายกเมืองพัทยา คาดปมขัดแย้งลูกค้าร้านเหล้าปั่น
เมื่อเวลา 03.45 น. วันที่ 8 ธ.ค. ร.ต.ท.ภูริท ชนบดี พนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งมีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณหน้าโครงการ เนทูเรซ่า นอร์ท พัทยา ถนนชัยพรวิถี หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จึงรีบไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ผกก.สภ.บางละมุง และชุดสืบสวน ที่เกิดเหตุพบเพียงรอยเลือดและรถ จยย. ล้มอยู่ โดยทราบว่าผู้บาดเจ็บถูกเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยานำส่ง รพ.พัทยาเมโมเรียลไปก่อนแล้ว
ทราบชื่อนายกมล หรือโบ้ สุพัฒน์ศักดิ์สกุล อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 129/35 หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าแก้มขวาทะลุใต้ใบหูซ้าย 1 นัดและรักแร้ขวา 1 นัด กระสุนฝั่งอยู่ในชายโครงซ้าย อาการเป็นตายเท่ากัน เนื่องจากคมกระสุนเข้าจุดสำคัญ แม้แพทย์จะพยายามเยียวยาอย่างสุดความสามารถ สุดท้ายผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการสอบสวนภรรยาผู้ตายซึ่งยังอยู่ในอาการตื่นกลัวร่ำไห้อยู่ตลอด พอจับใจความได้ว่า สามีเป็นคนขับรถของนายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา นอกจากนี้ยังเปิดร้านขายเหล้าปั่นอยู่บริเวณท่าเทียบแหลมบาลีฮายด้วย ก่อนเกิดเหตุเพิ่งปิดร้านกำลังขี่รถ จยย.กลับบ้านในโครงการบ้านเอื้ออาทรชลบุรี (นาเกลือ) ภายในซอยที่เกิดเหตุ แต่เมื่อเลี้ยวเข้าซอยมาไดเพียงไม่กี่ร้อยเมตรกลับถูกรถเก๋ง สีดำ ไม่ทราบรายละเอียดอื่น ขับประกบ ก่อนคนในรถจะเปิดกระจกลั่นกระสุนออกมา 3 นัด และเร่งเครื่องหลบหนีไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งปมสังหารไว้หลายประเด็น แต่ให้น้ำหนักไปที่เรื่องความขัดแย้งกับลูกค้าของร้านรายหนึ่ง ซึ่งมักมาดื่มกินที่ร้านและมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับลูกค้ารายอื่นเป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุยังแวะมาดื่มกินจนมีเรื่องทะเลาะกันอีก ทำให้ผู้ตายต้องขอร้องเชิงห้ามปรามว่าไม่ให้มาอีก โดยลูกค้าต้องสงสัยรายนี้ขับรถสีดำด้วย ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างหาเบาะแสเพื่อติดตามจับกุมต่อไป.
สืบ1ฟิตรวบโจ๋แสบแอบขายยานรก
สืบ1ฟิตรวบโจ๋แสบแอบขายยานรก พร้อมยึดปืนอีกกระบอก รับสิ้นไส้ซื้อไว้ป้องกันตัว หิ้วส่งเข้าซังเต
เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 8 ธ.ค. พ.ต.ท.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผกก.สส.บก.น.1 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดบก.น.1 จับกุมนายวุฒิพงศ์ ดำคำพา อายุ 41 ปี และนายโย (นามสมมติ) อายุ 18 ปี พร้อมขอองกลางยาบ้า 150 เม็ด อาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก หลังสืบทราบว่าทั้งคู่มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติดย่านมักกะสัน
จากการสอบสวนนายโย ให้การรับสารภาพว่า เรียนจบเพียงชั้น ป.6 ยึดอาชีพขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่วินหน้าวัดมักกะสัน รายได้ไม่ดีจึงหันมารับยาบ้าจากนายเป้ ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ปล่อยขายรายย่อย ส่วนปืนซื้อมาจากเพื่อนย่านฝั่งธนฯ ไว้ป้องกันตัว นอกจากนี้ยังเคยถูกจับพร้อมแม่ในข้อหาจำหน่ายกัญชา แต่ได้รับการปล่อยตัวในชั้นศาล เนื่องจากยังเป็นเยาวชน ส่วนแม่ถูกตัดสินจำคุก 4 ปี ขณะนี้ยังรับโทษอยู่ในเรือนจำ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนนายวุฒิพงศ์ ซึ่งผลการตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วง เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาเสพยาเสพติด ก่อนนำตัวทั้งคู่ ส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีต่อไป.
