วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ตั้งรางวัลนำจับ1แสนเจ้าของบริษัทตุ๋นเที่ยว
วันนี้ (27 ต.ค.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผบก.ปคบ.และพ.ต.อ.ชำนาญเดช แตงจุ้ย ผกก.1 บก.ปคบ. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการซื้อบริการทัวร์ท่องเที่ยวต่างประเทศ ของบริษัทนำเที่ยวแห่งหนึ่ง รวมกันกว่า 50 คน และได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารบริษัทเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า พนักงานสอบสวน บก.ปคบ.ได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปขออนุมัติหมายจับผู้กระทำผิดกรณีดังกล่าวต่อศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยศาลได้อนุมัติหมายจับ นายเชาว์ โล่ห์เพชรรัตน์ อายุ 27 ปี และนางชัญญา ยุพลัฒ์ อายุ 28 ปี สองสามีภรรยา ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกง และความผิดเกี่ยวกับการโฆษณาอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ทั้งนี้ผู้เสียหายได้รวบรวมเงินให้รางวัลนำจับเป็นเงิน รายละ 50,000 บาท รวมเป็น 100,000 บาท หากจับกุมตัวได้.
ตร.นำเครื่องตรวจสารเสพติดลุยตรวจผับกทม.
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นำทีมทดลองใช้เครื่องตรวจสารเสพติดแบบใหม่ลงตรวจร้านเหล้า - ผับ กทม. ตรวจจับผู้เสพยาได้ 2 ราย
วันนี้ ( 28 ต.ค.) เมื่อเวลา 00.00 น. พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ( รอง ผบช.น.) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเฉพาะกิจจำนวน 30 นาย ลงพื้นที่ตรวจสถานบันเทิงตามนโยบายผู้บังคับบัญชา โดยเข้าตรวจที่ร้านเจิดจรัส ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร ซึ่งในการตรวจครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องตรวจสารเสพติด ยี่ห้อไบโอเซนซ์-600(Biosens-600) ลงพื้นที่ตรวจเป็นครั้งแรก โดยสุ่มตรวจจำนวน 7 ราย เป็นชาวต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา 1 รายซึ่งเป็นพนักงานภายในร้าน ผลการตรวจทั้ง 7ราย ออกมาเป็นเนกาทีฟ ไม่พบสารเสพติดชนิดใด
สำหรับเครื่องตรวจดังกล่าวสามารถตรวจหาสารเสพติดได้จำนวน 7 ชนิด ได้แก่ กัญชา, ยาเค, ยาอี, ยาบ้าหรือกลุ่มแอมแฟตามีน, ยาไอซ์, โคเคนและยากลุ่มฝิ่น เฮโรอีน มอร์ฟีน ซึ่งหลักการทำงานของเครื่องนี้จะใช้น้ำลายหรือเหงื่อ ของผู้ต้องสงสัย มาป้ายบนแผ่นตรวจ จากนั้นจะนำเข้าเครื่องตรวจโดยจะผ่านกระบวนการความร้อนจนระเหยเป็นไอ และกลายเป็นโมเลกุล แล้วเครื่องจะประมวลผลจากฐานข้อมูลยาเสพติดทั้ง 7 ชนิดในเครื่อง แล้วจึงปริ้นท์ผลว่าผู้ตรวจเสพสารเสพติดชนิดใด เสพมามากและแรงแค่ไหน โดยจะใช้เวลาตรวจประมาณ 2 นาทีต่อ1คนซึ่งใช้เวลาที่น้อยมากจึงทำให้สะดวกและรู้ผลได้อย่างรวดเร็ว
จากนั้นกำลังเจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปตรวจที่ร้านไอรอน ภายในซอยลาดพร้าว122 แขวง-เขตวังทองหลาง โดยสุ่มตรวจโดยใช้เครื่องดังกล่าว ประมาณ 20 คน พบผู้เสพสารเสพติดจำนวน 2 รายเสพยาไอซ์ 1 รายและกัญชา 1 ราย เจ้าหน้าที่นำตัวส่งสน.วังทองหลาง ดำเนินคดีต่อไป.
รอง ผบช.น.ตรวจสปาไม่มีใบอนุญาต
รอง ผบช.น.สุ่มตรวจสปา "ธาราวดี" พบดัดแปลงเกินกว่าขออนุญาต แถมเปิดสปาไม่มีใบอนุญาต เตรียมดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ ( 27 ต.ค.) เมื่อเวลา 21.30 น. พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.สิทธิภาพ ใบประเสริฐ ผกก.สน.คลองตัน นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ บช.น. และสน.คลองตัน เข้าตรวจสอบภายในสถานบริการธาราวดี รีสอร์ท แอนด์ สปา ตั้งอยู่เลขที่ 1 ซอยพัฒนาการ 44 ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง โดยสถานบริการดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นอาบ อบ นวด มีการขออนุญาตเปิดบริการไว้จำนวน 80 ห้อง 80 เตียง แต่จากการตรวจสอบพบว่าในส่วนของห้องสูทมีการดัดแปลงภายในห้องด้วยการเพิ่มเตียงห้องละ 2 เตียง ซึ่งเกินจากที่ขออนุญาตไว้ ทั้งนี้ในส่วนที่ 2 เป็นส่วนที่เปิดให้บริการสปาชื่อ แกรนด์ธารา ตั้งอยู่ชั้นที่ 2 ของอาคาร เจ้าหน้าที่ไม่พบใบอนุญาตเปิดให้บริการแต่อย่างใด
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบในส่วนของอาบอบนวดนั้นพบว่ามีการดัดแปลงจากที่ขออนุญาตไว้จำนวน 80 ห้อง 80 เตียงด้วยการเพิ่มเตียงของห้องสูทเป็นห้องละ 2 เตียง และในส่วนของสปาชั้น 2 นั้นไม่ได้มีการขอใบอนุญาตเอาไว้ โดยทางเจ้าของอ้างว่ากำลังดำเนินการขอใบอนุญาตอยู่ แต่กลับเปิดให้บริการแล้ว ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 จึงแจ้งข้อหาดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต กับส่วนของอาบ อบ นวด และแจ้งข้อหาเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตกับส่วนที่ให้บริการสปา ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
ฟันคออาจารย์หนุ่มสอนศิลปะตายคาที่
วันนี้ ( 28 ต.ค.) เมื่อเวลา 01.30 น. ร.ต.อ.วันชัย พันธ์พัฒน์ พงส.(สบ.2) สน.บางยี่ขัน รับแจ้งพบศพชายถูกทำร้ายเสียชีวิตบนบาทวิถี ริมถนนบรมราชชนนี ใกล้ห้างสรรพสินค้าโลตัส แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย จึงไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน แพทย์นิติเวชรพ.ศิริราช เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าร้านแว่นบิวตี้ฟูล พบศพชายทราบชื่อนายธนิต โพธิ์กลาง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 285 หมู่ 4 ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เป็นอาจารย์สอนศิลปะโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ สภาพศพนอนตะแคงซ้าย สวมเสื้อเชิ๊ตลายขาวเขียว กางเกงยีนส์ รองเท้าหนังสีน้ำตาล มีบาดแผลถูกฟันด้วยมีดเข้าที่บริเวณลำคอด้านซ้ายเป็นแผลแหวะ เลือดไหลนองเต็มพื้น ข้างตัวพบกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลภายในมีอุปกรณ์วาดภาพ และภาพวาดจำนวนหนึ่งและโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง
จากการสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการทราบว่าก่อนเกิดเหตุเห็นผู้ตายเดินอยู่ริมถนนตามลำพังมาตามถนนบรมราชชนนีขาออก ก่อนจะมีกลุ่มวัยรุ่นขี่รถจักรยานผ่านมาประมาณ 4 คันไม่ทราบสีและทะเบียน เมื่อรถแล่นผ่านผู้ตายไปได้เล็กน้อย กลุ่มวัยรุ่นได้ขี่รถย้อนสวนเลนกลับมาหาผู้ตาย ก่อนที่ 1 ในกลุ่มจะลงพูดจากับผู้ตายในทำนองหาเรื่องจากนั้นก็ใช้มีดดาบที่เตรียมมาฟันเข้าที่ลำคอผู้ตายทันที จากนั้นก็วิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนีไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าช่วงที่กลุ่มวัยรุ่นซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มเด็กแว้นขี่รถผ่านผู้ตาย อาจจะถูกผู้ตายตะโกนต่อว่า ทำให้กลุ่มเด็กแว้นไม่พอใจ ขี่รถวนย้อนกลับมาใช้อาวุธมีดฟันผู้ตายก่อนขี่รถหลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งติดตั้งอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุเพื่อติดตามหาตัวกลุ่มวัยรุ่นที่ทำร้ายผู้ตายจนเสียชีวิตมาดำเนินคดีต่อไป.
