ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ
www.becomz.com

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ รามคำแหง

เปิดบริการซ่อมคอมพิวเตอร์ถึงที่สะดวกรวดเร็ว ด้วยทีมงานช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ มืออาชีพ ประสบการณ์กว่า 10 ปี ที่จะไปบริการซ่อม ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน วัด โรงเรียน ร้านอินเตอร์เน็ต ฯลฯ โดยคิดอัตราค่าบริการเริ่มต้นเพียง 400 บาทต่อเครื่องเท่านั้น

การให้บริการ

หากลูกค้ายืนยันการซ่อมแล้วทางเราออกเดินทาง ไปแล้วยกเลิกการซ่อมในขณะที่ทางเราเดินทางไปถึงแล้วจะต้องเสียค่าเสียเวลาและการเดินทาง 400 บาท

พื้นที่ที่บริการ

ซ่อมคอมนอกสถานที่,ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ 095-219-0106 เริ่มต้นที่ 400บาท/เครื่อง (ปล. ให้บริการเฉพาะเขตพื้นที่ รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย ลาดพร้าวเฉพาะ บริเวณ จากเดอะมอลบางกะปิถึงโชคชัย 4 )

อัตราค่าบริการ becomz

ติดต่อ : TaNDesgin โทร. 095-219-0106 www.i-comz.com

บริการหลังการซ่อม โดย www.i-comz.com

ทุกงานซ่อมรับเราประกัน 1 สัปดาห์เต็ม หากปัญหาเดิมยังอยู่ เราจะไปบริการซ่อมให้ฟรี โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่เคยใบ้บริการกับทาง www.i-comz.com เรามีบริการซ่อมคอมออนไลน์ฟรีให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่า

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ช้างกระทืบชายเมาใกล้งานนายกฯตักบาตร





 วันนี้(29 ก.ค.55) ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น.ที่ผ่านมา  ก่อนที่นางสาวยิงลักษณ์  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเป็นประธานในพิธีตักบาตรบนหลังช้างที่บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์   พบว่ามีชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 50 ปี  ท่าทางคล้ายคนเมาสุราและสติไม่สมประกอบ  ถอดเสื้อใส่กางเกงขาสั้นสีเทา  ปีนขึ้นบนต้นไม้บริเวณหลังรูปปั้นช้างข้างอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดี  ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ลงมา 
หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวได้เดินเข้าไปในวัดจุมพลสุทธาวาสใกล้บริเวณงาน  ก่อนที่จะเข้าหยอกล้อกับช้าง  ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ชายคนดังกล่าวได้คลานเข้าไปหยอกช้างที่ควาญช้างผูกไว้กับเพื่อนช้างอีกหลายเชือกภายในวัด โดยช้างดังกล่าวไม่ได้เข้าไปร่วมงานตักบาตรบนหลังช้างแต่อย่างใด
ระหว่างนั้นเองช้างดังกล่าวน่าจะเกิดความรำคาญจึงใช้งวงรัดตัวชายคนดังกล่าว ก่อนที่จะโยนขึ้นสูงและร่วงลงมาพร้อมเข้ากระทืบซ้ำทันที  ก่อนที่ควาญช้างจะเห็นเหตุการณ์และเข้าระงับช้าง แต่ก็ไม่ทันการชายคนดังกล่าวแน่นิ่งคาที่หายใจรวยริน บริเวณร่างกายกระดูกหักหลายแห่ง และมีเลือดไหลบริเวณใบหน้าและคาง รวมทั้งตามร่างกาย  ก่อนที่เจ้าหน้าที่กูภัยสุรินทร์ จะนำตัวส่งโรงพยายาบาลสุรินทร์เพื่อช่วยชีวิต  ขณะที่เจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลก็พยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิตอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ เนื่องจากชายทนพิษบาดแผลจากที่ถูกช้างทำร้ายไม่ไหวและเสียชีวิตดังกล่าว
Share:

ศาลสั่งประหารชีวิต 3 ดาบตำรวจกาฬสินธุ์ ฆ่าโหดโจ๋ตัดตอนค้ายา





ที่ห้องพิจารณา 813 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (30 ก.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาคดีความผิดต่อชีวิต อ.3252/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง ฟ้อง ด.ต.อังคาร คำมูลนา อายุ 48 ปี ด.ต.สุดธินัน โนนทิง อายุ 43 ปี ด.ต.พรรณศิลป์ อุปนันท์ อายุ 42 ปี พ.ต.ท.สำเภา อินดี อายุ 51 ปี อดีต สวป.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.อ.มนตรี ศรีบุญลือ อายุ 62 ปี อดีต ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และ พ.ต.ท.สุมิตร นันท์สถิต อายุ 45 ปี อดีต รอง ผกก. สภ.เมืองกาฬสินธุ์เป็นจำเลยที่ 1- 6 ตามลำดับในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย และเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ

โดยอัยการโจทก์ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 9 ก.ย.52 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค.47 จำเลยทั้งหมด โดยจำเลยที่ 1-3 และ จำเลยที่ 6 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ร่วมกันเจตนาฆ่านายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์รถ จยย. ขณะนำตัวออกจาก สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ด้วยการบีบรัดคอจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต จากนั้นพวกจำเลย ได้ปิดบังเหตุแห่งการตายของนายเกียรติศักดิ์ โดยร่วมกันย้ายศพจากท้องที่เกิดเหตุ ไปแขวนคอไว้ที่กระท่อมนา บ้านบึงโดน หมู่ที่ 5 ต.แสนชาติ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด

จากนั้น ระหว่างวันที่ 30 ก.ค. 47-27 เม.ย. 48 จำเลยที่ 4-6 ร่วมกันข่มขู่พยาน เพื่อให้การอันเป็นเท็จ โดยให้พยานระบุว่า ในวันที่ผู้ตายถูกทำร้ายยังพบเห็นผู้ตายที่ตลาดโต้รุ่ง เชื่อว่าพวกจำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 1–3 กระทำผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต ฐานย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย จำคุกคนละ 1 ปี เมื่อรวมโทษแล้วคงให้โทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1-3 สถานเดียว ส่วนจำเลยที่ 5 กระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ ลงโทษจำคุก 7 ปี สำหรับจำเลยที่ 6 กระทำผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษ จำคุกตลอดชีวิต และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีฆ่าอำพรางศพคดีนี้พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ทำการสอบสวน เนื่องจากญาติผู้เสียชีวิตร้องเรียนว่า การเสียชีวิตของนายเกียรติศักดิ์ อาจมีเงื่อนงำ ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศสงครามกับยาเสพติด กระทั่งเกิดคดีในลักษณะของการฆ่าตัดตอนผู้ต้องหาคดียาเสพติดหลายคดี
Share:

ยิง “เต่า ท่าทราย”คาดแก๊งยา-ทะเลาะวิวาท




วันนี้ ( 30 ก.ค. )  ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง  ผบช.น. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนายวิรัช  ดิลกศรี  อายุ 37 ปี  หรือ “เต่า ท่าทราย”  ถูกยิงด้วยอาวุธปืน เสียชีวิต และนายวิสันต์ สุริวงศ์ 37 ปี ถูกยิงเข้าที่บริเวณไหปลาร้าด้านซ้าย ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณถนนรัชดาภิเษกฝั่งขาออกเข้า ก่อนถึงทางขึ้นสะพานข้ามแยกตัดถนนลาดพร้าว  แขวงจอมพล เขตจตุจักรเมื่อเช้าวันที่ 29 ก.ค. ว่า คดีนี้ถือเป็นการกระทำที่อุกอาจ ตนได้เรียกฝ่ายสืบสวน สน.สุทธิสาร และสน.ห้วยขวาง มาร่วมประชุมกับ บก.สส. เพื่อคลี่คลายคดี จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหากับกลุ่มผู้เสียหายไปเที่ยวในผับ จากนั้นเมื่อมีเรื่องและมีการออกมายิงกัน โดยสาเหตุที่ตั้งไว้คือ 1.เรื่องยาเสพติด เพราะทั้งผู้ตายและผู้ก่อเหตุพัวพันกับยาเสพติด 2.ทะเลาะวิวาท เนื่องจากมีการทะเลาะกันในห้องน้ำของผับมีการตบกัน 3.คือ นาย “เต่า ท่าทราย” มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับหลายกล่มทั้งกลุ่มในกรุงเทพ กลุ่มดอนเมือง กลุ่มนนทบุรี
 
พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวต่อว่า สำหรับการปล่อยปะละเลยให้มีสานบันเทิงเปิดเกินเวลาออกจากผับอื่น ไปต่อผับในพื้นที่ห้วยขวางตี5 จึงมีคำสั่งให้  พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ ผกก.สน.ห้วยขวาง มาช่วยราชการ บช.น. 30 วัน และให้ รอง ผบก.น.1 รักษาการณ์ตั้งแต่วันนี้ เชื่อว่าคดีดังกล่าวจะมีความคืบหน้าแน่นอน

ด้านพล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบช.น. ดูแลงานสืบสวน เปิดเผยภายหลังประชุมติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า  เบื้องต้นตั้งเป้ายาเสพติดทั้งผู้ตายและคู่กรณี เหตุวิวาทในวันดังกล่าวและวันอื่นๆ ซึ่งคนตายมีเรื่องวิวาทกับหลายๆกลุ่ม ในวันเกิดเหตุผู้ตายขอซื้อยาไอซ์มาเสพ แต่คนที่พูดด้วยไม่ให้จนทะเลาะกัน ซึ่งเป็นคำพูดจากปากญาติผู้ตาย ซึ่งผู้ตายก็เชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มผู้ค้าด้วย  สำหรับรูปพรรณคนร้ายสูงใหญ่มัดผมออกมานอกหมวกกันน็อคไม่สามารถสเกตซ์ภาพได้ แต่พอมีแนวทาง อย่างไรก็ตามรูปพรรณไม่ตรงกับที่มีการทะเลาะวิวาทก่อนหน้านี้ โดยรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ไม่ได้ติดทะเบียน มีการติดตามแต่ไม่ทัน โดยมีพยานในรถหลายปากก็สอบปากคำแล้ว ส่วนอาวุธปืนเป็นขนาด .40 หรือ 10 มม. เป็นอาวุธปืนที่มีราคา และค่อนข้างหาซื้อยาก โดยก่อนหน้านี้ผู้ตายมีการกระทบกระทั่งกับหลายกลุ่มหลายครั้ง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารถกระบะคันเกิดเหตุที่ผู้ตายขับ เป็นของลูกน้อง ซึ่งก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผกก.สส.บก.น.2 ยึดไปตรวจสอบ ก่อนคืนมาในวันที่ 28 กรกฎาคม ก่อนเกิดเหตุ ถือว่าเป็นเรื่องการยิงผิดตัวหรือไม่  รอง ผบช.น.กล่าวว่า ยังไม่ตัดประเด็นนี้ทิ้ง ถือว่ามีส่วน เพราะเป็นเรื่องของยาเสพติดและอาวุธปืนเหมือนกัน
 
////////////////////////////////////////////
Share:

แถลงข่าวจับยาบ้าและยาไอซ์เกือบสองล้านบาท




 วันนี้(31 ก.ค.) ที่สถานีตำรวจทางหลวงตรัง ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง ร.ต.อ.ไพโรจน์  ประสิทธิ์ รองสารวัตรทางหลวงตรัง พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ฯร่วมกันแถลงผลการตั้งด่านตรวจค้นที่บริเวณหน้าหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงปะเหลียน ระหว่างกม.ที่40-41 ตำบลลิพัง อำเภอปะเหลียน  จังหวัดตรัง  ซึ่งสามารถจับผู้ต้องหาลักลอบขนยาบ้าและยาไอซ์ได้จำนวน 2 คน คือ  นายจำเนียร  เพ็งดำ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/2 ม.1 ตำบลป่าแก่บ่อหิน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล และนายพล ป้าเทพ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62/6 หมู่ 4 ตำบลป่าแก่บ่อหิน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล พร้อมด้วยของกลาง  ยาบ้าจำนวน 4,000 เม็ด ยาไอซ์จำนวน 99.65 กรัม มูลค่ายาเสพติดประมาณ 1.5 ล้านบาท  นอกจากนั้นยังตรวจยึดรถยนต์กระบกสองตอน ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำตาล ป้ายทะเบียน กง-1873 พัทลุงจำนวน 1 คัน ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่ายืมจากเพื่อนมา และโทรศัพท์มือถือที่ใช้ติดต่อนายจ้างจำนวน 2 เครื่อง

ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า ในช่วงเย็นของวันที่ 30 ก.ค. ที่ผ่านมา  จะมีรถยนต์กระบะในลักษณะดังกล่าว ซุกซ่อนยาเสพติดอยู่ในรถและใช้เส้นทางผ่านบริเวณหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงปะเหลียน ระหว่างกม.ที่40-41 ตำบลลิพัง อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง  หลังรับแจ้งจึงทำการตั้งด่านตรวจสกัด และเมื่อรถคันดังกล่าววิ่งผ่านมา โดยมีนายจำเนียรฯเป็นคนขับและนายพลฯเป็นคนนั่งด้านข้างจึงเรียกให้ตรวจสอบ และพบของกลางยาบ้า ยาไอซ์ ซุกซ่อนอยู่ใต้พวงมาลัยรถกระบะ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยึดไว้เป็นของกลาง และควบคุมผู้ต้องหามาดำเนินคดี
 
จากการสอบสวนในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา  โดยทางด้านนายพลฯ หนึ่งในผู้ต้องหาอ้างว่า  ตนมีอาชีพกรีดยาพารา แต่ช่วงนี้ราคายางลดลง ทำให้รายได้ไม่พอจ่ายประกอบกับมีหนี้สิน ดังนั้นจึงหันมารับจ้างขนยาเสพติด เนื่องจากมีรายได้ดี ได้ค่าจ้างตกครั้งละ 5,000 บาทต่อคน และทำมาแล้ว 2 ครั้ง โดยได้รับการว่าจ้างให้ไปรับยาในพื้นที่อำเภอปะเหลียน ตรังแล้วนำมาโยนทิ้งไว้ข้างทางในพื้นที่ตำบลทุ่งหว้า จ.สตูล ก่อนที่จะมีคนมารับอีกช่วงหนึ่ง
 
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า  ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท1 ยาบ้าและยาไอซ์ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต  ก่อนที่จะควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปะเหลียน  เพื่อที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
Share:

เฮทั้งชาติ! "น้องแต้ว" ฮึด คว้าเหรียญเงิน "ลอนดอนเกมส์"





