ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ
www.becomz.com

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ รามคำแหง

เปิดบริการซ่อมคอมพิวเตอร์ถึงที่สะดวกรวดเร็ว ด้วยทีมงานช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ มืออาชีพ ประสบการณ์กว่า 10 ปี ที่จะไปบริการซ่อม ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน วัด โรงเรียน ร้านอินเตอร์เน็ต ฯลฯ โดยคิดอัตราค่าบริการเริ่มต้นเพียง 400 บาทต่อเครื่องเท่านั้น

การให้บริการ

หากลูกค้ายืนยันการซ่อมแล้วทางเราออกเดินทาง ไปแล้วยกเลิกการซ่อมในขณะที่ทางเราเดินทางไปถึงแล้วจะต้องเสียค่าเสียเวลาและการเดินทาง 400 บาท

พื้นที่ที่บริการ

ซ่อมคอมนอกสถานที่,ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ 095-219-0106 เริ่มต้นที่ 400บาท/เครื่อง (ปล. ให้บริการเฉพาะเขตพื้นที่ รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย ลาดพร้าวเฉพาะ บริเวณ จากเดอะมอลบางกะปิถึงโชคชัย 4 )

อัตราค่าบริการ becomz

ติดต่อ : TaNDesgin โทร. 095-219-0106 www.i-comz.com

บริการหลังการซ่อม โดย www.i-comz.com

ทุกงานซ่อมรับเราประกัน 1 สัปดาห์เต็ม หากปัญหาเดิมยังอยู่ เราจะไปบริการซ่อมให้ฟรี โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่เคยใบ้บริการกับทาง www.i-comz.com เรามีบริการซ่อมคอมออนไลน์ฟรีให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่า

วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ฝากขัง"เบิ้ม"คุมเข้ม"บอล"หวั่นฆ่าตัวตาย









ทนายความเอกยุทธ อัญชันบุตร ร่วมสอบปากคำนายสุทธิพงษ์ หรือ เบิ้ม พิมพิสาร หลังปฎิเสธไม่ใช่มือสังหารรัดคอ ยังกังขาไม่ใช่ฆ่าชิงทรัพย์ เชื่อมีผู้บงการอีก ตำรวจฝากขังเบิ้มแล้ว ด้านเรือนจำคุมเข้มนายสันติภาพกับเพื่อนหวั่นคิดสั้น
เมื่อเช้าวันที่ 15 มิ.ย. นายสุวัตร อภัยภักดิ์  ทนายความนายเอกยุทธ อัญชันบุตร  นักธุรกิจชื่อดังที่ถูกฆาตกรรมโหดนำศพไปฝังที่จ. พัทลุง ได้เข้าพบพล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. และร่วมสอบปากคำนายสุทธิพงษ์ หรือเบิ้ม พิมพิสาร  ผู้ต้องหาร่วมทีมฆ่านายเอกยุทธ ภายหลัง เจ้าตัวให้การว่าไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่ารัดคอนายเอกยุทธ แต่นายสันติภาพหรือบอล เพ็งด้วง เป็นคนบีบคอให้ตายก่อนแล้ว จึงใช้ให้ตนเชือกรองเท้ารัดคอซ้ำเพื่อความแน่ใจ  ซึ่งขัดแย้งกับคำให้การของนายสันติภาพ 
จากนั้นตำรวจได้นำนายเบิ้ม ไปชี้จุดประกอบการทำแผนรับสารภาพในรถตู้บริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ถึงพฤติกรรมที่ร่วมฆ่านายเอกยุทธ  โดยเจ้าตัวยืนยันว่าเพียงแค่ใช้เชือกรัดคอนายเอกยุทธที่สิ้นใจตายก่อนแล้วเท่านั้น จากนั้นตำรวจได้คุมตัวนายเบิ้มไปฝากขังที่ศาลอาญาผลัดแรก 12 วัน โดยคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญต่อประชาชน 
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก   เมื่อเวลา 11.30  น.  วันเดียวกัน  ร.ต.ท.ณฐพล ดีผลงาม พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลวง ได้นำตัว นายสุทธิพงศ์ หรือเบิ้ม พิมพิสาร อายุ 27  ปี  ชาว จ.พัทลุง ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร  นักธุรกิจด้านการเงิน และอสังหาริมทรัพย์ มายื่นคำร้องต่อศาลฝากขังครั้งแรก

โดยระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 6 - 9 มิ.ย. 2556 เวลากลางคืน ผู้ต้องหากับพวกอีก 3 คนที่ฝากขังต่อศาลแล้ว  ได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน โดยแบ่งหน้าที่กันทำด้วยการวางแผน และตกลงร่วมใจกันมาก่อนที่จะปล้นทรัพย์นายเอกยุทธ ผู้ตาย โดยใช้อาวุธปืนขนาด . 38 ของนายเอกยุทธ จี้ ขู่บังคับ ประทุษร้าย กักขัง หน่วงเหนี่ยวนายเอกยุทธ ในรถตู้ยี่ห้อ โฟล์ค สีดำ ทะเบียน ฮพ 9304 กทม. จากร้านอาหารครัวกระแต ย่านสะพานควาย แล้วขับรถคันดังกล่าว คุมตัวนายเอกยุทธ ไปกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ที่ชั้น 2 บ้านพักเลขที่ 1213/360 ย่านทาวน์อินทาวน์ ของนายเอกยุทธ ต่อเนื่องถึงบ้านเลขที่ 339/226 หมู่บ้านราชพฤกษ์ แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กทม บ้านพี่สาวนายสันติภาพ  หรือบอล เพ็งด้วง คนขับรถ ผู้ต้องหาร่วม เพื่อเจตนาให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของนายเอกยุทธ

ต่อมาผู้ต้องหา กับพวกอีก  3 คน ได้ร่วมกันบังคับขู่เข็ญให้นายเอกยุทธลงลายมือชื่อในเช็คของธนาคารไทยพาณิชย์ฯ สาขาศรีวรา สั่งจ่ายเงิน 1.5 ล้านบาทและออกเช็ค ธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ สาขาทองหล่อ รวม 2 ฉบับสั่งจ่ายเงิน 1.7 ล้านบาท และ 1.8 ล้านบาทตามลำดับ รวมเป็นเงิน 5 ล้านบาท  จนผู้ต้องหาได้ร่วมกันนำเงิน 5 ล้านบาทเป็นของตนเองโดยทุจริต จากนั้นผู้ต้องหากับพวกได้ร่วมกันฆ่านายเอกยุทธ โดยใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อปกปิดความผิดที่กระทำไว้ข้างต้น แล้วแจ้งให้พวก จัดเตรียมสถานที่ฝังศพเป็นที่ดินรกร้าง ต.เขาจิงโจ้ อ.เมือง จ.พัทลุง  เพื่อปิดบังซ่อนเร้นการตายของนายเอกยุทธ ก่อนหลบหนีไป

เหตุเกิดที่แขวงบางซื่อ เขตจตุจักร , แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง ,แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง ที่ จ.พัทลุง  และที่อื่นต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน

ต่อมาผู้ต้องหาได้เข้าพบ และมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ส่งพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลางดำเนินคดี ข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธ จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย , ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือ ไม่กระทำการใด หรือ จำยอมต่อสิ่งใด , ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย, พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ  ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ทำลายศพ ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหา ให้การภาคเสธ   ในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ส่วนข้อหาอื่นให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
บัดนี้พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาจะครบกำหนดแล้วแต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น จะต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 20 ปาก , รอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร , รอผลการตรวจชันสูตรศพ, รอผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุและวัตถุพยาน จากกองพิสูจน์หลักฐาน , รอผลการพิสูจน์ เอกลักษณ์และลักษณะของดีเอ็นเอของศพ และเอกสารอื่นๆ ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้ 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 15 –  26  มิ.ย. นี้ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากผู้ต้องหามีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ทั้งคดีมีอัตราโทษสูง หากปล่อยชั่วคราว เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี
ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้              
ต่อมาเวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายสุทธิพงศ์ ขึ้นรถบัสของเรือนจำไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ  โดยระหว่างเดินขึ้นรถนายสุทธิพงศ์  มีสีหน้าสบาย ๆ พร้อมกับบอกบิดา มารดาที่เดินทางมาให้กำลังใจ  เป็นภาษาปักษ์ใต้ว่า ไม่เป็นไร ให้พ่อกับแม่ดูแลตัวเอง.
ด้านนายสุวัตร กล่าวว่า  ส่วนตัวยังติดใจประเด็นที่ตำรวจสรุปว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์นายเอกยุทธ เพราะหากฆ่าชิงทรัพย์จริงทำไมถึงนำทรัพย์สินส่วนตัวไปทิ้งแม่น้ำในจ. นครศรีธรรมราช เหมือนทำลายหลักฐานอำพรางคดี อีกทั้งยังเชื่อมั่นว่าน่าจะมีผู้ร่วมการสังหารมากกว่านี้  และมีผู้อยู่เบื้องหลังด้วย
อย่างไรก็ตามตนเป็นแค่ทนายความเท่านั้น ไม่ได้เป็นลูกความ การเดินหน้าคุ้ยคดีเป็นเรื่องของตำรวจและญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งล่าสุดทราบว่าญาตินายเอกยุทธต้องการให้คดีปิดลงโดยเร็ว เนื่องจากทางครอบครัวเศร้าโศกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากพอแล้ว
ด้านพญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม อดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ออกมายืนยันอีกครั้งว่า จะไม่เข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนในคดีการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ  เพราะตนเองถูกโยกย้ายออกจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์แล้ว คงไม่เหมาะสมและไม่น่าที่จะให้ความเห็นได้ ไม่รู้จะไปในฐานะอะไร ควรขอความร่วมมือสถาบันนิติวิทยาศาตร์ดีกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า   สำหรับนายสันติภาพ เพ็งด้วง นายทิวากร เกื้อทอง และชวลิต วุ่นชุม 3 ผู้ต้องหาที่ร่วมกันฆ่าชิงทรัพย์นายเอกยุทธ ซึ่งถูกนำไปฝากขังที่ศาลอาญาผลัดแรก 12 วัน โดยศาลส่งตัวไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ (บางเขน) เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. นั้น  ล่าสุดเจ้าหน้าที่เรือนจำได้วางกำลังคุมเข้มผู้ต้องหาทั้ง 3 คน รวมทั้งตรวจสอบเรื่องอาหารและข้าวของเครื่องใช้แบบละเอียดยิบ เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะคิดสั้น. 
Share:

ลูกสาว ผจก.โชว์รูมรถถูกกระสุนโจ๋ประจวบฯยิงดับ



2 วัยรุ่นเมืองประจวบเลือดร้อนชักลูกซองยิงชาวบ้าน ลูกสาว ผจก.ขายรถชื่อดัง ถูกลูกหลงกระสุนตัดขั้วหัวใจดับคาที่ พ่อร่ำไห้เผย แค่วิ่งมาดูวัยรุ่นทะเลาะกันเท่านั้น จับได้ 1 อีกคนหนีได้
เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ร.ต.ท.ธนภูมิ มีสมศักดิ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งว่ามีผู้ถูกยิงเสียชีวิต หน้าบ้านเลขที่ 24/10 ถนนสุขสมบูรณ์ เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.อาคเนย์ แดงด้อมยุทธ์ ผกก.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ชุดสืบสวน กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัด และมูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถาน
ที่เกิดเหตุอยู่หน้าห้องแถวซึ่งอยู่ติดกัน 10 ห้อง พบศพ น.ส.นรินทร หรืออัง สุขจินดา อายุ 23 ปี สภาพนอนหงายเสียชีวิต สวมเสื้อยืดสีดำ ถูกยิงด้วยปืนลูกซอง เข้าที่หน้าอกด้านซ้าย กระสุนกระจายเข้าตัดขั้วหัวใจ เสียชีวิตคาที่ ใกล้กันพบหมอนรองกระสุนลูกซอง เบอร์ 20 สีขาวตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
โดยนายสมัย สุขจินดา อายุ 50 ปี หรือ “อี๊ด ไดมอนด์” เจ้าของกิจการรถตู้ให้เช่า ซึ่งเป็นบิดา ให้การทั้งน้ำน้ำตาว่า ผู้ตายเป็นลูกสาวของตนกับนางธนิดา สุขจินดา อายุ 46 ปี ผจก.บริษัทขายรถมิตซูบิชิ สาขาประจวบฯ โดยก่อนเกิดเหตุ ขณะนั่งอยู่ในบ้านด้วยกัน ได้ยิงเสียงกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทห่างจากบ้าน 50 เมตร ด้วยความตกใจจึงรีบวิ่งออกมาดู ซึ่งลูกสาวพร้อมกลุ่มเพื่อนก็ติดตามมามุงดูเหตุการณ์ด้วย กระทั่งเห็น พ.ต.ท.พฤหัส สังข์ประเสริฐ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองประจวบฯ นำกำลังมาควบคุมสถานการณ์อยู่
ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังทำงาน ได้มี รถ จยย.ฮอนด้า สกู๊ปปี้สีแดง ขี่มาจอดรถบนถนน หน้าที่เกิดเหตุ คนร้าย 2 คนใช้อาวุธปืนลูกซองยิงใส่กลุ่มคนที่ไปดูเหตุการณ์และเจ้าหน้าที่ 1 นัด ทำให้กระสุนกระจายมาถูกน้องอังเสียชีวิตคาที่ โดยชาวบ้านที่อยู่ในที่เกิดเหตุได้ขี่รถติดตามคนร้ายไป จนไปถึง บริเวณ ถ.มหาราช 2 หน้าสถานีรถไฟประจวบฯ ก่อนจะพุ่งชนจนรถ จยย.ของคนร้ายล้มคว่ำ และจับกุมตัวไว้ได้ ทราบชื่อคือ นายอ้น ส่วนคนร้ายอีกคนชื่อ นายแฟรงค์ ได้วิ่งหลบหนีไป สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า สาเหตุที่คนร้ายยิงเข้าไปในกลุ่มผู้ตายนั้น เนื่องจากคิดว่าเป็นคู่อริ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังไล่ล่า นายแฟรงค์ มาดำเนินคดีอยู่.
Share:

นศ.เหมารถตู้คนขับหลับในคว่ำตาย4ศพสาหัส7





รถตู้เหมาคันจากท่าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กทม. มุ่งหน้าพิษณุโลก หลับใน ทำให้รถพลิกคว่ำที่ จ.ชัยนาท นักศึกษาเสียชีวิต 4 ศพ บาดเจ็บสาหัส 7 ราย
เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่  15 มิ.ย.   พ.ต.ท. มงคล  ปันต๊ะ  พนักงานสอบสวนสภ. มโนรมย์ จ. ชัยนาท  รับแจ้งอุบัติเหตุรถตู้พลิกคว่ำบนถนนสายเอเชีย บริเวณกม.149-150 หมู่ 8 ต. ท่าฉนวน   มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก จึงรีบไปตรวจสอบพบรถตู้โตโยต้าสีขาว  ทะเบียนป้ายน้ำเงิน ฮง 6790 กรุงเทพมหานคร   พลิกคว่ำลงไปในร่องน้ำข้างถนน ใกล้ศาลาพักผู้โดยสาร   มีผู้โดยสารกระเด็นออกมาจากรถเสียชีวิต 4 ราย ใกล้กันพบสัมภาระกระจายเกลื่อน  เบื้องต้นทราบชื่อผู้เสียชีวิตเพียง 1 รายคือนางวนิดา วงษ์วาน   
นอกจากนี้ยังพบผู้บาดเจ็บอาการสาหัสอีก  7 ราย จึงรีบนำส่งรพ. มโนรมย์ 5 รายคือนายอนุชน  เอี่ยมโพธิ์  อายุ 35 ปี  คนขับ  นายณัฐนัย ดิษฐ์ขำ และนายถิระวัฒน์ วงแก้ว อายุ 19 ปีเท่ากัน  นายศรัญ สันเนียม อายุ 20 ปี  และน.ส.สุรีพร กุลนิตย์ อายุ 23 ปี  นอกจากนี้ยังนำส่งรพ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ 2 ราย  คือนายศรราม ไวยกสิกร อายุ 21 ปี และนายณรงค์เดช ดาวไทสงค์ อายุ 37 ปี
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายอนุชน   รับผู้โดยสารทั้งหมดที่เหมารถตู้มาจากท่ารถตู้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กทม. ขับออกมาประมาณ 03.00 น. เพื่อมุ่งหน้าจ. พิษณุโลก   โดยคาดว่าทั้งหมดอาจเป็นนักศึกษาชักชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวต่างจังหวัด  ถึงจุดเกิดเหตุคนขับอาจจะหลับใน ทำให้รถพลิกคว่ำตกร่องน้ำดังกล่าว จะเร่งสอบสวนในรายละเอียดต่อไป.
Share:

ดีเอสไอเรียก7หน่วยและ10บริษัทรถหรูเอกซเรย์548คัน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 มิ.ย. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ  เรียกประชุมผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ กรณีรถยนต์ราคาแพงที่คาดว่าจะหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรและภาษีสรรพสามิต ครั้งที่ 2 โดยมีหน่วยงานรัฐ 7 แห่ง เช่น สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรมการขนส่งทางบก สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และฝ่ายเทคนิคของค่ายรถยนต์หรู 10 บริษัท เข้าร่วมประชุม เพื่อวางแผนการตรวจสอบด้านกายภาพของรถยนต์  548 คัน โดยกำหนดให้เจ้าของรถต้องอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ เพื่อความโปร่งใส โดยรถแต่ละคันจะใช้เวลาตรวจสอบ 2-3 ชั่วโมง  ทั้งนี้วันที่ 19 มิ.ย. ดีเอสไอจะเริ่มตรวจสอบรายละเอียดรถหรู 126 คันที่ตรวจยึดไว้ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดว่าหลบเลี่ยงภาษีหรือไม่

ทั้งนี้ ค่ายรถยนต์หรูทั้ง 10 บริษัทที่เข้าร่วมการประชุม คือ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัท เมอร์เซเดสเบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัท โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จำกัด , บริษัท ซิตี้ ออโตโมบิล จำกัด ผู้แทนจำหน่ายจากัวร์และแลนด์ โรเวอร์ , บริษัท นิชคาร์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายลัมโบร์กินีและโลตัส , บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายเฟอร์รารี่ ,  บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายเล็กซัส อัลพาร์ด และโตโยต้า-เอฟที 86 , บริษัท วัฒนาออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ผู้แทนจำหน่ายคาดิลแลค และบริษัท เอเอเอส ออโต้เซอร์วิส จำกัด ผู้แทนจำหน่ายเบนท์ลี่ย์และปอร์เช่.
Share:

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ 095-219-0106

Popular Posts

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Blog Archive

Followers

Blog Archive