ตร.นำเครื่องตรวจหาสารเสพติดใหม่มาทดลองใช้
รอง ผบช.น.สนองนโยบาย "บิ๊กแจ๊ด" เตรียมนำเครื่องตรวจสารเสพติดใหม่มาทดลองใช้ตรวจสถานบันเทิง เผยสุดไฮเทค ตรวจยาได้เจ็ดชนิด ใช้เวลาแค่สองนาทีต่อคน
วันนี้ ( 27 ต.ค.) เมื่อเวลา22.30น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น.พร้อมทั้งตัวแทนผู้นำเข้าเครื่องตรวจสารเสพติด ยี่ห้อไบโอเซนซ์-600 (Biosens-600) หรือเครื่องตรวจหาสารเสพติด มาสาธิตวิธีการใช้ต่อสื่อมวลชนโดยจะนำไปทดลองใช้ในการลงพื้นที่ตรวจสถานบันเทิงที่ได้ทำอยู่เป็นประจำตามคำสั่ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. หากใช้งานได้ดีจะได้นำเสนอต่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เพื่อพิจารณาจัดซื้อมาประจำต่อไป
โดยเครื่องนี้สามารถตรวจหาสารเสพติดได้จำนวน 7 ชนิด ได้แก่ กัญชา,ยาเค ,ยาอี,ยาบ้าหรือกลุ่มแอมแฟตามี,ยาไอซ์,โคเคนและยากลุ่มฝิ่น เฮโรอีน มอร์ฟีน ซึ่งหลักการทำงานของเครื่องนี้จะใช้น้ำลาย หรือเหงื่อ ของผู้ต้องสงสัย มาป้ายบนแผ่นตรวจ จากนั้นจะนำเข้าเครื่องตรวจโดยจะผ่านกระบวนการความร้อนจนระเหยเป็นไอ และกลายเป็นโมเลกุล แล้วเครื่องจะประมวลผลจากฐานข้อมูลยาเสพติดทั้ง 7 ชนิดในเครื่อง แล้วจะปริ้นผลว่าผู้ตรวจเสพสารเสพติดชนิดใดเสพมามากและแรงแค่ไหน โดยจะใช้เวลาตรวจประมาณ 2 นาทีต่อ1คนซึ่งใช้เวลาที่น้อยมากจึงทำให้สะดวกและรู้ผลได้รวดเร็ว นอกจากนี้เครื่องตัวนี้ยังสารรถนำสารประกอบที่ต้องสงสัยที่ติดอยู่กับภาชนะหรือวัสดุต้องสงสัยเพื่อตรวจหาสารเสพติดได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เจ้าเครื่องนี้ยังไม่ได้รับการรองรับในประเทศไทย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นำเข้ามาทดลอง โดยในต่างประเทศนั้นต่างให้การยอมรับเครื่องตัวนี้แบะมีการใช้งานจริงในหลายประเทศ ส่วนความคาดเคลื่อนนั้นอาจเป็นไปได้หากมีการตรวจเป็นจำนวนมาก จึงต้องมีการทำความสะอาดเครื่องทุกครั้งหลังจากตรวจไป1คน ใช้เวลาทำความสะอาด1นาทีต่อคน
พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ เผยว่าจากการตรวจสถานบันเทิงในแบบเดิมนั้น จะต้องมีการให้ผู้เที่ยวถือขวดแล้วเข้าไปปัสสาวะ มาใส่ขวดเพื่อที่จะนำมาตรวจซึ่งมีความวุ่นวายและล้าช้าเป็นอย่างมาก จึงได้ยกเลิกไป หลังจากนั้นได้มีบริษัท ที่นำเข้าเครื่องยี่ห้อไบโอเซนซ์-600ได้มาเสนอจึงได้นำมาเพื่อทดลองโดยจะทำการทดลอง3ครั้งหากได้ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจจะทำเรื่องเสนอต่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น เพื่อจัดซื้อมาและอาจนำไปปรับใช้ในจุดตรวจ ยาพาหนะหรือจุดตรวจแอลกอฮอล์อีกด้วยโดยหากนำมาใช้อาจจะนำมาใช้ในการตรวจเบื้องต้นเพื่อคัดกรองผู้ต้องสงสัยเพื่อที่นำมาตรวจปัสสาวะเพื่อให้ผลออกมาแน่ชัดอีกที
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ในการทดสอบเบื้องต้นได้นำตัวอย่างผู้เสพยาเสพติดจำนวน 2 ราย มาทำการทดสอบ โดยผลปรากฎหว่า ผู้ต้องหารายแรกมีสารแอมเฟตามีนประเภทยาบ้า และยาไอซ์ ส่วนผู้ต้องหารายที่ 2 มีสารยาบ้า ยาไอซ์ และกัญชา ซึ่งทั้ง 2 คน ก็รับสารภาพว่าเพิ่งเสพยาเสพติดมา ตรงกับผลที่ตรวจออกมาทั้ง 2 ราย
สลดไม้ป่าเดียวกันรักขม คว้ามีด-ค้อนดวลเดือด สุดท้ายตายทั้งคู่
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 27 ต.ค. ร.ต.อ.เสถียร พันธริยเสถียร พนักงานสอบสวน สภ.เถิน จ.ลำปาง รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายที่บ้านเลขที่ 17/28 หมู่ 7 ต.ล้อมแรด อ.เถิน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ สภ.เถิน จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมชุดสืบสวน และแพทย์ รพ.เถิน ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวมีรั้วรอบขอบชิต ภายในห้องรับแขกพบศพผู้เสียชีวิตเป็นชาย 2 ราย นอนเสียชีวิตอยู่ในสภาพเกยก่ายกัน
รายแรกเป็นชายสูงอายุ ทราบชื่อ นายภานุพักต์วัชยอานนท์ หล้าอ้าย อายุ 55 ปี เจ้าของบ้าน ส่วนอีกรายเป็นชายวัยประมาณ 25-30 ปี ยังไม่ทราบชื่อ โดยสภาพศพของ นายภานุพักต์วัชยอานนท์ มีบาดแผลถูกตีด้วยค้อนปอนด์เข้าที่ท้ายทอยเป็นแผลฉกรรจ์ ในขณะที่ศพของชายไม่ทราบชื่อมีร่องรอยถูกแทงด้วยของมีคมเข้าที่บริเวณหน้าอก 1 แห่ง คาดว่าทั้งคู่เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5-8 ชม. นอกจากนี้ที่ข้างศพยังพบมีดทำครัวยาวประมาณ 1 ฟุต 1 เล่ม และค้อนปอนด์อีก 1 ด้าม จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวน นางศรีออน สมหวัง อายุ 58 ปี พี่สาวของ นายภานุพักต์ วัชยอานนท์ ให้การว่า น้องชายทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ที่สถานีขนส่ง อ.เถิน แผนกขายตั๋วโดยสาร เคยมีภรรยามาก่อนแต่หย่าร้างกันไปนานแล้ว เนื่องจากนายภานุพักต์วัชยอานนท์ มีนิสัยชอบไม้ป่าเดียวกัน หลังหย่าร้างผู้ตายก็เริ่มคบหากับชายหนุ่มมากหน้าหลายตา เบื้องต้นตำรวจสันนิฐานว่า สาเหตุของการฆ่ากันในครั้งนี้น่าจะมาจากเรื่องของความหึงหวง โดยทั้งสองอาจจะตกลงปัญหาหัวใจกันไม่ได้ จึงคว้ามีดและค้อนมาต่อสู้กันจนเสียชีวิตดังกล่าว
ศาลเพชรบุรีไฟเขียวหมายจับ "หมอสุพัฒน์" ฆ่าคนตาย-ซ่อนเร้นศพ
ความคืบหน้าคดีของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ หลังพบโครงกระดูก 3 โครงในไร่ที่ จ.เพชรบุรี ต่อมามีการตรวจสอบดีเอ็นเอจนทราบว่า 1ใน3 นั้นเป็นแรงงานชาวพม่าในไร่ของหมอชื่อนายต้า และ นพ.สุพัฒน์ยังถูกโยงให้เกี่ยวข้องกับนายสามารถ นุ่มจุ้ย และน.ส.อรษา เกิดทรัพย์ 2 สามีภรรยาที่หายไปและไปพบรถยนต์ที่บ้าน นพ.สุพัฒน์ โดยทางญาติผู้ตายปักใจเชื่อว่า หมอสุพัฒน์ อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนั้น
