ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ
www.becomz.com

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ รามคำแหง

เปิดบริการซ่อมคอมพิวเตอร์ถึงที่สะดวกรวดเร็ว ด้วยทีมงานช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ มืออาชีพ ประสบการณ์กว่า 10 ปี ที่จะไปบริการซ่อม ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน วัด โรงเรียน ร้านอินเตอร์เน็ต ฯลฯ โดยคิดอัตราค่าบริการเริ่มต้นเพียง 400 บาทต่อเครื่องเท่านั้น

การให้บริการ

หากลูกค้ายืนยันการซ่อมแล้วทางเราออกเดินทาง ไปแล้วยกเลิกการซ่อมในขณะที่ทางเราเดินทางไปถึงแล้วจะต้องเสียค่าเสียเวลาและการเดินทาง 400 บาท

พื้นที่ที่บริการ

ซ่อมคอมนอกสถานที่,ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ 095-219-0106 เริ่มต้นที่ 400บาท/เครื่อง (ปล. ให้บริการเฉพาะเขตพื้นที่ รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย ลาดพร้าวเฉพาะ บริเวณ จากเดอะมอลบางกะปิถึงโชคชัย 4 )

อัตราค่าบริการ becomz

ติดต่อ : TaNDesgin โทร. 095-219-0106 www.i-comz.com

บริการหลังการซ่อม โดย www.i-comz.com

ทุกงานซ่อมรับเราประกัน 1 สัปดาห์เต็ม หากปัญหาเดิมยังอยู่ เราจะไปบริการซ่อมให้ฟรี โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่เคยใบ้บริการกับทาง www.i-comz.com เรามีบริการซ่อมคอมออนไลน์ฟรีให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่า

วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

พสกนิกรจับจองพื้นที่รอเฝ้ารับเสด็จฯ





พสกนิกรจากทั่วสารทิศเฝ้ารับเสด็จฯตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา รอชื่นชมพระบารมี"ในหลวง" เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค
วันนี้(7 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่โรงพยาบาลศิริราช พสกนิกรจากทั่วสารทิศทยอยเดินทางจับจองที่นั่งไปเฝ้ารอรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งแต่ช่วงเช้า โดยตลอดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาประชาชนที่มีบ้านเรือนติดริมฝั่งน้ำในเส้นทางเสด็จฯ ต่างจัดที่ทางเพื่อเฝ้ารอรับเสด็จฯ  ขณะที่ประชาชนที่เดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ ต่างพากันหาจับจองพื้นที่สาธารณะริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อเฝ้ารอชื่นชมพระบารมีด้วยเช่นกัน.

ด้านกรมเจ้าท่า ได้กำหนดเขตควบคุมการเดินเรือจากด้านเหนือ ตั้งแต่บริเวณสะพานพระราม 4 ถึงด้านใต้บริเวณสะพานพระพุทธยอดฟ้า ตั้งแต่เวลา 13.00-21.30 น. โดยห้ามเรือเดินทะเล เรือลากจูง เรือลำเลียงสินค้า เรือบรรทุกสินค้าอันตราย เรือท่องเที่ยวและภัตตาคาร และแพไม้เดินผ่านพื้นที่ควบคุมการเดินเรือ สำหรับเรืออื่นให้เดินเรือช้าและเบา ขณะขบวนเสด็จฯ ผ่าน ให้ลอยลำชิดฝั่ง ห้ามใช้แตรสัญญาณและเครื่องขยายเสียง ให้เปิดเฉพาะไฟเดินเรือ และตั้งแต่เวลา 18.00-21.30 น. ห้ามเดินเรือทุกชนิดผ่านพื้นที่ควบคุมการเดินเรือ ระหว่างท่าเกียกกายถึงสะพานกรุงธน

นอกจากนี้ กรมเจ้าท่า ได้ออกประกาศให้ระมัดระวังการเดินเรือบริเวณหน้ากรมชลประทาน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร และให้เดินเรือห่างจากฝั่งประมาณ 50 เมตร ระยะความยาวประมาณ 120 เมตร โดยให้เดินเรือชิดฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา (ฝั่งธนบุรี) เนื่องจากกองทัพเรือมีการวางทุ่นเครื่องหมายจอดเรืออังสนา จำนวน 2 ทุ่น ตั้งแต่วันที่ 5–8 ก.ค.55 ทั้งนี้ ให้ผู้ควบคุมเรือทุกลำ ปฏิบัติตามประกาศนี้โดยเคร่งครัด พร้อมทั้งให้ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า ตำรวจน้ำ และกองทัพเรือ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเรือรักษาการณ์และประจำท่าเทียบเรืออย่างเคร่งครัด
Share:

"พ่อคูณ"ไข้ลดแต่แพทย์ดูแลใกล้ชิด





หลวงพ่อคูณไข้ลดลง แต่แพทย์ยังไม่สบายใจ ยอมรับอาการหนัก ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ รอดูอาการอย่างใกล้ชิดอีก 48 ชั่วโมง และประเมินทุกๆ 4 ชั่วโมง
กรณีพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เกจิชื่อดังเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา อาพาธด้วยอาการหลอดลมอักเสบ สะอึก และมีเสมหะในลำคอ เข้ารักษาตัวที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราชนครราชสีมา ตั้งแต่คืนวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ผ่านไป 7 วัน โดยเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา หลวงพ่อคูณอาการทรุดลง มีไข้ขึ้นสูงเกือบ 40 องศา เนื่องจากปอดติดเชื้อ อักเสบ บวม แพทย์ต้องให้ยาปฏิชีวนะโดยการฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำแทนการฉันยาตามปกติ อาการโดยรวมค่อนข้างน่าเป็นห่วง ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้ว

ความคืบหน้าวันที่ 9 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงกลางดึกจนถึงช่วงเช้า หลวงพ่อคูณไข้เริ่มลดลงเรื่อย ๆ จาก 38.6 องศาเซลเซียส ล่าสุด 36.6 องศาเซลเซียส อาการเริ่มดีขึ้น พูดคุยตอบโต้กับแพทย์และลูกศิษย์ได้ดี แต่ร่างกายอ่อนเพลียและซึมอยู่บ้าง แพทย์ยังคงให้ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงคนไข้

ขณะเดียวกัน พยาบาลตรวจร่างกายหลวงพ่อคูณ พบว่ามีอุณหภูมิร่างกาย 36.6 องศา ความดัน 105/42 มิลลิเมตรปรอท ชีพจร 60 ครั้งต่อนาที การหายใจ 20 ครั้งต่อนาที และระดับน้ำตาลในเลือด 205 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ก่อนทำการฉีดยาปฏิชีวนะเข้าทางหลอดเลือดดำบริเวณหลังมือข้างซ้าย และให้อาหาร ยารักษาโรคประจำตัวผ่านทางสายยางเข้าทางช่องท้อง โดยหลวงพ่อคูณสามารถรับอาหารได้ตามปกติมื้อละ 500 มิลลิกรัม

ต่อมาเวลา 11.00 น.วันเดียวกัน นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางรวม 6 คน เข้าตรวจร่างกายหลวงพ่อคูณ โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพและสังเกตการณ์แต่อย่างใด ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนออกมาประชุมหารือถึงแนวทางการรักษาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพอสมควร

นพ.พินิศจัย เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้อาการหลวงพ่อคูณดีขึ้น ไข้ลดลง หลังให้ยาฆ่าเชื้อแบบเข้มข้น   โดยเรื่องของปอดอักเสบถือเป็นอาการแทรกซ้อนใหม่ที่เกิดขึ้นกับหลวงพ่อ เพราะก่อนจะเข้า รพ.หลวงพ่ออาพาธด้วยโรคหลอดลมอักเสบและมีเสมหะมาก ก่อนลุกลามรุนแรงลงมายังปอด ทำให้ปอดบวมอักเสบ ถือว่าค่อนข้างหนักและรุนแรงพอสมควร เพราะหลวงพ่อสามารถติดเชื้อได้ง่าย ภูมิต้านทานโรคต่ำ ตอนมา รพ.แรก ๆ อาการยังดีอยู่ พอผ่านไป 2 วัน ก็มีอาการทรุดลง เป็นสถานการณ์ความพลิกผันของอาการที่แพทย์ต้องเจออยู่เรื่อย ๆ

“การรักษาในภาพรวมแล้วแม้หลวงพ่อจะไข้ลดลง แต่ทีมแพทย์ก็ยังไม่สบายใจขึ้น ยังกังวลในเรื่องการติดเชื้อแทรกซ้อนใหม่ การติดเชื้อซ้ำซ้อน หรือแทรกซ้อนในระบบหัวใจ ระบบประสาท จึงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ต้องเข้มงวดมาตรการงดเยี่ยมโดยเด็ดขาด ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ เพราะห่วงเรื่องการติดเชื้อ ที่สำคัญต้องประเมินอาการติดตามดูอาการทุก ๆ 4 ชั่วโมง และต้องขอรอดูอาการป่วยอีก 48 ชั่วโมง หากไม่มีอะไรแย่กว่านี้ ก็น่าจะสบายใจมากขึ้น...” นพ.พินิศจัย ระบุ
Share:

"ในหลวง"เสด็จฯทางชลมารคทรงเปิด5โครงการชลประทาน





พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคทรงประกอบพิธีเปิด5 โครงการชลประทานท่ามกลางพสกนิกรเฝ้ารับเสด็จฯ
เมื่อเวลา 16.26 น.วันนี้ ( 7 ก.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถเข็นพระที่นั่งลงจากที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคไปทรงเปิด 5 โครงการชลประทาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผอ.โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ เป็นผู้ถวายการเข็นรถพระที่นั่ง  และ ศ.คลีนิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล พร้อมด้วยคณะแพทย์และพยาบาลตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ทหารเรือเครื่องแบบปกติขาวคอพับแขนสั้น เสด็จฯ ยังท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อประทับเรือพระที่นั่งอังสนา ซึ่งทางกองทัพเรือจัดถวาย พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อยู่ในฉลองพระองค์ชุดสีน้ำเงินเข้ม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีพสกนิกรที่พร้อมใจกันสวมเสื้อสีชมพู และชูพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมโบกธงพระปรมาภิไธย และธงชาติไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯ และเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องตลอดเส้นทางเสด็จฯ

จากนั้น พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่มเริงรมย์ ผบ.ทร. กราบบังคมทูลรายงาน ก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปประทับบนเรือพระที่นั่งอังสนา  พล.ร.อ.เถกิงศักดิ์ วังแก้ว เสนาธิการทหารเรือ กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ออกเรือ และทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรเส้นทางการเดินเรือ ต่อจากนั้นเรือพระที่นั่งอังสนา ออกจากบริเวณท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช ไปยังบริเวณเกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยเรือพระที่นั่งจะผ่านสถานที่สำคัญต่าง ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาทิ สะพานพระปิ่นเกล้า , สะพานพระราม 8 , สะพานกรุงธนบุรี  ,กรมชลประทาน ไปยังสะพานพระราม 7 ผ่านหน้าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  ,สะพานพระราม 5 ,ท่าน้ำนนทบุรี , สะพานพระนั่งเกล้า  , วัดเชิงเลน วัดกลางเกร็ด , วัดฉิมพลี  แล้ววนซ้ายรอบเกาะเกร็ด ซึ่งมีเจดีย์กลางน้ำเป็นสัญลักษณ์  กลับมายังบริเวณหน้ากรมชลประทาน สามเสน

ต่อมาเวลา18.45 น.เรือพระที่นั่งอังสนาถึงบริเวณหน้ากรมชลประทาน สามเสน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงาน และเบิกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และอธิบดีกรมชลประทาน กราบบังคมทูลรายงาน

ถัดมาเวลา 19.05 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ประทับบนเรือพระที่นั่งอังสนา ทอดพระเนตรการแสดงสื่อผสม “น้ำสร้างชีวิต” โดยใช้เทคนิคแสงสีเสียงที่ทันสมัย ถ่ายทอดเรื่องราวในลักษณะไตรวิชั่นฉายไปบนจอวีดิทัศน์ขนาดใหญ่กว้าง 45 เมตร สูง 12 เมตร ที่ติดตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
เมื่อการแสดงเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลเบิกผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัดประกอบด้วย จ.นครนายก นครศรีธรรมราช นครพนม พิษณุโลก และกาฬสินธุ์ เปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ และกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธีเปิด 5 โครงการชลประทาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ได้แก่ เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์ จ.นครศรีธรรมราช ประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต จ.นครพนม และอุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์ จ.กาฬสินธุ์

จากนั้นเวลา 19.50 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพระหัตถ์บนแท่นตราสัญลักษณ์โครงการ พร้อมทอดพระเนตรวีดิทัศน์บรรยากาศสดจาก 5 จังหวัด ที่ร่วมกันแปรอักษรเป็นคำว่า “ทรงพระเจริญ” เมื่อเสร็จพิธี เรือพระที่นั่งอังสนาแล่นออกจากบริเวณที่ท่าเทียบเรือหน้ากรมชลประทานสามเสน กลับไปยังท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช โรงพยาบาลศิริราช ในเวลา 20.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ กลับยังที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช

ส่วนบรรยากาศใน 5 จังหวัดซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการชลประทานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเต็มไปด้วยความคึกคักพสกนิกรต่างเดินทางมาร่วมพิธีเปิดโครงการชลประทานกันอย่างเนื่องแน่น สำหรับแนวพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานให้กรมชลประทานดำเนินงานพัฒนาแหล่งน้ำทั่วทุกภูมิภาคของประเทศมาตลอดระยะเวลาอันยาวนานกว่า 2,500 โครงการ และในระหว่างพุทธศักราช 2539 ถึงปัจจุบัน กรมชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการชลประทานอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่สำคัญแล้วเสร็จ พร้อมทั้งได้รับพระราชทานนาม จำนวน 5 โครงการ อันได้แก่ โครงการที่ 1 โครงการอุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์  จ.กาฬสินธุ์ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำลำพะยังตอนบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  และได้ก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำเมื่อพุทธศักราช 2548 แล้วเสร็จในพุทธศักราช 2550 สามารถผันน้ำมาช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรด้านท้ายอ่างเก็บน้ำลำพะยังตอนบน 12,000 ไร่

โครงการที่ 2 ประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต จ.นครพนม เป็นประตูระบายน้ำที่สำคัญที่สุดในประตูระบายน้ำทั้ง 7 แห่งของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กรมชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างจากภาพร่างลายพระหัตถ์ ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้พระราชทานแก่ กรมชลประทาน โดยก่อสร้างเมื่อพุทธศักราช 2550 แล้วเสร็จในพุทธศักราช 2552 สามารถสนับสนุนพื้นที่การเกษตรใน จ.สกลนครและ จ.นครพนม 165,000 ไร่ และช่วยบรรเทาอุทกภัยในฤดูน้ำหลา

โครงการที่ 3 ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ จ.นครศรีธรรมราช  โครงการนี้เป็นหัวใจสำคัญของโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ก่อสร้างแล้วเสร็จในพุทธศักราช 2542 ทำหน้าที่แยกน้ำเค็มและน้ำจืดออกจากกัน สามารถเก็บกักน้ำจืดเพื่อให้ราษฎรสามารถทำการเกษตรในฤดูฝน 480,000 ไร่ และในฤดูแล้งสามารถทำนาปรังเพิ่มขึ้นจากเดิม 52,000 ไร่  เป็น 200,000 ไร่  รวมทั้งช่วยบรรเทาอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โครงการที่ 4  เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก เป็นโครงการเขื่อนเก็บกักน้ำที่ก่อสร้างขึ้นในแม่น้ำแควน้อย ดำเนินการเมื่อพุทธศักราช 2548 แล้วเสร็จในพุทธศักราช 2552 เก็บกักน้ำได้ 939 ล้านลูกบาศก์เมตร  สามารถส่งน้ำไปยังพื้นที่เพาะปลูก จำนวน 155,100 ไร่ ได้อย่างสมบูรณ์ตลอดทั้งปี รวมทั้งช่วยบรรเทาอุทกภัยในเขตลุ่มน้ำแควน้อยตอนล่าง และพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาบางส่วน

โครงการที่ 5 เขื่อนขุนด่านปราการชล  จ.นครนายก โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำนครนายก ก่อสร้างเมื่อพุทธศักราช 2542 แล้วเสร็จในพุทธศักราช 2547 เก็บกักน้ำได้ 225 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถส่งน้ำให้แก่ราษฎรที่อาศัยอยู่บริเวณตอนล่างของลุ่มน้ำนครนายกเพื่อใช้ทำการเกษตร 185,000 ไร่ ตลอดจนมีน้ำใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรม และเพื่อการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว รวมทั้งช่วยบรรเทาอุทกภัยที่มักจะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเขต จ.นครนายก.
Share:

วิสามัญ "ต๋อย เขาพระ" เอเย่นต์ยาบ้ายิงตำรวจดับ1เจ็บ2




ตำรวจบุกตรวจค้นบ้านเป้าหมายยาเสพติด "ต๋อย เขาพระ" เอเย่นต์ยาบ้า เจอคนร้ายใช้ปืนยิงสวนเสียชีวิต 1 ศพ เจ็บ 2 ราย สุดท้ายคนร้ายเจอวิสามัญดับคาไร่มันสำปะหลัง
วันนี้( 9 ก.ค.) พ.ต.ท.ปรีชา ดำคำทา พงส.(สบ 3) สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกคนร้ายยิงได้รับบาดเจ็บที่บ้านไม่มีเลขที่ ในบ้านเขาพระ หมู่ 5 ต.อู่ทอง จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ชัชชรินทร์ สว่งวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.สุรกฤษฎ์ มาลีสี ผกก.พ.ต.ท.วิรัตน์ เพชรทอง รอง ผกก.สส. กำลังฝ่ายสืบสวนจำนวนหนึ่ง  รุดไปที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บาดเจ็บได้รับการนำส่ง รพ.ศูนย์เจ้าพระยายมราช ไปก่อนหน้า ขณะที่คนร้ายทราบว่าถูกวิสามัญเสียชีวิต ในไร่มันสัมปะหลัง ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ จึงเข้าไปตรวจสอบ พบนายสมพงษ์ หรือต๋อย พระมหาโยธิน อายุ 44 ปี สภาพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด มือขวากำอาวุธปืนพกสั้นแบบกล็อกขนาด 9 มม.ไว้แน่น ในรังเพลิงไม่เหลือกระสุน เนื่องจากถูกยิงจนหมด นอกจากนี้พบปลอกกระสุนขนาดเดียวกันตกอยู่ 3 ปลอก และเมื่อเข้าไปตรวจสอบบ้านของผู้ตาย ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียว ที่หน้าบ้านพบรอยเลือดหยดเป็นทาง และมีปลอกกระสุนขนาด 9 มม. กระจายเกลื่อนกว่า 10 ปลอก ค้นภายในบ้านพบยาบ้าอีกกว่า 200 เม็ด ซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายแขวนไว้หัวนอน จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน


พ.ต.อ.ชัชชรินทร์ กล่าวว่า .เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.อู่ทอง ประกอบด้วย ร.ต.ต.วิเศษ วิจิโน รอง สว.สส. ด.ต.ไพศาล ริอุบล และ ด.ต.ชรินทร์ คงสวรรค์ ผบ.หมู่ สส. นำกำลังออกตรวจพื้นที่ มาถึงจุดเกิดเหตุเป็นบ้านไม่มีเลขที่ ซึ่งเป็นบ้านเป้าหมายยาเสพติด พบชายวัยรุ่นนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้าน จึงทำการตรวจค้นและอีก 2 คน เดินไปเคาะประตูบ้านพบว่าประตูถูกล็อกจากด้านใน ทันใดนั้นคนร้ายที่อยู่ในบ้านได้ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงออกมา ทำให้กระสุนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 คน โดย 2 ใน 3 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงวิทยุงานผู้บังคับบัญชาเพื่อขอกำลังเสริม โดยมือปืนได้หนีไปซ่อนตัวอยู่ในไร่มัน เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังล้อมไว้และพยายามตะโกนให้คนร้ายมอบตัว แต่คนร้ายไม่ยอมใช้อาวุธปืนกระบอกดังกล่าว ยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่เป็นระยะ เจ้าหน้าที่จึงยิงตอบโต้ กระทั่งคนร้ายถูกกระสุนปืนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต

จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายสมพงษ์ เคยถูกจับคดีอาวุธสงคราม เพิ่งพ้นโทษได้ไม่นานและเป็นเอเย่นต์ยาบ้าในพื้นที่ เมื่อรู้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นจึงใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้เพื่อเบิกทางหนีเข้าไปซ่อนตัวในไร่มันสัมปะหลังห่างจากบ้านประมาณ 200 เมตร สุดท้ายไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิตดังกล่าว


สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกยิงนั้นประกอบด้วย ด.ต.ไพศาล ถูกยิงเข้าที่แขนซ้าย 1 นัด ร.ต.ต.วิเศษ ถูกยิงที่หน้าอก หน้าท้อง และขา อาการโคม่า  แพทย์ รพ.อู่ทอง พยายามผ่าตัดช่วยชีวิต แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีิวิตในเวลาต่อมา ส่วนด.ต.ชรินทร์ ถูกยิงที่ใต้รักแร้ซ้าย และหน้าท้อง อาการสาหัส.




