เมื่อเช้าวันที่ 15 มิ.ย. นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดังที่ถูกฆาตกรรมโหดนำศพไปฝังที่จ. พัทลุง ได้เข้าพบพล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. และร่วมสอบปากคำนายสุทธิพงษ์ หรือเบิ้ม พิมพิสาร ผู้ต้องหาร่วมทีมฆ่านายเอกยุทธ ภายหลัง เจ้าตัวให้การว่าไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่ารัดคอนายเอกยุทธ แต่นายสันติภาพหรือบอล เพ็งด้วง เป็นคนบีบคอให้ตายก่อนแล้ว จึงใช้ให้ตนเชือกรองเท้ารัดคอซ้ำเพื่อความแน่ใจ ซึ่งขัดแย้งกับคำให้การของนายสันติภาพ
จากนั้นตำรวจได้นำนายเบิ้ม ไปชี้จุดประกอบการทำแผนรับสารภาพในรถตู้บริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ถึงพฤติกรรมที่ร่วมฆ่านายเอกยุทธ โดยเจ้าตัวยืนยันว่าเพียงแค่ใช้เชือกรัดคอนายเอกยุทธที่สิ้นใจตายก่อนแล้วเท่านั้น จากนั้นตำรวจได้คุมตัวนายเบิ้มไปฝากขังที่ศาลอาญาผลัดแรก 12 วัน โดยคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญต่อประชาชน
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 11.30 น. วันเดียวกัน ร.ต.ท.ณฐพล ดีผลงาม พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลวง ได้นำตัว นายสุทธิพงศ์ หรือเบิ้ม พิมพิสาร อายุ 27 ปี ชาว จ.พัทลุง ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจด้านการเงิน และอสังหาริมทรัพย์ มายื่นคำร้องต่อศาลฝากขังครั้งแรก
โดยระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 6 - 9 มิ.ย. 2556 เวลากลางคืน ผู้ต้องหากับพวกอีก 3 คนที่ฝากขังต่อศาลแล้ว ได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน โดยแบ่งหน้าที่กันทำด้วยการวางแผน และตกลงร่วมใจกันมาก่อนที่จะปล้นทรัพย์นายเอกยุทธ ผู้ตาย โดยใช้อาวุธปืนขนาด . 38 ของนายเอกยุทธ จี้ ขู่บังคับ ประทุษร้าย กักขัง หน่วงเหนี่ยวนายเอกยุทธ ในรถตู้ยี่ห้อ โฟล์ค สีดำ ทะเบียน ฮพ 9304 กทม. จากร้านอาหารครัวกระแต ย่านสะพานควาย แล้วขับรถคันดังกล่าว คุมตัวนายเอกยุทธ ไปกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ที่ชั้น 2 บ้านพักเลขที่ 1213/360 ย่านทาวน์อินทาวน์ ของนายเอกยุทธ ต่อเนื่องถึงบ้านเลขที่ 339/226 หมู่บ้านราชพฤกษ์ แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กทม บ้านพี่สาวนายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง คนขับรถ ผู้ต้องหาร่วม เพื่อเจตนาให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของนายเอกยุทธ
ต่อมาผู้ต้องหา กับพวกอีก 3 คน ได้ร่วมกันบังคับขู่เข็ญให้นายเอกยุทธลงลายมือชื่อในเช็คของธนาคารไทยพาณิชย์ฯ สาขาศรีวรา สั่งจ่ายเงิน 1.5 ล้านบาทและออกเช็ค ธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ สาขาทองหล่อ รวม 2 ฉบับสั่งจ่ายเงิน 1.7 ล้านบาท และ 1.8 ล้านบาทตามลำดับ รวมเป็นเงิน 5 ล้านบาท จนผู้ต้องหาได้ร่วมกันนำเงิน 5 ล้านบาทเป็นของตนเองโดยทุจริต จากนั้นผู้ต้องหากับพวกได้ร่วมกันฆ่านายเอกยุทธ โดยใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อปกปิดความผิดที่กระทำไว้ข้างต้น แล้วแจ้งให้พวก จัดเตรียมสถานที่ฝังศพเป็นที่ดินรกร้าง ต.เขาจิงโจ้ อ.เมือง จ.พัทลุง เพื่อปิดบังซ่อนเร้นการตายของนายเอกยุทธ ก่อนหลบหนีไป
เหตุเกิดที่แขวงบางซื่อ เขตจตุจักร , แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง ,แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง ที่ จ.พัทลุง และที่อื่นต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน
ต่อมาผู้ต้องหาได้เข้าพบ และมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลางดำเนินคดี ข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธ จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย , ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือ ไม่กระทำการใด หรือ จำยอมต่อสิ่งใด , ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย, พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ทำลายศพ ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหา ให้การภาคเสธ ในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ส่วนข้อหาอื่นให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
บัดนี้พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาจะครบกำหนดแล้วแต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น จะต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 20 ปาก , รอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร , รอผลการตรวจชันสูตรศพ, รอผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุและวัตถุพยาน จากกองพิสูจน์หลักฐาน , รอผลการพิสูจน์ เอกลักษณ์และลักษณะของดีเอ็นเอของศพ และเอกสารอื่นๆ ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้ 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 15 – 26 มิ.ย. นี้ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากผู้ต้องหามีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ทั้งคดีมีอัตราโทษสูง หากปล่อยชั่วคราว เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี
ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ต่อมาเวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายสุทธิพงศ์ ขึ้นรถบัสของเรือนจำไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ โดยระหว่างเดินขึ้นรถนายสุทธิพงศ์ มีสีหน้าสบาย ๆ พร้อมกับบอกบิดา มารดาที่เดินทางมาให้กำลังใจ เป็นภาษาปักษ์ใต้ว่า ไม่เป็นไร ให้พ่อกับแม่ดูแลตัวเอง.
ด้านนายสุวัตร กล่าวว่า ส่วนตัวยังติดใจประเด็นที่ตำรวจสรุปว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์นายเอกยุทธ เพราะหากฆ่าชิงทรัพย์จริงทำไมถึงนำทรัพย์สินส่วนตัวไปทิ้งแม่น้ำในจ. นครศรีธรรมราช เหมือนทำลายหลักฐานอำพรางคดี อีกทั้งยังเชื่อมั่นว่าน่าจะมีผู้ร่วมการสังหารมากกว่านี้ และมีผู้อยู่เบื้องหลังด้วย
อย่างไรก็ตามตนเป็นแค่ทนายความเท่านั้น ไม่ได้เป็นลูกความ การเดินหน้าคุ้ยคดีเป็นเรื่องของตำรวจและญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งล่าสุดทราบว่าญาตินายเอกยุทธต้องการให้คดีปิดลงโดยเร็ว เนื่องจากทางครอบครัวเศร้าโศกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากพอแล้ว
ด้านพญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม อดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ออกมายืนยันอีกครั้งว่า จะไม่เข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนในคดีการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ เพราะตนเองถูกโยกย้ายออกจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์แล้ว คงไม่เหมาะสมและไม่น่าที่จะให้ความเห็นได้ ไม่รู้จะไปในฐานะอะไร ควรขอความร่วมมือสถาบันนิติวิทยาศาตร์ดีกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับนายสันติภาพ เพ็งด้วง นายทิวากร เกื้อทอง และชวลิต วุ่นชุม 3 ผู้ต้องหาที่ร่วมกันฆ่าชิงทรัพย์นายเอกยุทธ ซึ่งถูกนำไปฝากขังที่ศาลอาญาผลัดแรก 12 วัน โดยศาลส่งตัวไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ (บางเขน) เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. นั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่เรือนจำได้วางกำลังคุมเข้มผู้ต้องหาทั้ง 3 คน รวมทั้งตรวจสอบเรื่องอาหารและข้าวของเครื่องใช้แบบละเอียดยิบ เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะคิดสั้น.