วันนี้(27 ต.ค.) พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี กล่าวว่าขณะนี้ศาลจังหวัดเพชรบุรี มีคำสั่งอนุมัติออกหมายจับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ รพ.ตำรวจ ในข้อหาฆ่าคนโดยเจตตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมรายละเอียดหลักฐานและผลการสอบปากคำพยาน ส่งให้ศาลพิจารณาไปก่อนหน้านี้ ส่วนการเข้าไปแจ้งข้อหากับ น.พ.สุพัฒน์นั้น ขอประชุมคณะพนักงานสอบสวนอีกครั้งว่าจะเข้าแจ้งข้อหาเพิ่มเติม และสอบปากคำ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เพิ่มเติมในเรือนจำเมื่อใด เนื่องจากตอนนี้ทางตำรวจต้องเร่งการสรุปสำนวนความเห็นในคดีกักขังหน่วงเหนี่ยว ลักทรัพย์ รับของโจรให้อัยการพิจารณาความเห็นสั่งฟ้องในสัปดาห์หน้าก่อนเพราะคดีใกล้ครบกำหนดแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่าการอนุมัติหมายจับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ เพิ่มเติมในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีการขุดพบโครงกระดูกภายในไร่ของหมอสุพัฒน์ ซึ่งเป็นแรงงานชาวพม่า ทราบชื่อต่อมาคือนายต้า ก่อนจะมีการสืบสวนสอบสวนคนงานพม่าทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและบางคนที่กลับประเทศพม่าไปแล้วรวมถึงพยานบุคคลอีกหลายปากซึ่งเป็นเพื่อนแรงงานชาวพม่าที่เข้ามาทำงานอยู่ด้วยกันในขณะนั้น ประกอบกับพยานแวดล้อมรายอื่น วัตถุพยาน ผลตรวจดีเอ็นเอ และปืนที่ตรวจยึดได้ภายในบ้านของพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ทั้งที่จังหวัดเพชรบุรี และ จ.นนทบุรี นำไปสู่การขออนุมัติศาลออกหมายจับในที่สุด
ด้าน พล.ต.ต.พีระชาติ รื่นเริง ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี กล่าวถึงกรณีที่ทนายความส่วนตัวของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการชี้แจงหลักฐานการได้รับอนุญาตและครอบครองอาวุธปืนของหมอสุพัฒน์ที่มีอาวุธปืนบางส่วนเพิ่มขึ้นซึ่งยังไม่มีหลักฐาน และอ้างว่าไม่รู้ว่ามีอาวุธปืนเพิ่มขึ้นมาได้อย่างไร ว่าในการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจเรามีหลายหน่วยงานและยังมีชาวบ้านมามุงดูด้วยความสนใจ รวมถึงสื่อมวลชนเอง เรายืนยันว่าทุกขั้นตอนตำรวจทำด้วยความโปร่งใสที่สุด และตำรวจไม่ได้ทำงานตามลำพังมีพยานเข้าร่วมตรวจค้นตลอด จึงไม่มีทางที่จะมีอาวุธปืนเพิ่มขึ้นมา เพียงแต่ทนายและลูกชายของหมออาจจะไม่รู้ ดังนั้นต้องถาม นพ.สุพัฒน์เอง บางครั้งคนที่ชอบสะสมก็จะซื้อเก็บไปเรื่อย ๆจนบางครั้งก็ลืม ต้องค่อย ๆลำดับเรื่องราว ตรงนี้ตำรวจให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายแน่นอน
พล.ต.ต.พีระชาติ กล่าวต่อไปอีกว่าในการทำคดีนี้แรก ๆ คณะพนักงานสอบสวนมีความกดดันมาก แต่พอมีหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยทั้ง กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค7 ทั้งตำรวจกองปราบ และมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงเข้ามาร่วมหลายนาย ทุกคนก็อุ่นใจ ทำโดยมีผู้ใหญ่มารับรู้ เพราะถ้าบางคนเขาทำด้วยตัวเองตามลำพังคนก็จะมองว่าจริงไหม โกหกไหม กลั่นแกล้งกันหรือเปล่า และที่สำคัญสื่อมวลชนติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด การกลั่นแกล้งใครยิ่งทำได้ยาก.
บช.น.ประชุมล่าตัวอดีตตร.สน.ประชาชื่น
วันนี้ (27 ต.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. รับผิดชอบงานด้านยาเสพติด กล่าวภายหลังการประชุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัว จ.ส.ต.ประวิน ทวยภา อดีตตำรวจ สน.ประชาชื่น และภรรยาคือ นางสุชาดา หรือนางเพ็ญ ทวยภา ผู้ต้องหาในคดีค้ายาเสพติดรายสำคัญ เครือข่าย พ.ท.ยี่เซ ว่า ภายหลังจากที่มีการลงไปตรวจค้นบ้านพักของ นางสุชาดา หรือเจ๊เพ็ญ ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี รวม 5 หลัง คาดว่าสถานที่ดังกล่าวน่าจะใช้เป็นศูนย์กลางในการวางแผนลำเลียงยาเสพติด และเป็นจุดที่พักยา ขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานไปทีละจุด และให้เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานที่คาดว่าจะสาวไปถึงผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ ของเครือข่ายดังกล่าว
พล.ต.ต.ฐิติราช กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบยังพบว่า รถยนต์ที่เจ๊เพ็ญใช้ยังคงจอดอยู่ภายในบ้านที่ไปตรวจสอบเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา จึงคาดว่าเจ๊เพ็ญน่าจะยังหลบหนีอยู่ในกรุงเทพมหานคร หรือปริมณฑล โดยมีชุดสอดแนมคอยเฝ้าสังเกตุการณ์ให้ และเชื่อว่ายังไม่ได้หนีออกไปนอกประเทศ อย่างไรก็ตาม จะประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลของผู้ต้องหาหลบออกนอกประเทศต่อไป
รอง ผบช.น. กล่่าวต่อว่า จากข้อมูลของชุดสืบสวนระบุด้วยว่า เจ๊เพ็ญเคยเป็นอดีตนักร้องคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ตรงข้ามกับ สน.ประชาชื่น ก่อนจะมาเป็นภรรยา จ.ส.ต.ประวิน เมื่อครั้งยังรับราชการอยู่ที่ สน.ประชาชื่น โดยมีลูกชายด้วยกัน 1 คน คาดว่า ทั้งนี้เชื่อว่าทั้ง 3 คนได้หลบหนีไปด้วย ซึ่งถ้าหากได้ตัวเจ๊เพ็ญมาแล้ว ก็จะสามารถหาความเชื่อมโยงถึงตัว พ.ท.ยี่เซ หรือนายชัยวัฒน์ พรสกุลไพศาล ผู้ต้องหาชาวพม่า ได้อย่างแน่นอน.