Share:

“แทน”รับทราบข้อหาบุกรุกป่าเขาแพง





“แทน” รับทราบข้อหาบุกรุกป่าเขาแพงกับดีเอสไอ เผยเพิ่งรู้เป็นเขตป่าไม้ไม่ใช่ป่าสงวน พร้อมกลับไปรวบรวมข้อมูลก่อนแจงที่มาเอกสารสิทธิ์
วันนี้(9ก.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายแทน  เทือกสุบรรณ  บุตรชาย นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ  อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมทนาย เข้าพบพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีบุกรุกที่เขาแพง  ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี  มีพ.ต.อ.ประเวศน์  มูลประมุข  รอง อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนเป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหาโดยมีพนักงานอัยการร่วมด้วย

โดยนายธาริต  เพ็งดิษฐ์  อธิบดีดีเอสไอ  กล่าวว่า เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหากระทำความผิดก่นสร้าง แผ้วถางป่า หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่นสร้าง หรือเผาป่าในที่ดินของรัฐโดยมิได้มีสิทธิครอบครองหรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484   โดยลักษณะกระทำความผิดพบมีการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบต่อเนื่องกันตั้งแต่การนำส.ค. 1 มาออกเป็นน.ส. 3 ก. และการนำน.ส. 3 ก. มาออกเป็นโฉนด  ซึ่งตำแหน่งและเนื้อที่มีความคลาดเคลื่อน รวมเป็นเนื้อที่ขยายเพิ่มขึ้นกว่า 31 ไร่  ซึ่งนายแทนเป็นผู้ดำเนินการขอออกโฉนด จากน.ส.3 ก. เดิม 3 แปลง มารวมเป็นโฉนด 1 แปลง  ทั้งนี้  นอกจากการดำเนินคดีเรื่องการบุกรุกป่าแล้วดีเอสไอจะดำเนินคดีกรณีที่มีการสร้างอ่างเก็บน้ำลุกล้ำที่สาธารณะเพิ่มเติมด้วย

ด้านพ.ต.ท.ประวุธ  วงศ์สีนิล  ผบ.สำนักคดีผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม  กล่าวว่า  เบื้องต้นนายแทน มอบเอกสารชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร  ขณะที่ดีเอสไอ ได้ทำความเข้าใจกรณีที่นายแทนระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่น่าจะมีความผิดเพราะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ป่าสงวน  โดยดีเอสไอชี้แจงว่าแม้จะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแต่พื้นที่ดังกล่าวมีความลาดชันเกิน 35 องศาตามพ.ร.บ. ป่าไม้ 2484  ห้ามไม่ให้ออกเอกสารสิทธิ์หรือเข้าไปทำประโยชน์  ส่วนกรณีการสร้างอ่างเก็บน้ำทับลำรางสาธารณะและการสร้างถนนตัดเข้าพื้นที่นั้นนายแทนยอมรับว่ามีการสร้างถนนและอ่างเก็บน้ำจริงแต่ได้รับอนุญาตจากเทศบาลในการก่อสร้างแล้ว

 สำหรับนายแทน ดีเอสไอจะดำเนินคดีกรณีที่พบว่ามีการออกโฉนดที่ดินมีเนื้อที่เกินกว่าน.ส.3ก.  ส่วนผู้ถูกกล่าวหาอีก 2 ราย ที่เป็นหุ้นส่วน หจก.เรืองปัญญา คอนสตรัคชั่น ดีเอสไอจะพิจารณากรณีที่มีการนำส.ค.1 มาออกเป็นน.ส.3ก.ว่าดำเนินการถูกต้องตั้งแต่ต้นทางหรือไม่

นายแทน  กล่าวภายหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหาว่า  รับทราบข้อกล่าวหาคดีบุกรุกที่เขาแพงแล้ว พร้อมมอบเอกสารชี้แจงรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษร โดยวันนี้(9 ก.ค.) ได้รับการชี้แจงและทำความเข้าใจจากดีเอสไอว่าเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวไม่ใช่พื้นที่ป่าสงวนตามที่ตนเข้าใจก่อนหน้านี้  แต่เป็นพื้นที่ป่าตามพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484  ซึ่งกำหนดห้ามไม่ให้มีการออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่มีความลาดชันเกิน 35 องศา โดยหลายประเด็นที่ดีเอสไอสอบถามตนจะชี้แจงเพิ่มเติมภายหลังโดยเฉพาะประเด็นการออกเอกสารสิทธิ์  ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะมีเรื่องของของเอกสารบิน และบวม  ไม่เชื่อว่าจะมีกรณีส.ค. บิน และบวม  กรณีเนื้อที่ไม่ตรงกับโฉนดอาจมาจากการทำงานของกรมที่ดิน ในขั้นตอนรังวัดแต่ละครั้งมีหลักเกณฑ์ต่างกันมาก อาจเกิดความคลาดเคลื่อนได้  เพราะแม้เนื้อที่บางแปลงจะเพิ่มขึ้นแต่บางแปลงกลับลดลง

 “วันนี้เพิ่งจะได้ยินชัดเจนว่าเป็นเรื่องการบุกรุกป่า อาจไม่เกี่ยวกับป่าสงวน  ซึ่งขณะนี้จะได้เข้าใจได้ตรงกัน เบื้องต้น ตนยื่นคำให้การเป็นหนังสือและตอบคำถามเท่าที่ชี้แจงได้  และบางส่วนอาจต้องกลับไปตรวจสอบข้อมูลโดยเฉพาะเรื่องเอกสารสิทธิตนยินดีให้มีการตรวจสอบ”  นายแทน กล่าว

นายแทน  ยังกล่าวถึง กรณีการสร้างถนนเข้าพื้นที่ว่าเป็นการเทคอนกรีตตามแนวถนนเดิม ไม่ใช่การสร้างแนวถนนใหม่    ส่วนอ่างเก็บน้ำที่สร้างทับลำรางสาธารณะไม่ใช่อ่างน้ำของตนแต่เป็นของพื้นที่ข้างเคียง

  อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนี้นายพงษ์ชัย  ฟ้าทวีพรและนายสามารถ  เรืองศรี   หุ้นส่วนของหจก.เรืองปัญญา คอนสตรัคชั่น ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหากรณีเดียวกันด้วย
Share:

สลด!พ่อพิมพ์เครียดผูกคอลาโลก





พ่อพิมพ์ ผูกคอดับคาระเบียงโรงเรียน เพื่อนเผยเครียด โทรศัพท์บอกให้เตรียมจัดงานศพ ก่อนมาพบเป็นศพ คาดปัญหาโรคกระดูกทับเส้นประสาท
เมื่อเวลา 05.30 น. วันนี้(9 ก.ค.) พ.ต.ท. กิตติ โพธิ์สุข พงส.(สบ3) สน.ประชาชื่น ได้รับแจ้งเหตุมีคนผู้คอตายในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในเขตจตุจักร กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ) และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารโรงอาหารของโรงเรียนดังกล่าวสูง 2 ชั้น โดยชั้นล่างเป็นโรงอาหารส่วนชั้นที่สองเป็นห้องประชุม เจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพชายผูกคอตนเองอยู่บริเวณริมระบียงด้านหน้าของชั้นสอง สภาพศพใส่เสื้อยืด สวมกางเกงสแลคสีดำ มีเชือกไนล่อนยาวประประมาณหนึ่งเมตรผูกคอ ร่างห้อยออกมานอกระเบียง ต่อมาทราบชื่อ นายประจวบ ใจด้วง อายุ 49 ปี เป็นครูสอนวิชาสังคมศาสตร์ และเป็นครูหัวหน้าสายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ของโรงเรียนดังกล่าว อย่างไรก็ดีจากจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พฐ ระบุว่าผู้ตายเสียชีวิตโดยการผูกคอตนเอง ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้หรือถูกทำร้าย

สอบถามเพื่อนครูโรงเรียนเดียวกันให้การว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้เข้าเวรประจำดูแลโรงเรียน ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้โทรศัพท์ติดต่อกับเพื่อนสนิทซึ่งเป็นครูโรงเรียนเดียวกัน โดยกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า เตรียมทำศพด้วย อีกทั้งยังติดต่อทางโทรศัพท์กับพระรูปหนึ่งที่คุ้นเคยโดยได้พูดคุยและบอกลา

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิฐานว่าผู้ตายนั้นมีโรคประจำประตัวคือโรคกระดูกทับเส้นประสาท อาจเป็นเหตุทำให้ผู้ตายเกิดอาการเครียด แล้วทำให้เกิดคิดสั้นจนเกิดเหตุดังกล่าว จึงติดต่อญาติผู้ตายให้มารับศพไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป
Share:

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ 095-219-0106

Popular Posts

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Blog Archive

Followers

Blog Archive