ล้างแค้น!ดักยิงแสกหน้าฆ่าช่างกล ขส.ทบ.
เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 8 ธ.ค. ร.ต.ต.ปิยะณัฐ เจียมรัมย์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี รับแจ้งมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต บริเวณริมถนนใกล้ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ จึงรีบไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัญธำรง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี แพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต๊กตึ้ง
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณกองทรายหน้าร้านขายวัสดุก่อสร้าง หจก.นนท์ง้วนเฮงล้ง พบศพนายวิชาฤทธิ์ อิ่นคำ อายุ 19 ปี นักศึกษาโรงเรียนกองทัพบกอุปถัมถ์ช่างกล ขส.ทบ. ระดับ ปวส.ชั้นปีที่ 2 แผนกช่างยนต์ รอบค่ำ อยู่บ้านเลขที่ 34/76 หมู่ 8 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี สภาพสวมเสื้อช็อปของสถาบัน กางเกงขายาวสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบ มีแผลถูกยิงที่กกหูขวา โหนกแก้มขวา และกกหูขวา อย่างละ 1 นัด
ระหว่างนั้นนายวิสารท อิ่นคำ อายุ 45 ปี พ่อผู้ตายทราบข่าวจึงรีบเดินทางมาดู ปรากฎว่าเมื่อเห็นร่างไร้วิญญาณของลูกถึงกับปล่อยโฮอย่างไม่อายโผเข้าไปกอดศพลูกชายพร้อมกล่าวว่า ลูกเป็นเด็กดี ไม่เกเร ไม่น่ามาตายด้วยเรื่องแบบนี้เลย
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายเพิ่งเลิกเรียน และกำลังจะเดินทางไปกินเลี้ยงที่บ้านเพื่อนซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่มากนัก แต่ขณะกำลังเดินอยู่กลับถูกชาย 2 คน ขี่รถ จยย.แบบผู้หญิง ไม่ทราบรายละเอียดขี่มาประกบแล้วคนซ้อนกระโดดลงมาลั่นกระสุนใส่ก่อนกลับขึ้นรถเร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนสาเหตุอาจเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ไล่ทำร้ายกันระหว่างโรงเรียนของผู้ตายกับสถาบันคู่อริ บริเวณหน้าวัดสร้อยทอง เขตบางซื่อ ก่อนหน้านี้จึงมีการตามมาแก้แค้นกัน ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างหาเบาะแสเพื่อติดตามจับกุมตัวมือปืนรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป.
ยูเอ็นแต่งตั้ง"พระองค์ภา"รองประธานประชุมยาเสพติดโลก
วันนี้ (8 ธ.ค.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า การพัฒนาของสหประชาชาติต่อโครงการต่อต้านยาเสพติดระหว่างวันที่ 5-10 ธ.ค.นี้ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ร่วมเดินทางไปประชุมสมัยพิเศษของการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด (Commission on Narcotics Drugs - CND) สมัยที่ 55 ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
การประชุมนี้จัดขึ้นโดยสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime – UNODC) โดยเลขาธิการ ป.ป.ส. ทำหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเวียนนา/คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย
การประชุมสมัยพิเศษของการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ 55 เป็นการประชุมระหว่างสมัยการประชุม ในลักษณะของการประชุมต่อเนื่องกับการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ 55 วาระปกติ โดยเนื้อหาของการประชุมจะเน้นในเรื่องของการบริหารจัดการตามแนวทางขององค์การสหประชาชาติ การพิจารณาจัดสรรงบประมาณด้านการพัฒนาของสหประชาชาติต่อโครงการต่อต้านยาเสพติดในแต่ละภูมิภาค รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ 56
การประชุมในครั้งนี้เป็นการจะจัดควบคู่ไปกับการประชุมสมัยพิเศษของการประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา (Commission on Crime Prevention and Criminal Justice – CCPCJ) ซึ่งพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2554 – ธันวาคม 2555 และจะถือโอกาสนี้อำลาตำแหน่งประธานฯ ดังกล่าว ในระหว่างการประชุมฯ
ในครั้งนี้สาระสำคัญของการประชุมในครั้งนี้นอกเหนือจะเป็นการรับทราบ นโยบายการบริหารจัดการงบประมาณของสหประชาชาติในการควบคุมและแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมของโลก รวมไปถึงการเตรียมการด้านสารัตถะสำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติดสมัยที่ 56 แล้ว ที่ประชุมยังได้มีการแต่งตั้งพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานคนที่สองสำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติดสมัยที่ 56 ด้วย
โดยจะดำรงตำแหน่งในระหว่างเดือนธันวาคม 2555-ธันวาคม 2556 ซึ่งจะส่งผลดีเป็นอย่างยิ่งต่อสำนักงาน ป.ป.ส. และประเทศไทยในความพยายามผลักดันแนวปฏิบัติสากลด้านการพัฒนาทางเลือกสู่ประชาคมโลกต่อไป โดยการทำหน้าที่รองประธานคณะกรรมาธิการยาเสพติดของพระเจ้าหลานเธอฯ จะปฏิบัติหน้าที่ควบคู่ไปกับประธานคณะกรรมาธิการยาเสพติด ซึ่งมาจากสาธารณรัฐเปรูและเป็นประเทศคู่ภาคีในความพยายามผลักดันแนวปฏิบัติสากลด้านการพัฒนาทางเลือกต่อไป.