โจรทมิฬยิงถล่มดับอดีตอส.สยองคาสวนยาง
เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 28 ต.ค. ร.ต.ท.สิทธิพันธ์ สุวรรณโณ รอง สวป.สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา รับแจ้งพบศพถูกยิงเสียชีวิตในสวนยางพารา พื้นที่บ้านกูเบ หมู่ 2 ต.ตะโละหะลอ จึงประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบศพนายมูหาหมัด มูซอ อายุ 34 ปี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามตามศีรษะและร่างกายหลายแห่ง ใกล้กันพบรถ จยย.จอดอยู่ 1 คัน ตรวจสอบพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 และอาก้า จำนวนกว่าสิบปลอกตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนทราบว่า ผู้ตายเป็นอดีตอาสาสมัครอำเภอรามัน และได้ลาออกไปเมื่อปี 52 โดยก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขี่รถ จยย.เข้าไปในสวนยางพาราตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา จนมีผู้มาพบศพในช่วงเช้า ซึ่งชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงได้ยินเสียงคล้ายเสียงปืนดังเป็นชุดๆ แต่ก็ไม่มีใครกล้าออกมาดู
เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายกับกลุ่มคนร้ายน่าจะรู้จักกันและนัดหมายเข้าไปพูดคุยตกลงปัญหาบางอย่าง แต่ไม่เป็นผล จึงถูกยิงเสียชีวิตคาที่ ส่วนสาเหตุคาดว่าเป็นเรื่องขัดแย้งธุรกิจบางอย่าง หรือเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ทั้งนี้ เมื่อปี 2547 นายสะมะแอ มูซอ อายุ 52 ปี พ่อของผู้ตายซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ต.อาซ่อง อ.รามัน ได้ถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ ใช้อาวุธปืนประกบยิงจนเสียชีวิตบนถนนภายในหมู่บ้านมาแล้ว.
ขนศพหนุ่มเหยื่ออาญาเถื่อนโอเกะฝากนิติเวช
จากกรณี นายสุรินทร์ โพธิ์ทอง อายุ 50 ปี กับนางสมใจ โพธิ์ทอง อายุ 43 ปี สองสามีภรรยา นำศพของ นายดวงเด่น โพธิ์ทอง อายุ 22 ปี ลูกชายซึ่งเป็นพนักงานจดมิเตอร์ไฟฟ้า ที่ถูกเจ้าหน้าที่ รปภ.ร้านแกะดำคาราโอเกะ ย่านถนนสุภาพงศ์ซอย 3 รุมทำร้ายจนเสียชีวิต มาแห่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อร้องขอความเป็นธรรม หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง เจ้าของท้องที่ทำคดีไม่คืบหน้า พร้อมยืนยันว่าหากทำพิธีสวดพระอภิธรรมที่วัดมหาบุศย์เสร็จ จะเก็บศพผู้ตายไว้จนกว่าตำรวจจะสามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ทั้งหมด ซึ่งต่อมาทางตำรวจ สน.พระโขนง แจ้งว่าสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้แล้ว 2 คน คือ นายวิเชษ สุขแจ่ม อายุ 33 ปี และนายอรรถพล หรือเหมียว หนุนงาม อายุ 31 ปี เหลือเพียงนายดนัย หรือเดียร์ ทองดี อายุ 25 ปี ที่ยังหลบหนีอยู่อีก 1 คน ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.15 น.วันนี้ (27 ต.ค.) นางสมใจ โพธิ์ทอง แม่ของนายดวงเด่น พร้อมญาติๆ ได้นำศพของนายดวงเด่นใส่โลงขึ้นท้ายรถกระบะออกจากวัดมหาบุศย์ ซอยอ่อนนุช 7 มามอบให้ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ทำการเก็บรักษาสภาพศพเอาไว้ จนกว่าจะสามารถจับกุมนายดนัย ทองดี คนร้ายที่เหลืออีก 1 คนมาดำเนินคดีได้ โดยมี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.ในฐานะเลขาฯ ป.ป.ส. กับ พ.ต.ท.สรยุทธ ปุสสะ ช่างภาพทางการแพทย์ (สบ 3) กลุ่มงานนิติพยาธิสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ มาคอยช่วยอำนวยความสะดวก
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับญาติผู้ตายที่แจ้งขอฝากศพไว้กับทางสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เนื่องจากต้องการรักษาสภาพบาดแผลและศพเอาไว้ให้สมบูรณ์ที่สุดจนกว่าจะสามารถจับกุมคนร้ายที่เหลือได้ ทั้งนี้จากการตรวจสอบเอกสารของแพทย์ผู้ทำการผ่าชันสูตรศพนายดวงเด่น ระบุสาเหตุการตายว่า เกิดจากการถูกของมีคมเข้าที่ลำคอด้านซ้ายทะลุถึงเส้นเลือดใหญ่ สำหรับความคืบหน้าเรื่องคดีทาง บก.น.5 ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาใหม่ 1 ชุด เพื่อคลีคลายคดีนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ทาง ผบก.น.5 ยืนยันว่าจะเร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายที่ยังหลบหนีอยู่ให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด ส่วนคนร้ายที่สามารถจับกุมได้ก่อนหน้านี้ 2 คนนั้น เบื้องต้นทราบว่า ให้การภาคเสธอยู่ แต่ก็ไม่มีผลต่อคดีเพราะมีภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานยืนยัน
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวต่อว่า ในส่วนของร้านคาราโอเกะที่เกิดเหตุนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะต้องเรียกมาตรวจสอบใบอนุญาตสถานบริการ ซึ่งหากไม่มีใบอนุญาตก็จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ตนได้เสนอไปแล้วว่าหลังเกิดเหตุอุกฉกรรจ์ขึ้นที่ร้านดังกล่าว ก็ควรจะต้องถูกปิดการให้บริการเอาไว้ก่อน เพราะอาจจะทำให้หลักฐานสำคัญทางคดีสูญหายไปได้ ยิ่งถูกร้องเรียนลักษณะนี้ ตำรวจท้องที่ก็ต้องเข้าไปดำเนินการตรวจสอบ หากพบว่าเจ้าของร้านปล่อยปละละเลยให้มีการทำร้ายกันในร้านโดยที่ตัวเองไม่เข้าไปห้ามปราม หรือพอเกิดเหตุแล้วไม่ให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวน ก็เป็นประเด็นที่พนักงานสอบสวนจะสามารถพิจารณาตั้งข้อหาได้เช่นกัน
ด้านนางสมใจ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ยังรู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสียลูกชายไป หลังจากนี้ก็หวังว่าวิญญาณของลูกจะช่วยให้สามารถจับกุมคนร้ายที่เหลือมาให้ได้โดยเร็ว ส่วนเรื่องการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง นั้นตนไม่ทราบ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนและรอง ผบ.ตร.ที่ความสนใจนำเสนอข่าวและช่วยเหลือครอบครัวของตนด้วย
ขณะที่ พล.ต.ต.กฤษฏิ์ เปียเเก้ว ผบก.น.5 กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีนี้ว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.5 และ ฝ่ายสืบสวน สน.พระโขนง เร่งติดตามจับกุมตัวนายดนัย ที่ยังหลบหนีอยู่มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ซึ่งเชื่อว่าคงไม่ยากเกินความสามารถ ส่วนกรณีที่พ่อกับแม่ พร้อมญาติ นำศพผู้ตายไปแห่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อขอความเป็นธรรมจะต้องดูที่มาที่ไปให้ชัดเจนว่าเรื่องราวเกิดขึ้นอย่างไร ทั้งในฝ่ายของผู้เสียหาย ฝ่ายผู้ต้องหา และฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเรื่องนี้ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สุคุณ พรหมายน รอง ผบก.น.5 กับ พ.ต.อ.ไตรเมต อู่ไทย รอง ผบก.น.5 เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด พร้อมรายงานให้ตนทราบภายในวันจันทร์ที่ 29 ต.ค.นี้ หากสอบสวนพบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจรายใดมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมก็จะพิจารณาลงโทษตามระเบียบ
ส่วน พ.ต.ท.รุ่งชาติ รุ่งทอง รอง ผกก.สส.สน.พระโขนง กล่าวว่า ทราบว่าขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับอยู่ อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กระจายกำลังกันไปเฝ้าติดตามจุดต่างๆ ที่คิดว่านายดนัย จะหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดในส่วนนี้เนื่องจากเกรงว่าคนร้ายจะไหวตัวหลบหนีไปอีก.