 ยกน้ำหนัก แข่งขันที่สนามเอ็กเซล ทัพนักกีฬาไทยมีลุ้นหยิบเหรียญรางวัล จากรุ่น 58 กก. หญิง หลังจากพลาดหวังมาในรุ่น 48 กก. หญิง โดยสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ส่ง 2 จอมพลังขึ้นชิงชัย ได้แก่ “แต้ว” พิมศิริ ศิริแก้ว วัย 23 ปี จากจ.ขอนแก่น ดีกรี 2 เหรียญทองแดง รายการชิงชนะเลิศแห่งโลก เมื่อปีที่แล้ว และ 3 เหรียญทอง รายการชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และ “ปุ๊กลุก” รัตติกาล กุลน้อย สาวน้อยวัย 19 จากจ.สุรินทร์ เจ้าของ 2 เหรียญทองแดง ในรายการชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย เมื่อเดือน เม.ย. ซึ่งในครั้งนั้นลงชิงชัยในรุ่น 63 กก.
2 สาวไทยสแนทช์ไม่สวย
  เริ่มต้นด้วยท่าสแนทช์ พิมศิริ ครั้งแรกยกผ่านไปได้แบบสบาย 100 กก. ก่อนจะออกมายกในครั้งที่ 103 กก. ซึ่งกรรมการให้ผ่าน 2 คน และไม่ผ่าน 1 คน จากนั้นผู้ตัดสินชี้ขาดออกมาแก้คำตัดสินให้ไม่ผ่าน เนื่องจากเห็นว่าระหว่างยกเหล็กค้างมีอาการข้อศอกยุบ ต้องออกมาแก้ตัวครั้งที่ 3 ด้วยน้ำหนักเดิม แต่จังหวะดึงเหล็กขึ้นเหนือศีรษะล็อคแขนไม่อยู่จึงตัดสินใจทิ้งเหล็ก ทำให้สถิติดีที่สุดท่านี้อยู่ที่ 100 กก. ส่วน รัตติกาล ครั้งแรกเรียก 98 กก. ยกไม่ผ่าน, ครั้งที่ 2 เพิ่มน้ำหนักเป็น 100 กก. ยังยกไม่ขึ้นเหมือนเดิม ก่อนออกมาแก้ตัวสำเร็จในครั้งที่ 3 ยกผ่านที่ 100 กก. ได้อันดับ 8 ในท่าสแนทช์ ส่วน พิมศิริ ที่ทำสถิติเท่ากัน แต่น้ำหนักตัวมากกว่าได้ที่ 9 ส่วนอันดับ 1 หลี ซิวหยิง (จีน) 108 กก. พร้อมทำลายสถิติโอลิมปิกเดิมของ เฉิน หยางซิง เพื่อนร่วมชาติที่ทำไว้ 107 กก. ในศึก “เอเธนส์เกมส์ 2004”, อันดับ 2 ยูลิยา คาลินา (ยูเครน) 106 กก., อันดับ 3 โบยานกา คอสโตวา (อาร์เซอร์ไบจาน) 105 กก.
“พิมศิริ” แก้ตัวบี้คว้าเงินสุดมัน
  กลับมาวัดพลังต่อในท่าคลีนแอนด์เจิร์ก 2 จอมพลังไทย เรียกเหล็กบี้กับนักกีฬาจากจีน, เบลารุส, เกาหลีเหนือ รวมทั้งยูเครน อย่างสุดสนุก  โดย “พิมศิริ” รวบรวมพลังกลับมาสู้ใหม่ยกผ่านครั้งแรก 131 กก. ก่อนจะออกมายกครั้งที่ 2 ด้วยความมั่นใจยกผ่านไปแบบสบาย 136 กก. จากนั้นครั้งที่ 3 เรียก 140 กก. แม้จะยกไม่ผ่าน แต่ก็เพียงพอจะคว้าเหรียญเงินไปครอง น้ำหนักรวม 236 กก. และเป็นเหรียญรางวัลแรกของทัพนักกีฬาไทยในลอนดอนเกมส์ด้วย ขณะที่ รัตติกาล ยกครั้งแรกผ่านที่ 130 กก., ครั้งที่ 2 ยกได้ 134 กก. และครั้งที่ 3 เรียก 136 กก. เพื่อลุ้นแย่งเหรียญทองแดงกับ ยูลินา คาลินา (ยูเครน) ทว่ายกไม่ผ่าน ทำให้ได้เพียงอันดับ 4 ทำน้ำหนักรวมได้ 234 กก. โดยแพ้ ยูลินา ที่ได้เหรียญทองแดงไปทำ 235 กก. เพียง 1 กก. เท่านั้น ส่วนเหรียญทองเป็นของ หลี ซิวหยิง (จีน) ยกคลีนแอนด์เจิร์กได้ 138 กก., น้ำหนักรวม 246 กก. ทำลายสถิติโอลิมปิกของ เฉิน หยางซิง ที่ทำไว้ 244 กก. ในศึกเอเธนส์เกมส์ ลงได้ด้วย
ยอดอัดฉีดทะลุ 10 ล้าน
  นักกีฬาที่ได้เหรียญเงินจะได้รับเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ 6 ล้านบาท มอบเป็นเงินสด 50 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นสวัสดิการในรูปแบบเงินเดือนแบ่งจ่าย 5 ปี ขณะที่เอกชนยอดเงินอัดฉีดของภาคเอกชนอีกกว่า 4.62 ล้านบาท รวมยอดอัดฉีดล่าสุดทั้งหมด 10.62 ล้านบาท นอกจากนี้กองทุนฯ ยังมอบเงินให้ผู้ฝึกสอนอีก 20 เปอร์เซ็นต์ของนักกีฬา และสมาคมกีฬารับ 30 เปอร์เซ็นต์
ยังเหลือลุ้นชาย 3 รุ่น
  สำหรับโปรแกรมแข่งขันยกน้ำหนักยังเหลือนักกีฬาชายลงสนามอีก 3 คน ในรุ่น 69 กก., 77 กก. และ 85 กก. โดยรุ่นต่อไป ได้แก่ รุ่น 69 กก. ชาย โดยไทยส่ง “ตุ๊ก” อรรถพล แดงจันทึก ลงชิงชัยโยถูกจัดอยู่ในกลุ่มบี จะมีขึ้นในวันที่ 31 ก.ค. เวลา 16.00น. ตามเวลาไทย

ทั้งนี้ คณะนักกีฬา และเจ้าหน้าที่ทีมยกน้ำหนักจะเดินทางกลับถึงประเทศไทย ในวันที่ 5 ส.ค. เวลา 15.30 น. และจะเดินทางกลับ จ.เชียงใหม่ ต่อในเวลา 18.40 น. อย่างไรก็ตาม กำหนดการเดินทางทางกลับ จ.เชียงใหม่ อาจมีการเปลี่ยนแปลงต้องรอตัดสินใจอีกครั้ง
Share:

"ฉัตร์ชัย" ไม่พลาดอัดนักชกตุรกีขาดลอย





  การแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น กีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 30 “ลอนดอนเกมส์ 2012” ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา รุ่น 52 กก. รอบ 32 คน “สด” ฉัตร์ชัย บุตรดี ขึ้นสังเวียนพบกับ เซลซุค เอเกอร์ จากตุรกี ซึ่งผลปรากฎว่า ยกแรก ฉัตร์ชัย ดักชกทำคะแนนได้อย่างสุดยอด ออกนำไปก่อน 11-2 ยกสองนักชกตุรกีเร่งออกหมัดได้อย่างสูสี แต่ “สด” ก็ยังดักชกทำคะแนนได้เช่นกัน จบยกสอง แต้มมาอยู่ที่ 19-9 เข้าสู่ยกสุดท้าย นักชกจาก จ.สระแก้ว ยกโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ครบ 3 ยก ฉัตร์ชัยเอาชนะไปได้ 24-10 ผ่านเข้ารอบ 16 คนสุดท้าย ไปพบกับ รามิเรซ คาร์ราซาน่า นักชกดาวรุ่งวัย 19 ปี จากคิวบา ที่ชนะ ซูซ่า คัตซูอากิ จากญี่ปุ่น 19-7 ในวันที่ 3 ส.ค. เริ่มแข่งขันคู่แรกเวลา 19.30 น.
Share:

ปู ร่วมพิธี เซ่นไหว้ศาลปะกำ เพื่อความเป็นศิริมงคลหมอช้าง พร้อมพา “น้องไปป์”ร่วมชมการแสดงช้าง





วันนี้(30 ก.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังศูนย์คชศึกษา อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นสถานที่อนุรักษ์และให้การดูแลช้างที่เป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองและเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด โดยได้ร่วมพิธีบวงสรวงเซ่นไหว้ศาลปะกำ เพื่อความเป็นสิริมงคลตามความเชื่อของชาวกูยก่อนที่จะออกไปคล้องช้าง  ซึ่งเป็นพิธีการแสดงความเคารพก่อนออกจับช้างป่า และ เป็นพิธีกรรมโบราณที่มีมากว่า 50ปีแล้ว ทั้งนี้พิธีกรรมดังกล่าว ทำเพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับหมอช้าง เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง เป็นที่เคารพนับถือ ซึ่งได้ทำพิธีกรรมดังกล่าวเป็นไปตามประเพณี  โดยในสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เคยเข้าร่วมพิธีเซ่นไหว้ศาลปะกำด้วยเช่นกัน  ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาช้างตามแนวทางพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ และให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งจัดหาที่อยู่ให้ช้างและแก้ปัญหาช้างเร่ร่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรีจุดธูปกราบไหว้ศาลปะกำเสร็จ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ได้มอบรูปถ่ายพ.ต.ท. ทักษิณ ขึ้นขี่ช้างในสมัยที่ลงพื้นที่ทัวร์นกขมิ้นให้กับนายกรัฐมนตรีเป็นที่ระลึก จากนั้นได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์โครงกระดูกช้าง และการแสดงช้าง "ไทยต้องเป็นหนึ่งในอาเซียนด้วยพลัง ครม." ซึ่งช้างเชือกหนึ่งได้วาดภาพดอกไม้และเขียนคำว่า "LOVEปู" มอบให้กับนายกรัฐมนตรีด้วย ขณะเดียวกันระหว่างการแสดงช้าง "น้องไปป์" ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชาย ได้มาร่วมชมการแสดงด้วย แต่ยืนดูคนละจุดกับนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นเวลาปฏิบัติราชการ
Share:

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ 095-219-0106

Popular Posts

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Blog Archive

Followers

Blog Archive