ซิ่งแลมโบกีนี่หลุดถนนไฟท่วมหวิดย่างทายาทนักธุรกิจอสังหาฯ
ทายาทบริษัทอสังหาริททรัพย์ ซิ่งแลมโบกีนี่หลุดถนน ไฟท่วมหวิดตายเฝ้าถนน หลังนัดเพื่อนแข่งกันไปโบนันซ่า
เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 8 ธ.ค. พ.ต.ท.ชวลิต แสงพงษ์พิทยา พนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รับแจ้งมีรถเกิดอุบัติเหตุจนเพลิงลุกไหม้ริมถนนพหลโยธินฝั่งขาออก หลักกิโลเมตรที่ 38+500 หมู่ 6 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมรถดับเพลิงของเทศบาลเมืองคลองหลวงและอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้รถเก๋งสปอร์ตสุดหรู ยี่ห้อแลมโบกินี่ สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ศข 111 กรุงเทพมหานคร มูลค่าคันละกว่า 30 ล้านบาท ที่ไถลหลุดไปอยู่ในป่าหญ้าริมคูน้ำข้างทาง จึงรีบฉีดดับใช้เวลาประมาณ 15 นาที จึงสงบ ระหว่างนั้นมีชาวบ้านให้ข้อมูลว่าผู้ขับขี่เป็นชายหนุ่มวัยรุ่นหน้าตาดี ยืนหน้าตื่นอยู่ในบริเวณ ผู้สื่ข่าวจึงปรี่เข้าสอบถามข้อเท็จจจริง ปรากฎว่าหนุ่มน้อยสไตล์เกาหลีกลับปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลทั้งยังพยายามเดินหนี
ด้าน พ.ต.ท.ชวลิต กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ขับขี่ทราบว่าชื่อนายวศิน ลักษณกาญจน์ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/7 หมู่ 3 ซอยวิภาวดีรังสิต 60 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ ทายาทเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ย่านหลักสี่ ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถมาเพียงลำพัง โดยมีเพื่อนแยกขับรถสปอร์ตราคาแพงมาด้วยเป็นกลุ่มอีก 3 คัน เพื่อมุ่งหน้าเดินทางไปร่วมงานเทศกาลดนตรี "บิ๊กเมาเท่น" ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา แต่เมื่อถึงจุดเกิดเหตุกลับเสียหลักคุมรถกำลังไม่อยู่พุ่งข้ามร่องน้ำแบ่งช่องทางก่อนจะปีนเสยทางเท้าแฉลบไปอยู่ในป่าหญ้าดังกล่าวจนเกิดเพลิงลุกไหม้โชคดีที่เจ้าตัวยังมีสติสามารถเปิดประตูวิ่งหนีออกมาทัน เบื้องต้นคุมตัวดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป.