น้องยิงพี่อดีต สจ.นนท์ ดับอนาถกลางมัสยิดฐานไม่ยอมแบ่งมรดก
ศึกมรดกสุดเหี้ยมน้องฆ่าพี่กลางมัสยิด ขณะทำพิธีเคารพศพบรรพบุรุษ เทศกาลออกฮัจยี แถมชาวบ้านโดนลูกหลง 2 ราย เผยคนตายเป็นอดีต สจ.นนทบุรี ผลาญมรดกไปกับการเมือง จนญาติไม่พอใจ สั่งให้แบ่งสมบัติ แต่ดึงเกมเลยตัดสินด้วยปืน
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (26 ต.ค.) ร.ต.ท.เอกรณการ นาคนิยม พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี สาขาย่อยรัตนาธิเบศร์ รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้บาดเจ็บหลายราย ที่มัสยิดดารุ้ลอิสลาม หมู่2 ต.ท่าทราย อ.เมืองจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.ชาญศิริ สุขรวย ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี พ.ต.ท.ปัณณพัฒน์ เดชโชติพิสิฐ รอง ผกก.สส. ที่เกิดเหตุบริเวณกุโบร์ ในมัสยิดดารุ้ลอิสลาม เจ้าหน้าที่พบเพียงกองเลือดจำนวนมาก กับปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. และปลอกกระสุนขนาด .380 กว่า 10 ปลอกตกกระจายเกลื่อนพื้น จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนผู้บาดเจ็บทราบว่ามี 3 ราย พลเมืองดีนำส่งรพ.ชลประทานไปก่อนหน้านี้ แล้วทราบชื่อต่อมาคือนายสมจิตร หมัดหนัก อายุ 54 ปี อดีตสมาชิกสภาจังหวัดนนทบุรี ถูกยิงบริเวณหัวไหล่ขวา 1 นัด แขนขวา 1 นัด ชายโครงขวา 1 นัด หน้าท้อง 1 นัด แพทย์ต้องนำเข้าห้องฉุกเฉินแต่ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย โดนลูกหลงคือนายบุญมี เฮ็งสวัสดิ์ อายุ 37 ปี ถูกยิงที่ลำคอ และนายสมหวัง ดีขาย อายุ 35 ปี ถูกยิงที่ท้องอาการสาหัส แพทย์ต้องรีบนำเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อช่วยชีวิตเป็นการด่วน
สอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่ง กล่าวว่า วันนี้เป็นวันเทศกาลออกฮัจยี ของชาวมุสลิม ซึ่งเป็นวันที่ชาวมุสลิมจะไปเคารพบรรพบุรุษที่หลุมศพ ตรงบริเวณที่เกิดเหตุโดยมีคนมุสลิมต่างมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ตายก็เดินทางมาทำพิธีดังกล่าวกับภรรยาและลูกชาย 2 คน ขณะทำพิธีอยู่นั้นนายมานะ หมัดหนัก น้องชายของผู้ตายและนายอดุลย์ หมัดหนัก หลานผู้ตายเดินเข้ามาหาพร้อมต่อว่าผู้ตาย ว่าทำไมไม่ยอมแบ่งมรดกซักที ก่อนจะเดินเข้าไปเตะหน้าลูกชายผู้ตายจนล้ม ผู้ตายจึงห้ามปราม ก่อนพูดว่าวันนี้เป็นวันดีอย่ามีเรื่องกันเลย แต่ว่านายมานะกลับพูดสวนมาว่า “งั้นมึงกับกูมายิงกัน” จากนั้นนายมานะ ได้ชักอาวุธปืนไม่ทราบขนาดออกมายิงใส่ผู้ตายหลายนัดจนล้มคว่ำ โดยมีนายอดุลย์ ยืนคุมเชิงก่อนจะวิ่งขึ้นรถหลบหนีไปพร้อมยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าตลอด
จากการสอบถามพยานรายหนึ่ง ทราบอีกว่าผู้ตายและคนร้ายเป็นพี่น้องกัน ก่อนจะมาเกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องที่ดินมรดกกันอยู่ และคนร้ายได้นำโปสเตอร์รูปผู้ตายมาติดตามมัสยิดพร้อมเขียนว่าวันนี้เป็นวันตายของมึง หากใครกล้าดึงรูปออกต้องตายเหมือนกัน จนไม่มีใครกล้าดึงรูปดังกล่าวออก ซึ่งผู้ตายก็ระวังตัวเองมาโดยตลอดแต่ก็ไม่คิดว่าคนร้ายจะกล้าลงมือในวันสำคัญทางศาสนา
ด้านพ.ต.ท.ปัณณพัฒน์ กล่าวว่าเบื้องต้นตำรวจได้ออกหมายจับคนร้ายทั้งสองคนแล้วในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันพยายามฆ่า มีอาวุธและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง พร้อมทั้งสั่งกำชับให้ตำรวจระมัดระวังตัวในการเข้าจับกุมคนร้ายทั้ง 2 คน เนื่องจากการตรวจสอบประวัติคนร้ายพบว่าเคยถูกจับกุมที่สภ.ปากเกร็ด ในข้อหามีอาวุธสงครามไว้ในครอบครองและมีคดีเกี่ยวกับอาวุธปืนอีกหลายคดี
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ปมความขัดแย้งเกิดจาก ผู้ตายเป็นอดีต สจ.และนำเงินมรดกของครอบครัวมาเล่นการเมือง จนทรัพย์สินเริ่มหมด ญาติไม่พอใจ พยายามห้ามไม่ให้เล่นการเมือง แต่ผู้ตายไม่ยอมฟัง ยังคงให้การสนับสนุนและเกี่ยวข้องการเมืองอยู่อีก จนถึงขั้นให้แบ่งมรดกกันหากต้องการไปเล่นการเมืองก็ให้ใช้ส่วนของตัวเอง แต่ก็ไม่เป็นผลเลยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันมาตลอด และข่มขู่ว่าจะก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งแล้ว จนมาเกิดเหตุในที่สุด.
รวบขี้ยาตระเวนลักทรัพย์บ้านเรือนประชาชน
ตำรวจนครบาลออกกวาดล้างอาชญากรรม ก่อนรวบตัวหนุ่มอดีตนักโทษคดียาเสพติดเรือนจำคลองไผ่ ที่ออกตระเวนลักทรัพย์ในท้องที่ สน.ลาดพร้าว ได้พร้อมของกลางหลายรายการ
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (27 ต.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักด์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น. 4 พ.ต.อ.สาโรจน์ ซุ่นทรัพย์ รองผบก.น.4 และ พ.ต.อ.อุทัย กวินเดชาธร ผกก.สส.บก.น.4 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัว นายนุกูล เสริมสิริอัมพร อายุ 26 ปี พร้อมของกลางจอคอมพิวเตอร์ยี่ห้อซัมซุงขนาด 19 นิ้ว 1 เครื่อง สร้อยมุก 1 เส้น พระเครื่อง 2 องค์ และอุปกรณ์งัดแงะหลายรายการ จับกุมตัวได้ที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ภายในซอยประเสริฐมนูกิจ 40 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ได้ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในเขตพื้นที่นครบาล โดยนอกจากจะเน้นเรื่องการจับกุมอาวุธปืนและยาเสพติดแล้ว ยังเน้นเรื่องการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนด้วย ซึ่งล่าสุด กก.สส.บก.น.4 ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุลักทรัพย์ตามบ้านเรือนประชาชนได้ 1 ราย โดยเมื่อวันที่ 24 ต.ค.เวลาประมาณ 01.00 น. ผู้ต้องหาได้เข้าไปเหตุลักทรัพย์ภายในซอยแจ่มจันทร์ ซึ่งเป็นบ้านของ นางทัศนีย์ ธรรมวานิช ได้ทรัพย์สินไปหลายรายการ สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร เพิ่งออกจากเรือนจำคลองไผ่ในคดียาเสพติด จึงออกตระเวนลักทรัพย์หาเงินไปใช้จ่ายและซื้อยามาเสพ เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนในเคหสถาน ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ดำเนินคดีต่อไป.
