ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ
www.becomz.com

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ รามคำแหง

เปิดบริการซ่อมคอมพิวเตอร์ถึงที่สะดวกรวดเร็ว ด้วยทีมงานช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ มืออาชีพ ประสบการณ์กว่า 10 ปี ที่จะไปบริการซ่อม ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน วัด โรงเรียน ร้านอินเตอร์เน็ต ฯลฯ โดยคิดอัตราค่าบริการเริ่มต้นเพียง 400 บาทต่อเครื่องเท่านั้น

การให้บริการ

หากลูกค้ายืนยันการซ่อมแล้วทางเราออกเดินทาง ไปแล้วยกเลิกการซ่อมในขณะที่ทางเราเดินทางไปถึงแล้วจะต้องเสียค่าเสียเวลาและการเดินทาง 400 บาท

พื้นที่ที่บริการ

ซ่อมคอมนอกสถานที่,ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ 095-219-0106 เริ่มต้นที่ 400บาท/เครื่อง (ปล. ให้บริการเฉพาะเขตพื้นที่ รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย ลาดพร้าวเฉพาะ บริเวณ จากเดอะมอลบางกะปิถึงโชคชัย 4 )

อัตราค่าบริการ becomz

ติดต่อ : TaNDesgin โทร. 095-219-0106 www.i-comz.com

บริการหลังการซ่อม โดย www.i-comz.com

ทุกงานซ่อมรับเราประกัน 1 สัปดาห์เต็ม หากปัญหาเดิมยังอยู่ เราจะไปบริการซ่อมให้ฟรี โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่เคยใบ้บริการกับทาง www.i-comz.com เรามีบริการซ่อมคอมออนไลน์ฟรีให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่า

วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ฉาวอีกคลิป จราจรสน.บางนา เรียกเก็บส่วยผู้ขับขี่รถยนต์-จยย.

วงการสีกากีฉาวอีก คลิปจราจรสน.บางนา เรียกเก็บส่วยจากผู้ขับขี่รถยนต์และจยย.ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแบริ่งกระฉ่อนโลกออนไลน์ ขำกลิ้งยังปราณีทอนเงินให้กับเหยื่อ ผู้บังคับบัญชาระดับโรงพักปิดปากเงียบ ร้อนถึงบิ๊กตำรวจนครบาลต้องออกคำสั่งให้รองผกก.จร.รายงานข้อเท็จจริงเป็นการด่วน ลั่นผิดจริงไม่เลี้ยงเอาไว้แน่ เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้โพสต์คลิปวีดีโอความยาว 4.03 นาที เรื่อง “ตำรวจหากินประชาชน!!!(บางคน)” เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียชื่อดังเฟสบุ๊คและยูทูบ โดยเป็นภาพชายแต่งกลายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ สวมหมวกเลขรหัส 6636 บางนา ขณะกำลังเรียกรถเก๋งและจยย.หลายคัน ให้จอดก่อนจะเดินเข้าไปพูดคุยกับคนขับและรับเงินที่คนขับส่งให้ ซึ่งผู้ถ่ายคลิปได้แอบถ่ายพฤติกรรมของบุคคลดังกล่าวจากมุมสูง ที่คาดว่าอยู่บนสถานีรถไฟฟ้า พร้อมระบุข้อความอธิบายด้วยว่า ถ่ายจากสถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง วันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเป็นเหตุการณ์วันเดียวกัน ในระยะเวลาสั้นๆ โดยมีตำรวจทั้งหมด 2 นาย นายหนึ่งทำที่โบกรถ และอีกหนึ่งนายทำที่เป็นยื่นเขียนใบสั่ง ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เหตุการณ์ในคลิปมีผู้ขี่จยย.รายหนึ่งถูกเรียกให้จอด จากนั้นชายคนดังกล่าวได้เข้าไปพูดคุย ก่อนจะรับธนบัตรจากผู้ขี่จยย.เก็บไว้แล้วใช้มือล้วงกระเป๋ากางเกงซ้ายของตนเองหยิบธนบัตรส่งถอนให้กับผู้ขี่จยย. ซึ่งหลังจากคลิปพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกไปเพียงไม่นาน ก็ได้มีผู้ชมโพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์ และส่งต่อกันคลิปออกไปอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง สน.บางนา เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวจากทางผู้บังคับบัญชา แต่ปรากฏว่าไม่พบนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์มือถือได้ ด้าน พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. รรท. ผบก.น.5 กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้ รองผกก.จร.สน.บางนา ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคลิปดังกล่าวแล้วว่าชายคนดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่และเป็นใคร โดยให้รีบรายงานตรงกับตนเองในช่วงเช้าวันที่ 7 พ.ค.นี้ ส่วนในระดับกองบังคับการก็จะให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาพิจารณา หากพบมีมูลความผิดคงต้องสั่งให้ออกจากราชการเอาไว้ก่อน อย่างไรก็ตามในกรณีนี้ประชาชนที่ถูกเรียกรับเงิน สามารถเข้ามาติดต่อร้องทุกข์ในฐานะผู้เสียหายกับตนเอง หรือจะประสงค์เข้ามาเป็นพยานด้วยก็ได้
Share:

อุทธรณ์ยืนคุก 10 ปี อดีต รอง สว.ธุรการ บก.น.7

อุทธรณ์ยืน คุก 10 ปี อดีต รอง สว.ธุรการ บก.น.7 หลังคว้า 9 ม.ม.ซัลโวใส่จ่า ทหาร สาวคนสนิทดับคาร้านอาหาร ศาลชี้กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา วันนี้ 7 พ.ค. ที่ห้องพิจารณา 809 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ คดีความผิดต่อชีวิต หมายเลขดำ อ.647 /54 หมายเลขแดง อ.2020/55 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 กับ นางสวรรค์ ใจสงัด มารดา จ.ส.อ.หญิง เกสรา ใจสงัด ทหารกองพลาธิการ กรมยุทธบริการ ทหารบก ผู้ตาย พร้อมบุตร 2 คนของจ.ส.อ.หญิง ร่วมเป็นโจทก์ ฟ้อง ร.ต.อ.นพฤทธิ์ วิเศษศักดิ์ อายุ 43 ปี อดีต รอง สว.ธุรการ บก.น.7 ช่วยราชการ สน.เตาปูน เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ พ.ร.บ.อาวุธปืน ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 54 สรุปว่า เมื่อ วันที่ 2 พ.ย.2553 เวลากลางคืน จำเลยได้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. ยิง จ.ส.อ.หญิง เกสรา ใจสงัด อายุ 39 ปี สังกัดกองพลาธิการ กรมยุทธบริการทหารบก เพื่อนสาวคนสนิท เสียชีวิต โดยก่อนเกิดเหตุจำเลยกับผู้ตายพร้อมเพื่อนรวม 8 คน ขณะ นั่งรับประทานอาหารและดื่มสุรากันที่ร้านอาหารอีสาน ริม ถ.ประชาราษฎร์ 2 แขวงและเขตเตาปูน กทม. ระหว่างนั้นจำเลยเกิดความหึงหวงผู้ตาย จึงลุกขึ้นชักปืนยิงถึงแก่ความตายก่อนหลบหนีไป ต่อมาวันที่ 5 พ.ย. 2553 จำเลยเข้ามอบตัว พร้อมให้การปฏิเสธอ้างว่า เกิดปืนลั่นถูกผู้ตาย โดยไม่มีเจตนาฆ่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 55 เห็นว่า โจทก์มีเพื่อนร่วมงานของผู้ตายเบิกความเป็นพยานว่า ขณะนั่งทางอาหารมีเพื่อนผู้ตายพูดแซวผู้ตายทำนองว่า เมื่อคืนไปไหนมาจนกลับบ้านดึก 03.00 น. จำเลยเลยได้ยิน จึงถามผู้ตายถึง 3 ครั้งว่า "ตกลงมึงไปไหนมา" จากนั้นจำเลยลุกขึ้นยืนชักปืนยิงผู้ตาย 1 นัด ก่อนเดินข้ามถนนขึ้นรถหลบหนีไป ที่จำเลยต่อสู้ว่า อาวุธปืนลั่นนั้น ก็อ้างเพียงปากเดียว ไม่มีพยานอื่นสนับสนุน พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำคุก 15 ปี ฐานพกพาอาวุธปืน ปรับ 2,100 บาท คำให้การของจำเลยมีประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 10 ปี ปรับ 1,400 บาท ริบของกลางอาวุธปืนจำเลยอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษสถานเบา เนื่องจากจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตาย และได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ร่วม จนเป็นที่พอใจศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันโดยละเอียดรอบคอบแล้ว เห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีพยานเบิกความยืนยันว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยยิงผู้ตายเพราะความหึงหวง ส่วนจำเลยไม่ได้โต้แย้งเรื่องอาวุธปืน ทั้งหลังเกิดเหตุจำเลยก็ไม่สนใจที่จะช่วยเหลือนำผู้ตายส่งโรงพยาบาล กรรมจึงเป็นเครื่องชี้เจตนา ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ร.ต.อ.นพฤทธิ์ ถูกเบิกตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และก่อนหน้านี้ได้ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ร่วมทั้ง 3 รวม 4 .5 ล้านบาท จนโจทก์ร่วมทั้งสาม ยอมถอนฟ้องทั้งคดีแพ่งและอาญา.
Share:

“เต้น”เชื่อชุมนุมหน้าศาลรธน. 8 พ.ค.ไม่รุนแรง

“เต้น” เชื่อชุมนุมหน้าศาล รธน. 8 พ.ค. ไม่รุนแรง พร้อมตั้งข้อสังเกต พวกต่อต้านรัฐบาลสร้างเงื่อนไขยั่วยุ ให้เกิดการเผชิญหน้าของประชาชน เหน็บ ปชป.ร่อน จดหมาย แจ้งโลกประจานตัวเอง วันนี้ (7 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ กล่าวก่อนการประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่ คนเสื้อแดง กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) จะรวมตัวชุมนุมใหญ่เพื่อกดดันการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 8 พ.ค. ว่า จากการติดตามความเคลื่อนไหวเชื่อว่าไม่น่ากังวล เพราะแกนนำยืนยันว่าจะชุมนุมโดยสงบ และมีเป้าหมายชัดเจน คือเรียกร้องความรับผิดชอบจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และทราบว่าผู้ชุมนุมมีความคิดว่าหากคนมาไม่ถึงแสนอาจจะยุติการชุมนุม แต่ก็เชื่อว่าวิจารณญาณ ของผู้ชุมนุมและแกนนำ จะรับผิดชอบความเคลื่อนไหวไม่ให้บานปลายได้อย่างแน่นอน และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีการประสานงานกับทางผู้ชุมนุมเป็นอย่างดี ก็จะทำให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ บรรยากาศความขัดแย้งยังคงมีอยู่ การแสดงออกถึงความพอใจไม่พอใจ ต่อรัฐบาลหรือฝ้ายตรงข้าม เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ผู้จะออกมาเคลื่อนไหวต้องไม่ทำให้สถานการณ์เกิดความรุนแรงบานปลาย และฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องก็ต้องลดเงื่อนไขที่จะยั่วยุ หรือกดดันให้เกิดเผชิญหน้า เพราะทุกอย่างมีสาเหตุ ทั้งเรื่องที่ฝ่ายรัฐสภาและประชาชนจำนวนหนึ่ง ปฏิเสธการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะตุลาการทำในสิ่งที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย และปฏิกิริยาของคนบางกลุ่มก็เหมือนจะจริงจังเกิดเหตุ กับการโจมตีรัฐบาลโดยพุ่งเป้าไปที่ นายกรัฐมนตรี หลายคนใช้ภาษาที่หยาบคายเกินกว่าการวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งๆที่บางคนเป็นคนที่มีสถานะทางสังคมพอสมควร เลยจับสังเกตว่า นี่คงเป็นความพยายามร่วมกันของขบวนการต่อต้านรัฐบาลที่จะสร้างเงื่อนไขยั่วยุ ให้เกิดความไม่พอใจ แก่ผู้สนับสนุนรัฐบาล และนำอาจไปสู่ สถานการเผชิญหน้ากันของมวลชนสองฝ่าย และจะเป็นการเปิดโอกาสให้อำนาจนอกระบบ เข้ามาจัดการการเมืองได้อีกหรือไม่ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่า นายกรัฐมนตรีจะมีสมาธิในการทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองและไม่นำตัวเองเข้าไปสู่ความขัดแย้ง เมื่อถามว่าการชุมนุมในวันพรุ่งนี้หากเกิดความรุนแรงแกนนำ นปช.ต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้เป็นการรวมตัวของประชาชนที่ตั้งเป็นกลุ่มใหม่ มีแนวทางการเคลื่อนไหวเป็นของตัวเอง เชื่อว่าผู้ชุมนุมมีวิจารณญาณ และวิธีการที่จะควบคุมการชุมนุมได้ และ คนเสื้อแดงที่ออกมาเคลื่อนไหว จะดูแลตัวเองไม่ให้เกิดความรุนแรง จึงไม่กังวลว่าในวันพรุ่งนี้จะมีปัญหา แต่ที่ต้องระวังคืออย่าให้มือที่สาม เข้าไปปั่นป่วนสถานการณ์ ส่วนกรณีพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมออกจดหมายชี้แจงต่อเวทีโลกกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษบนเวทีประชุมประชาคมประชาธิปไตยที่ประเทศมองโกเลีย ว่า จากการที่ได้ติดตามเนื้อหาจากการแถลงการณ์ข่าวของพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่ามีเนื้อหาหลักๆมีอยู่ 2 ประเด็น คือการบริหารงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจนเกิดการยึดอำนาจ และ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เบื้องหลังการชุมนุมของคนเสื้อแดงจนเกิดความรุนแรงบานปลาย ซึ่งเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ควรทบทวนท่าทีดังกล่าวอีกครั้ง เพราะการไปชี้แจงสาเหตุการรัฐประหารในประเทศไทย ให้โลกฟังโดยอ้างว่า มีความไม่ชอบธรรม จนต้องยึดอำนาจ ถือเป็นการประจานตัวเอง และสร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศอย่างแท้จริง.
Share:

ศึกล้างตระกูลระอุ แค้นลูกยิงแม่ดับสยอง

ญาติจำได้มือปืน1ในคู่อริของลูกชายคนตาย ชนวนเหตุเลือดนองมาจากปมทรัพย์สิน-ที่ดิน ทำให้ 2 ตระกูลบาดหมางกันมาตลอด วันนี้ 7 พ.ค. ร.ต.ท.วรรณโณ จิตภิบาล ร้อยเวร สภ.ปากน้ำหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร รับแจ้งยิงกันที่ บ้านเลขที่ 57 หมู่ที่ 12 ต.บางมะพร้าว อ.หลังสวน จ.ชุมพร พร้อมด้วย พ.ต.อ.อภินันท์ โกศัลย์วิตร ผกก. และฝ่ายสืบสวนรุดไปตรวจสอบ ในเบื้องต้นพบว่าที่เกิดเหตุ เป็นห้องแถวชั้นเดียว ที่หน้าประตูบ้าน มีเพียงรอยเลือดกองใหญ่และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ชื่อ นางประทุม บุญประสงค์ อายุ 66 ปี ญาตินำส่ง รพ.ปากน้ำหลังสวน แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตระหว่างทาง โดยถูกยิงด้วยปืนลูกซองที่บริเวณลำคอและหน้าอก กระสุนฝังกระจายบริเวณหน้าอก 8 เม็ด สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นางประทุม กำลังนั่งดูทีวี ภายในบ้านได้มีคนร้าย 1 คน เป็นชายรูปร่างสูง ผิวคล้ำ สวมไอ้โม่ง มาเคาะประตูกระจก เรียกนางประทุมออกไปพูดคุยธุระที่ประตูบ้าน ระหว่างนั้นหลาน ๆ ของนางประทุมนั่งดูโทรทัศน์อยู่ใกล้กัน ได้ยินเสียงนางประทุมพูดเสียงดังว่า “อย่าเล่นกันอย่างนี้” จากนั้นชายนิรินามก็ชักปืนจ่อยิงนางประทุในระยะเผาขน 1 นัดจนล้มฟุบจมกองเลือด ก่อนคนร้ายเดินหนีไปอย่างใจเย็น ญาติ ๆ รีบพาส่ง รพ.อลหม่านและเสียชีวิตในเวลาต่อมาดังกล่าว อย่างไรก็ตามพยานและญาติๆของผู้ตายจำได้แม่นยำว่า คนร้ายเป็น 1 ในคู่อริของลูกชายของนางประทุมและเป็นคู่แค้นมากันยาวนาน จนกลายเป็น “ศึกระหว่างตระกูล” แม้ว่าคนร้ายจะพยายามอำพรางใบหน้าด้วยการสวมหมวกไอ้โม่งก็ตาม โดยสาเหตุเกิดจากพิพาทเรื่องทรัพย์สิน ที่ดิน ที่ไม่สามารถตกลงกันได้ จนผู้ใหญ่มาไกล่เกลี่ยทำให้เลิกมีปัญหากันไปพักใหญ่ ล่าสุดก็เกิดเรื่องพิพาทระอุขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ลูกชายของนางประทุมออกหน้าไปขัดแย้งกับตระกูลคู่อริอย่างไม่หวั่นเกรง อาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามแค้นเคือง สบโอกาสพยายามมาเคลียร์ปัญญากับ นางประทุม แต่นางประทุมคงไม่ยินยอมและเข้าข้างบุตรชาย สร้างความโมโหให้คู่อริ ชักปืนกระหน่ำยิงสางแค้นก่อนหลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่จะติดตามจับกุมดำเนินคดีต่อไป.
Share:

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ 095-219-0106

Popular Posts

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Blog Archive

Followers

Blog Archive