นักโทษเรือนจำกลางเชียงใหม่ก่อเหตุจลาจลหลังยกพวกตีกันเจ็บ
คนคุกขาใหญ่ยกพวกตีกันเละ บาดเจ็บไป 5 คน ผู้คุมรับเคราะห์เจ็บอีก 1 คน เผยกลุ่มก่อเหตุเป็นนักโทษคดียา ที่ชอบแหกกฎของเรือนจำ
เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (8 ธ.ค.) นายพิรุณ หน่อแก้ว ผบ.เรือนจำกลางเชียงใหม่ รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่เรือนจำว่าได้เกิดเหตุจลาจลขึ้นภายในเรือนจำ จึงประสานตำรวจ สภ.ช้างเผือก อ.เมือง เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ให้ร่วมเข้าระงับเหตุ ซึ่งได้ทราบว่ากลุ่มนักโทษจำนวน 25 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้ยกพวกก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน และมีกลุ่มแนวร่วมอีกจำนวนมาก มีทั้งการนำวัสดุที่เป็นผ้าออกมาเผา รวมถึงก้อนหินที่ได้จากก้อนอิฐที่อยู่ภายในออกมาไล่ขว้างและไล่ทำร้ายกัน เจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกลับขึ้นเรือนนอน จากนั้นได้ใช้เวลากว่า40 นาที จึงควบคุมเหตุการณ์ไว้ได้ก่อนที่จะบานปลาย ซึ่งมีผู้บาดเจ็บเป็นเจ้าหน้าที่ของเรือนจำ 1 นาย ถูกก้อนหินทุบเข้าที่ใบหน้าจนเขียวช้ำ และนักโทษเจ็บ 5 ราย ซึ่งหนึ่งในจำนวนนี้มี 1 รายศีรษะแตก อีกรายแขนหัก ส่วนที่เหลือมีแผลถลอกตามร่างกาย
นายพิรุณเปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุมีผู้ต้องขัง 2 กลุ่ม รวม 25 คน ทะเลาะวิวาทกัน ด้วยการสร้างสถานการณ์ใช้เศษผ้ามาขึงจะเผา ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้าไประงับเหตุ และให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องกลับเรือนนอน และได้ให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้ามา เพื่อป้องกันเหตุ รวมถึงแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาด้วย เพราะเกรงว่าเหตุการณ์จะบานปลาย แต่ที่จริงแล้วเราสามารถควบคุมเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็วเพียง 40 นาทีเท่านั้น และมีเจ้าหน้าที่ได้บาดเจ็บฟกช้ำ จากการโดนก้อนหินขว้างใส่ใบหน้า และมีนักโทษบาดเจ็บ 5 คน ซึ่งกลุ่มนักโทษที่ก่อเหตุนี้ส่วนใหญ่เป็นนักโทษคดียาเสพติด และเคยทำผิดวินัยภายในเรือนจำมาก่อน แล้วถูกนำตัวไปกักบริเวณในเขตควบคุมพิเศษ หลังจากประพฤติตัวดี ปล่อยออกมาตามเดิม จากนั้นได้มาก่อเหตุอีก ถือว่าเป็นการทำผิดวินัยซ้ำซาก โดยรวมไม่มีอาวุธอะไรอย่างอื่น มีเพียงเศษก้อนหินและเศษไม้เท่านั้น นอกจากนี้หลังจากเหตุการณ์สงบแล้ว ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของเรือนจำทำการตรวจค้นเรือนนอนทุกเรือนนอนทันที เพื่อตรวจหาว่ามีการซุกซ่อนอาวุธไว้หรือไม่ เพื่อจะได้ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
นายพิรุณ กล่าวต่อไปว่า สำหรับเรือนจำกลางเชียงใหม่นี้ อยู่ในช่วงการเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังทั้งหมด จำนวน 4,000คน ไปยังเรือนจำแห่งที่ ต.สันมหาพล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ โดยได้ทำการเคลื่อนย้ายไปแล้ว จำนวน 1,200 คน ในห้วงวันที่ 17 , 24 และ 26 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ดูแล จำนวน 40 นาย ซึ่งเหลือเจ้าหน้าที่อยู่ที่นี่จำนวน 150 นาย เหลือผู้ต้องขังอีกจำนวน 2,800 คน ซึ่งจะทำการย้ายทั้งหมดไม่เกินวันที่ 10 ธ.ค. นี้ จากนั้นทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ ก็จะย้ายมาแทนที่แห่งนี้ไม่เกินวันที่ 15 ธ.ค.นี้.