คนตระเวน พาไปชมการฝึกภารกิจ “คอมมานโดตำรวจฯ”
เกาะติดภารกิจ การฝึกร่วมผสมตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทางรายการ สน.บานเย็น
เกาะติดภารกิจ การฝึกร่วมผสมตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในภารกิจแก้ไขสถานการณ์วิกฤติที่อาจเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบของ ตำรวจคอมมานโด 4 หน่วย ประกอบด้วย หน่วยอรินทราช 26 จาก บช.น., หน่วยนเรศวร 261 จาก บช.ตชด., หน่วยสยบไพรี จาก บช.ปส., และหน่วยสยบริปูสะท้าน (กองปราบปราม) จากบช.ก. โดยมีการจำลองสถานการณ์ในหลากหลายรูปแบบ อาทิ การโจมตีขบวนการค้ายาเสพติด และช่วยเหลือตัวประกัน ฯลฯ จากนั้นมีการส่งชุดคอมมานโดฯเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์ ตามแผนยุทธการแผน “กรกฎ52” เน้นจากยุทธวิธีเบาไปหาหนัก
พ.ต.ท.ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง รอง ผกก.ปพ. บก.ป. กล่าวว่า การฝึกร่วมผสมหน่วยปฏิบัติการพิเศษ นี้เป็นนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งทางพล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.ต้องการให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษของตำรวจทั้ง 4 หน่วยงาน สามารถสนธิกำลังฝึกฝนเพื่อให้เกิดความคล่องตัว และเป็นการซักซ้อมการปฏิบัติงาน ซึ่งในระยะเวลาในการฝึก 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 –25 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ค่ายนเรศวร อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
สำหรับเรื่องราว คนตระเวนพาส่องโรงพัก แต่ละสัปดาห์เป็นเช่นไร ? ติดตามรับชมได้ในรายการ “สน.บานเย็น” ทุกวันเสาร์ เวลา 17.00 -18.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์เดลินิวส์ทีวี ผ่านจานดาวเทียม ระบบ PSI (ช่อง 26),DYNASAT (ช่อง101) , INFOSAT, LEOTECH,THAISAT (ช่อง 20) หรือเข้าไปชมผ่านทางเว็บไซต์ได้ที่ www.dailynewstv.tv/live
จับวัยรุ่นเหิมเกริมหนักค้ายาบ้าในเขตชุมชนเมือง
ตร.เมืองกาญจน์จับวัยรุ่นเหิมเกริมหนัก ค้ายาบ้าในเขตชุมชนเมืองไม่กลัวกฎหมาย ล่อซื้อได้วันเดียว 3 ราย
วันนี้ ( 27 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุตร ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน ผกก.สส.ภ.จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ต.กาจภณ ปฐมัง สว.สส.ภ.จ.กาญจนบุรี พร้อมกำลังชุดสืบสวน ออกกวาดล้างยาเสพติดให้โทษตามนโยบายของรัฐบาล โดยได้จับกุม นายพรชัยหรือพร เซี่ยงเห็น อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/5 หมู่ที่ 2 ต.หนองปรือ อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 40 เม็ด และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ที่บริเวณหน้าอู่ซ่อมรถจักยานยนต์ ข้างโรงเรียนอนุบาลหนองปรือ หมู่ที่ 1 ต.หนองปรือ อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ ดำเนินคดีในข้อหา มียาเสพติด ให้โทษประเภท1(ยาบ้า)ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย
ต่อมานายพรชัยหรือพร เซี่ยงเห็น ได้ให้ความร่วมมือในการติดต่อล่อซื้อรายใหญ่ได้อีกคือนายพรชัยหรือชัย นิติพันธ์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 210 เม็ด และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ที่ บริเวณหน้าห้องเช่าเลขที่ 11 ซ.อมรโพธิ์เวช ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดีในข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า)ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย
จากนั้น ตร.ได้ล่อซื้อยาบ้าหลังค่ายทหาร สามารถจับกุม นายอรรถพล หรือเจมส์ เชื้อรุ่ง อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 หมู่ที่ 6 ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 10 เม็ด เงินสดที่ล่อซื้อ 1,700 บาท, เงินสดที่ขายยาบ้าได้ 3,770 บาท ,รถจักรยานยนต์ 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ที่บริเวณชายป่าละเมาะ ด้านหลัง ร.29 พัน 9 หมู่ที่ 4 ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดีในข้อหาจำหน่ายยาเสพติดให้ โทษประเภท1 (ยาบ้า) โดยผิดกฏหมาย
ป.ป.ส.ส่ง 50 ผู้ผ่านการบำบัดกลับสู่อ้อมอกแม่
หลังเข้าโครงการชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืนตามปฎิบัติการปิดล้อม-เอกซเรย์เชิงรุก 90 วัน
วันนี้ ( 27 ต.ค.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นประธานการจัดกิจกรรม "อุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน" ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์ประสานงานนชุมชนคลองเตย ล็อค 4, 5, 6 โดยนำผู้ที่ผ่านการบำบัด 50 รายที่ผ่านกระบวนการจำแนกคัดกรองแล้วว่าเป็นผู้เสพที่ยังไม่ติดเข้ารับการบำบัดที่ศูนย์สงเคราะห์และบำบัดรักษาฟื้นฟู (วัดสะพาน) เป็นเวลา 15 วัน ท่ามกลางบรรยากาศที่ผู้เป็นพ่อแม่ทุกคนมีสีหน้าดีใจ ยิ้มแย้ม แจ่มใส ขั้นตอนการส่งลูกหลานกลับคืนเริ่มโดยผู้ที่ผ่านการบำบัดได้กล่าวคำปฎิญาณต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าจะตั้งใจเป็นคนดีของครอบครัวและสังคม และจะไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกหลังจากนั้นได้นำพวงมาลัยมอบให้พ่อแม่ ผู้ปกครองพร้อมทั้งกราบเท้าขอขมา ทุกคนต่างสวมกอดกันทั้งน้ำตาไหลด้วยความดีใจ
นางบังอร พึ่งเจริญ อายุ 49 ปี อาชีพค้าขาย อาศัยอยู่ในชุมชน 70 ไร่ซึ่งมารอรับลูกกลับบ้าน กล่าวว่า ครั้งแรกที่รู้ว่าลูกเสพยาบ้าเหมือนถูกฟ้าผ่าที่กลางใจ เสียใจ หมดกำลังใจเพราะลูกเป็นความหวังของพ่อแม่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเคยสางไปบำบัดมาครั้งหนึ่งแล้ว พอกลับมาไม่นานก็กลับไปเสพอีก โชคดีที่หน่วยงานของ ปปส.ได้เข้ามาช่วยเหลือให้ลูกหลานผ่านการบำบัดรักษา และกลับตัวเป็นคนดี