แห่ขึ้นดอยสัมผัสไอหนาว"ภูหินร่องกล้า-ภูเรือ"จองแน่น
นักท่องเที่ยวแห่ขึ้นดอยสัมผัสไอหนาว "ภูหินร่องกล้า-ภูเรือ" จองที่พักล้นทะลักเต็มถึงปีหน้า
วันนี้ (8 ธ.ค.) นายวรพจน์ คุณาวิวัฒนางกูร พยากรณ์อากาศ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เปิดเผยว่า ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกาลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือตอนบน ซึ่งลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไปกับมีหมอกหนาบางพื้นที่ในช่วงตลอดระยะสัปดาห์นี้
บริเวณเทือกเขาและยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อุณหภูมิต่ำสุดเช้านี้ วัดได้ 7.0 องศาเซลเซียส ที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ส่วนยอดดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ วัดได้ 10.0 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตามในระยะนี้ไปจนถึงวันที่ 13 ธ.ค. จะมีบริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงได้อีก 3-6 องศาเซลเซียส
ด้านสำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงเวลา 17.33 น.ของวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมาได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.3 ริกเตอร์ ละติจูด 20.54 ลองติจูด 99.88 จุดศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศพม่า ซึ่งอยู่ห่างทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 11 กิโลเมตร จากนั้นในเวลา 17.54 น.วันเดียวกัน ก็ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อคขึ้นอีกครั้ง ความแรง 3.6 ริกเตอร์ ละติจูด 20.57 ลองติจูด 99.87 อยู่ห่างทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.แม่สาย จ.เชียงรายไป 15 กิโลเมตร ซึ่งเบื้องต้นไม่ได้รับรายงานเรื่องของความเสียหายเกี่ยวกับแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาพอากาศที่เริ่มเย็นลงทำให้หลายคนออกท่องเที่ยวสัมผัสไอหนาว โดยที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวสัมผัสความเย็นมากเป็นพิเศษ เนื่องจากตรงกับช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่อง 3 วัน ซึ่งอุณหภูมิบนที่ทำการอุทยานฯ ที่ระดับความสูง 1,200 เมตร อยู่ที่ 15 องศาเซนเซลเซียส และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังประสบกับสภาพอากาศแปรปรวนมาตลอดในช่วงปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา
ด้าน นายสุวรรณ ภานุนำภา หน.อช.ภูหินร่องกล้า เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวเริ่มขึ้นมาตั้งแต่ช่วงเย็นของวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อเที่ยวสัมผัสอากาศหนาว โดยส่วนใหญ่จะมาเช่าบริการลานกางเต้นท์บริเวณที่ทำการอุทยาน ส่วนบ้านพักมียอดจองเต็มไปจนถึงช่วงวันหยุดส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้ว คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมามากที่สุดในช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อลุ้นชมปรากฏการณ์แม่คะนิ้งหรือน้ำค้างแข็ง ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่บ้านร่องกล้า หมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ที่ระดับความสูง 1,400 เมตร
เช่นเดียวกับที่อุทยานแห่งชาติภูเรือ จ.เลย ซึ่งมีนักท่องเที่ยวแห่ขึ้นไปเที่ยวชมไม้ดอกเมืองหนาวที่กำลังบานสะพรั่งและชมเทศกาลต้นคริสต์มาสภูเรือ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 14.5 องศาเซลเซียส จึงทำให้สถานที่พักโรงแรม รีสอร์ทคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
ขณะที่ น.ส.จารุวรรณ ยิ้มหิ้น ฝ่ายประชาสัมพันธ์สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ช่วงนี้สภาพอากาศในพื้นที่เชียงใหม่หนาวเย็นลงเรื่อย ๆ ซึ่งอุณหภูมิยอดหญ้าของดอยอ่างขางเราจะอยู่ที่ 4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิทั่วไป 7-8 องศา เท่านั้น แต่ยังไม่มีปรากฏการณ์เหมยขาบ หรือน้ำค้างแข็ง ให้เห็นเพราะอากาศพึ่งหนาวเย็นในช่วง 3-4 วันนี้ต้องรออีกระยะหนึ่งรับรองจะมีให้นักท่องเที่ยวได้เห็นแบบจุใจแน่นอน และในช่วงนี้ก็มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาสัมผัสอากาศหนาวกันตลอด โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดโดยขณะนี้มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาไม่ต่ำกว่าวันละ 2,000 คน ทำให้บ้านพักของสถานีในตอนนี้ถูกจองเต็มหมดแล้ว และถูกจองยาวไปจนถึงต้นช่วงกลางเดือน ม.ค. 2556 ด้วย ส่วนดอกนางพญาเสื้อโคร่งที่ทุกคนอยากชมต้องรอประมาณปลายเดือนนี้จะออกดอกบานสะพรั่งให้ได้เห็น
นายเกรียงศักดิ์ ถนอมพันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ช่วงนี้นักท่องเที่ยวแห่ขึ้นมาสัมผัสอากาศหนาวบนยอดดอยอินทนนท์เป็นจำนวนมากโดยในช่วงนี้จะมีทะเลหมอกในตอนเช้าให้นักท่องเที่ยวได้ชม ซึ่งนักท่องเที่ยวก็จะได้สัมผัสกับดอกกุหลาบพันปี ที่สวยงามที่เริ่มออกดอกบานต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว ส่วนเหมยขาบ หรือแม่คะนิ้ง หรือน้ำค้างแข็ง ต้องรออุณหภูมิลดต่ำลงกว่านี้อีกระยะหนึ่ง สำหรับที่พักก็มีนักท่องเที่ยวจองจนเต็มยาวไปจนถึงต้นปี 56 โดยเชื่อว่าช่วงกลางเดือนนี้จนถึงต้นเดือนหน้าจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาบนยอดดอยไม่ต่ำกว่าวันละ 5,000 คน.