นางณัฐนี ทวีสาร อายุ 20 ปี หนึ่งในผู้ที่ผ่านการบำบัด กล่าวว่า ดีใจที่ผ่านมาได้ จะเริ่มชีวิตใหม่ไม่กลับไปเสพอีกและการบำบัดเพื่อให้เลิกยาเสพติดก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ทุกคนคิด ในแต่ละวันจะมีการทำกิจกรรมตลอดวัน เช่น ออกกำลังกาย สวดมนต์พยายามข่มใจก็จะไม่รู้สึกอยาก
ด้านด.ต.ดวงทอง กิจยศชัยปกรณ์ ผบ.หมู่ ป. สน.ท่าเรือ กล่าวกับผู้ที่ผ่านการบำบัดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ท่าเรือได้จัดกำลังในการดูแล ติดตามโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นายจะดูแลผู้ผ่านการบำบัด 12 ราย ทุกคนในพื้นที่ตำรวจก็รู้จักดีขอให้คิดว่าเป็นพ่อบุญธรรมไม่ใช่ไปคอยจับผิดพร้อมที่จะช่วยเหลือให้คำปรึกษา และเชื่อมั่นว่าวิธีการนี้น่าจะได้ผล 100 เปอร์เซ็น
เลขาธิการป.ป.ส. กล่าวว่า หลังจากทุกคนที่ผ่านการบำบัดและสัญญาว่าจะตั้งใจและกลับไปเป็นคนดี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของสังคม หลังจากที่ทุกคนได้กลับไปสู้อ้อมกอดของครอบครัวแล้ว ทางป.ป.ส.ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้คอยสอดส่อง ดูแลคุณภาพชีวิต อย่าให้มีปัจจัยเสี่ยง ให้คำปรึกษาเปรียบเสมือนเป็นพ่อบุญธรรมเพื่อไม่ให้กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก หลังจากนำชุดแรกเข้าสู่กระบวนการคัดกรองบำบัด ต่อมาในแต่ละวันก็มีผู้ที่เข้ามาแจ้งความสมัครใจเข้าบำบัดกว่า 100 รายและน่าจะเพิ่มขึ้นอีก ทั้งนี้ได้ขยายโครงการอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน ไปยังทุกอำเภอ 928 ชุมชน เพื่อเป็นการลดผู้เสพยา พร้อมทั้งเป็นการตัดตอนของผู้ค้ายาเสพติด โดยจะทำการยึดทรัพย์สำหรับผู้ที่ตั้งตัวเป็นพ่อค้ายาเสพติด
เลขาธิการป.ป.ส. กล่าวว่า หลังจากทุกคนที่ผ่านการบำบัดและสัญญาว่าจะตั้งใจและกลับไปเป็นคนดี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของสังคม หลังจากที่ทุกคนได้กลับไปสู้อ้อมกอดของครอบครัวแล้ว ทางป.ป.ส.ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้คอยสอดส่อง ดูแลคุณภาพชีวิต อย่าให้มีปัจจัยเสี่ยง ให้คำปรึกษาเปรียบเสมือนเป็นพ่อบุญธรรมเพื่อไม่ให้กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก หลังจากนำชุดแรกเข้าสู่กระบวนการคัดกรองบำบัด ต่อมาในแต่ละวันก็มีผู้ที่เข้ามาแจ้งความสมัครใจเข้าบำบัดกว่า 100 รายและน่าจะเพิ่มขึ้นอีก ทั้งนี้ได้ขยายโครงการอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน ไปยังทุกอำเภอ 928 ชุมชน เพื่อเป็นการลดผู้เสพยา พร้อมทั้งเป็นการตัดตอนของผู้ค้ายาเสพติด โดยจะทำการยึดทรัพย์สำหรับผู้ที่ตั้งตัวเป็นพ่อค้ายาเสพติด
สลดบัณฑิตใหม่ป้ายแดงซิ่งคว่ำดับคาทางด่วน
เสียชีวิตอนาถคาซากรถ ตำรวจเร่งตวจสอบภาพวงจรปิด เพื่อหาสาเหตุชัด ๆ ว่ารถได้มีการเฉี่ยวชนกับใครหรือไม่
เมื่อเวลา 04.30 น.วันนี้ (27 ต.ค.) พ.ต.ท.ธนวิน บริรักษ์ พนักงานสอบสวน สน.ทางด่วน 2 รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนบนทางด่วนขั้นที่ 2 ฝั่งขาออก บริเวณโค้ง ก่อนถึงทางลงแยกประชานุกูล แขวงลาดยาว เขตจตุจักร มีผู้เสียชีวิต ติดอยู่ภายในตัวรถ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยและอุปกรณ์ตัดถ่างมูลนิธิร่วมกตัญญู
ในที่เกิดเหตุพบรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรล่า สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน 3 ฮ 1734 กรุงเทพมหานคร อยู่ในสภาพพลิกคว่ำตัวรถฉีกขาดพังยับเยินเกือบทั้งคัน ในซากรถพบผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายใน เจ้าหน้าที่ใช้อุปกรณ์ตัดถ่างนำร่างออกมา ทราบชื่อต่อมาคือ นายจักรัช ชุมพลไพศาล อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 319 ถนนบำรุงเมือง แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ภายในรถพบของขวัญที่ได้รับจากการรับปริญญา เป็นแผ่นป้ายทะเบียนสีแดง ระบุว่า จบ 2554 วิทยาลัยราชพฤกษ์
เบื้องต้นจากการตรวจสอบบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ พบร่องรอยการชนขอบทาง ก่อนถึงที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตร ซึ่งคาดว่ารถคันดังกล่าวน่าจะขับมาด้วยความเร็วสูง ก่อนเสียหลักชนขอบทางแล้วพลิกคว่ำ โดยเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด บริเวณที่เกิดเหตุต่อไปว่ารถได้เฉี่ยวชนกับรถคันอื่นหรือไม่ เนื่องจากมีผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า เห็นรถเทรนเลอร์ขับทับรถคันดังกล่าวก่อนหลบหนีไป.
ปคม.จับสาวกาฬสินธุ์ลวงเด็กค้ากามสะเดา
วันนี้ ( 26 ต.ค.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ปคม พ.ต.อ.ธวัชชัย ธาระรูป ผกก.3 บก.ปคม. แถลงข่าวจับกุม น.ส.ยุพิน ฉายแผ้ว อายุ 33 ปี ชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำผิดฐานค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี โดยจับกุมได้ที่ด่านชายแดนสะเดา จ.สงขลา ขณะกำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อเดือนเม.ย. 54 ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้ร่วมกับพวก 4 คนหลอกลวงและบังคับเด็กหญิงอายุ 14 ปีไปค้าประเวณีที่ร้านอาหารซัมทาม บาร์ 2 ต.ด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งปัจจุบันปิดกิจการไปแล้ว พล.ต.ต.ชวลิต กล่าวว่า คดีนี้มีผู้ร่วมกระทำผิดทั้งหมด 5 คน ที่ผ่านมาจับกุมได้แล้ว 2 คน ส่วนผู้ต้องหาคนนี้เป็นคนที่ 3 ที่จับกุมได้ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 2 คนนั้นคาดว่าหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วแต่ก็จะประสานตำรวจสากลติดตามจับกุมต่อไป ทั้งนี้ จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้พาเด็กหญิงผู้เสียหายไปส่งที่ อ.สะเดา จ.สงขลา จริงแต่ไม่ได้ล่อลวงเพราะเด็กหญิงผู้เสียหายเป็นผู้ติดต่อขอไปทำงานเอง จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ดำเนินคดีต่อไป.
รวบสองผัวเมียตุ๋นเข้าทำงานกฟผ.
หลังผู้เสียหายหลงเชื่อจ่ายเงินให้หลายแสน สุดท้ายกินแห้ว ตำรวจรวบตัวได้พบผู้ต้องหาเปลี่ยนชื่อสกุลมาแล้วกว่า 17 ครั้ง
วันนี้ ( 27 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น. 4 พ.ต.อ.สาโรจน์ ซุ่นทรัพย์ รองผบก.น.4 และพ.ต.อ.อุทัย กวินเดชาธร ผกก.สส.บก.น.4 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัวนางสาวกตัญฑิตา หรือกี้ แสนรักษ์ หรือนางณุภัทรณีย์ อุ่นสมบูรณ์ อายุ 44ปี อยู่บ้านเลขที่ 549/096 หมู่ 9 ซอยบ้านศรีเจริญสุข ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี และนายสมประสงค์ หรือบัง อุ่นสมบูรณ์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 379/10ถนนบรรณาการ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ โดยจับกุมตัวได้ที่คอนโดย่านซอยรามคำแหง 40
พล.ต.ต.นัยวัฒน์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากนางคำภู กุลสาร์ ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.หัวหมาก ว่าถูกมิจฉาชีพฉ้อโกงเงินไปจำนวนมาก โดยอ้างว่าเป็นลูกหม่อมหลวงและยังสนิทกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สามารถฝากลูกชายให้เข้าทำงานที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงเอาที่ดินไปจำนองและนำเงินที่เก็บสะไว้รวมกันกว่า 3 แสนบาทไปมอบให้ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ และยังสูญทรัพย์สินไปอีกจำนวนมา ชุดสืบสวนกก.สส.บก.น.4 จึงทำการสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาคือน.ส.กตัญฑิตาและนายสมประสงค์ สองสามีภรรยา โดยน.ส.กตัญฑิตา ได้เปลี่ยนชื่อและนามสกุลมาแล้ว 17 ครั้ง เพื่อปิดบังตัวเองและไปหลอกลวงผู้เสียหายคนอื่นๆ จากการตรวจสอบพบว่าน.ส.กัญฑิตา มีหมายจับในคดีฉ้อโกง 8 หมาย ส่วนนายสมประสงค์มีหมายจับคดีฉ้อโกง 1 หมาย ขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆอีก เพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดี หากผู้เสียหายรายใดที่เคยถูกผู้ต้องหาหลอกลวงสามารถเข้ามาแจ้งความและชี้ตัวได้ที่กก.สส.บก.น.4
จากการสอบถามนางคำภู ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ให้การว่า ผู้ต้องหาหลอกลวงว่าเป็นลูกหม่อมหลวง และสามารถฝากนายโกวิทย์ กุลสาร์ ลูกชาย ให้เข้าทำงานที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้ โดยเข้ามาตีสนิทและบอกว่าต้องจ่ายเงินมัดจำ10,000บาท และจะต้องโอนให้ภายหลังอีกครั้งละ100,000บาท รวมเงินทั้งหมดที่โอนไปจำนวน 330,000บาท จึงเอาที่ดินที่มีอยู่แปลงเดียวไปจำนอง แต่เมื่อโอนเงินไปแล้วก็ไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้อีก ทุกวันนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก ต้องชำระดอกเบี้ยจากเงินกู้จำนองมาโดยตลอด นอกจากจะไม่ได้เข้าทำงานแล้ว ยังไม่ได้เงินคืนด้วย อยากฝากไปถึงประชาชนด้วยว่าอย่าหลงเชื่อใครง่ายๆให้ตรวจสอบก่อน
“มาร์ค” ปูดศึกซักฟอกถล่มเละทุจริต-นโยบายผิดพลาด
วันนี้ ( 27 ต.ค.) ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้าน 2 วัน ระหว่าง 26-27 พ.ย.ว่า เพียงพอและเหมาะสมแล้ว ซึ่งประเด็นการอภิปรายจะเน้นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากนโยบายของรัฐบาลที่ผิดพลาดและทุจริต โดยส่วนใหญ่เรื่องที่กระทบต่อเศรษฐกิจ และเน้นคุณภาพของการอภิปรายไม่ใช่ปริมาณรัฐมนตรีที่จะอภิปราย อย่างไรก็ตามจะต้องดูรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)ชุดใหม่อีกครั้ง ว่าจะกระทบต่อการอภิปรายหรือไม่ เบื้องต้นไม่หนักใจ แต่ในส่วนของตัวนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บริหารต้องถูกอภิปรายเพราะเป็นผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว ขณะที่ตัวบุคคลของพรรค ขณะนี้ได้มีการแบ่งกลุ่มอภิปรายไว้ชัดเจนแล้ว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่กังวลต่อการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายพิทักษ์สยามในวันที่ 28 ต.ค.นี้ เพราะเบื้องต้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้ไปพูดคุยกัพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์กรพิทักษ์สยามแล้ว เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ หากทุกอย่างดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมาย และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่สามารถดูแลการชุมนุมได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนกระแสข่าวล้มรัฐบาล หรือบันได 5 ขั้น ที่มีอักษรย่อเชื่อมโยงฝ่ายค้านด้วยนั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ส่วนการถอดยศตนนั้น ตนอยากให้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง แม้กระทรวงกลาโหมพยายามเดินหน้าเพื่อถอดยศก็ตาม แต่หากการตรวจสอบมีการตั้งธงไว้อยู่แล้ว สุดท้ายตัว รมว.กลาโหมก็จะมีปัญหาเสียเอง
อุ้มฆ่าอดีตสามีเจ้าของหมู่บ้านหรู ศพโยนทิ้งใกล้โรงพัก
เหตุเกิดท้องที่ดอยสะเก็ด เชียงใหม่ ตร.มุ่งเป้าที่ปมหักหลังจากการค้ายาเสพติด คาดคนร้ายแค้นจัดเพราะกระหน่ำยิง 6 นัดซ้อน
วันนี้ ( 27 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.วีระวุฒิ เนียมน้อย รองผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ.วิสุทธิ์ พุ่มจันทร์ ผกก.สภ.สันทราย พ.ต.ท.ศุภกร ศรีพฤกษ์ รองผกก.สส.สภ.สันทราย พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ร่วมประชุมกันถึงเหตุการณ์อุ้มฆ่าเสี่ยเจ้าของหมู่บ้านจัดสรร รายใหญ่ของอำเภอสันทราย
โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 26 ต.ค.เวลาประมาณ 23.00 น.โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันทราย ได้รับแจ้งมีคนพบศพคนถูกยิงเสียชีวิตแล้วนำศพโยนทิ้งไว้ริมถนนสายคันคลองชลประทาน หมู่ 12 ต.เชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ห่างจาก สภ.ดอยสะเก็ดเพียง 100 เมตร จากการตรวจสอบพบว่าผู้ตายคือนายสมชาย เถอะจา อายุ 36 ปีชาวเขาเผ่าลีซอ อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ 10 ต.แม่นาเติง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ศีรษะ 1 นัดลำตัว 5 นัด ส่วนสร้อยคอทองคำหนัก 8 บาทพระเหลี่ยมทอง และเงินสดภายในตัวผู้ตายยังอยู่ครบ จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ไปกินข้าวกับคนของตระกูลเล่ายี่ปา ซึ่งเป็นตระกูลดังในพื้นที่ อ.เชียงดาว ซึ่งเป็นอดีตภรรยาของผู้ตายและเป็นเจ้าของหมู่บ้านหรูขนาดใหญ่ใน อ.สันทราย หลังจากนั้นทั้งสองคนก็จะเดินทางกลับที่พักในถนนสายสันทราย ก็ได้มีรถเก๋งไม่ทราบยี่ห้อสีบรอน์ ขับปาดหน้ารถของผู้ตาย ทำให้รถหยุดรถและก็มีชายฉกรรจ์ จำนวน 1 คนสวมหมวกชุดสีดำ สวมแว่นตาลงจากรถ และชักอาวุธปืนออกมาจี้บังคับให้นายสมชาย ลงจากรถและลากขึ้นรถเก๋งคันดังกล่าว ซึ่งมีคนนั่งอยู่ในรถอีกหลายคนก่อนขับหลบหนีไปและมาพบศพในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงต่อมา
พ.ต.อ.วีระวุฒิ เนียมน้อย รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่าในคดีนี้เดิมนายสมชาย นั้นเป็นผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติดรายใหญ่ของประเทศถูกจับและถูกศาลตัดสินจำคุก 25 ปีและได้ลดโทษเหลือเพียง 12 ปีพึ่งออกจากเรือนจำคลองเปรมมาได้ไม่ถึงเดือนและกลับมาอยู่ที่เชียงใหม่ ซึ่งปมการสังหารโหดครั้งนี้เราก็พุ่งปมไปที่การหักหลังการค้ายาเสพติด เพราะในอดีตนายสมชาย เป็นคนร่ำรวยมากและค้ายาเสพติดรายใหญ่ก่อนติดคุกและพึ่งออกมาก็กลับมาอยู่กับอดีตภรรยา ตรงนี้เป็นคดีต่อเนื่องเพราะถูกอุ้มมาจากพื้นที่ สภ.สันทรายและคนร้ายก็อุกอาจมากนำศพไปโยนทิ้งใกล้กับสภ.ดอยสะเก็ด และจากการดูจากพฤติกรรมคนร้ายต้องมีความแค้นอย่างมากเพราะระดมยิงผู้ตาย 6 นัดซ้อน ก่อนนำศพไปโยนทิ้งใกล้โรงพัก ตอนนี้เราก็ได้ตรวจสอบกล้องวีดีโอวงจรปิดทั่วเมืองเชียงใหม่เพื่อสืบหารถคันดังกล่าว และจะได้เร่งติดตามหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป