ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ
www.becomz.com

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ รามคำแหง

เปิดบริการซ่อมคอมพิวเตอร์ถึงที่สะดวกรวดเร็ว ด้วยทีมงานช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ มืออาชีพ ประสบการณ์กว่า 10 ปี ที่จะไปบริการซ่อม ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน วัด โรงเรียน ร้านอินเตอร์เน็ต ฯลฯ โดยคิดอัตราค่าบริการเริ่มต้นเพียง 400 บาทต่อเครื่องเท่านั้น

การให้บริการ

หากลูกค้ายืนยันการซ่อมแล้วทางเราออกเดินทาง ไปแล้วยกเลิกการซ่อมในขณะที่ทางเราเดินทางไปถึงแล้วจะต้องเสียค่าเสียเวลาและการเดินทาง 400 บาท

พื้นที่ที่บริการ

ซ่อมคอมนอกสถานที่,ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ 095-219-0106 เริ่มต้นที่ 400บาท/เครื่อง (ปล. ให้บริการเฉพาะเขตพื้นที่ รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย ลาดพร้าวเฉพาะ บริเวณ จากเดอะมอลบางกะปิถึงโชคชัย 4 )

อัตราค่าบริการ becomz

ติดต่อ : TaNDesgin โทร. 095-219-0106 www.i-comz.com

บริการหลังการซ่อม โดย www.i-comz.com

ทุกงานซ่อมรับเราประกัน 1 สัปดาห์เต็ม หากปัญหาเดิมยังอยู่ เราจะไปบริการซ่อมให้ฟรี โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่เคยใบ้บริการกับทาง www.i-comz.com เรามีบริการซ่อมคอมออนไลน์ฟรีให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่า

วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

ตร.แถลงข่าวจับอดีตเด็กช่างรุมทำร้ายร่างกายคู่อริต่างสถาบัน


เมื่อเวลา 18.00 น. วันนี้ (4 ม.ค.) ที่สน.มีนบุรี พ.ต.อ.เอก  เอกศาสตร์ รองผบก.น.3 พ.ต.อ.ศราวุธ จินดาคำ ผกก.สน.มีนบุรี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายธมชาติ หวังผล อายุ 20 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรีเลขที่ 1008/2555 ลงวันที่ 28 ธ.ค.55 ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธ (ขวาน) ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
 
พ.ต.อ.เอกกล่าวว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 9 พ.ย.55 กลุ่มผู้ต้องหาซึ่งเป็นนักศึกษาสถาบันแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง ก่อเหตุรุมทำร้ายนายกฤษกร สุขเจริญ และนายณัฐสิทธิ์ ผลวิจิตร นักเรียนโรงเรียนมีนบุรีโปลีเทคนิค ซึ่งขี่รถจยย.ซ้อนสองกันมาบริเวณปากซอยรามคำแหง199 ถนนรามคำแหง แขวงและเขตมีนบุรี กลุ่มผู้ต้องหาได้ขี่รถจยย.มาปาดหน้าแล้วลงไปทำร้ายร่างกายทำยิงปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ใส่ ใช้มีดฟัน ขวานจาม จนทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อมาเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุน ขวานและโทรศัพท์มือถือผู้ต้องหาตกในที่เกิดเหตุ จากนั้นยังได้รับความร่วมมือจากสถาบันศึกษาทั้งของผู้บาดเจ็บและกลุ่มผู้ต้องหา ทำให้ได้เบาะแสและพนักงานสอบสวนได้ขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรีขอหมายจับ จนกระทั่งช่วงเที่ยงของวันที่ 3 ม.ค. จึงจับกุมผู้ต้องหาได้ที่หน้าบริษัทคุณโช โปรดักซ์ จำกัด ซอยสุวินทวงศ์ 7 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรีได้ในที่สุด
 
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่า มากับเพื่อนรวม 8 คน ขี่จยย.มาแล้วเห็นผู้บาดเจ็บ พบว่าเป็นสถาบันคู่อริ ซึ่งเคยมีเรื่องกันมาก่อน จึงตรงไปทำร้ายร่างกายทันที ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เพียงแต่เห็นว่าเป็นคู่อริต่างสถาบันเท่านั้น โดยผู้ต้องหาอ้างว่า ตนไม่ได้ใช้อาวุธทำร้ายผู้บาดเจ็บ เพราะมาทีหลังแต่ได้ร่วมชกต่อยผู้บาดเจ็บด้วยพร้อมกับเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ทั้งนี้จากการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหาถูกไล่ออกจากสถาบันย่านรามคำแหงตั้งแต่ปี 2554 แต่ยังวนเวียนเที่ยวกับเพื่อน ๆ ที่เรียนอยู่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่รู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว และกำลังดำเนินการขอหมายจับเพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
Share:

คู่หูตชด.ขับเก๋งเสยปิกอัพไฟลุกหวิดดับ





เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 5 ม.ค. ร.ต.ต.ณัฎฐ์พัฒน์ พึ่งจาบ พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ได้รับแจ้งเหตุอุบัติเหตุรถกระบะชนรถเก๋งและมีผู้ติดภายใน บริเวณกลางสะพานข้ามแยกสี่แยกเกษตร บริเวณด้านหน้ากรมพัฒนาที่ดิน ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.
 
ที่เกิดเหตุบริเวณกลางสะพานดังกล่าว พบรถปิกอัพอีซูซุ ดีแม็ค สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฒฐ 5474 กรุงเทพฯ สภาพกระจังหน้ารถฝั่งซ้ายยุบ ไฟหน้าแตกยับ โดยมีนายณรงค์ เดชรอดสกุล อายุ 35 ปี คนขับกระบะและนางโสภา เปริยะรางกุล อายุ 38 ปี ภรรยาคนขับที่นั่งข้างมาด้วยกัน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยออกมายืนรอนอกตัวรถ ใกล้กันพบรถเก๋งมาสด้า 3 สีขาว ทะเบียน ฎศ 3854 กรุงเทพฯ สภาพหน้ารถถูกชนยับจนยุบฝากระโปรงหน้าเปิด ส่วนท้ายรถถูกชนจนยุบเข้าไปถึงถังแก๊สเชื้อเพลิงท้ายรถ และมีแก๊สรั่วไหลออกมา ส่วนคนขับรถมาสด้า 3 คือ พ.ต.ท.วรากร วิทยาบำรุง อายุ 40 ปี และ พ.ต.ท.นพพร กวาวหนึ่ง ทั้งคู่เป็นนายตำรวจระดับ สว.สังกัด ตชด.ภาค 1 ติดอยู่ภายใน ก่อนเจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยกันงัดประตูรถเพื่อนำทั้งคู่ส่งโรงพยาบาลเมโย หลังจากนั้นไฟเริ่มลุกไหม้จากทั้งแก๊สเชื้อเพลิงท้ายรถเก๋งมาสด้า 3 อย่างรวดเร็วจนลุกลามไหม้ทั้งคันและลามไปติดรถปิกอัพ เจ้าหน้าที่ต่างเร่งระดมใช้ทั้งดับเพลิงและน้ำฉีดประมาณ 5 นาที ไฟจึงมอดดับลง พบว่ารถทั้งสองคันถูกไฟไหม้เสียหายทั้งคัน
 
สอบสวนนายณรงค์ให้การว่า ขับรถรับน้ำดื่มบรรจุขวดตระเวนส่งตามร้านค้าในกรุงเทพ ก่อนเกิดเหตุขับมาจากสี่แยกรัชโยธินผ่านห้างเมเจอร์และขึ้นสะพานข้ามสี่แยกเกษตร เมื่อมาถึงกลางสะพานพบรถเก๋งมาสด้า 3 คู่กรณี ขับจากสี่แยกเกษตรมุ่งหน้าไปแยกเมเจอร์ วิ่งสวนมา ระหว่างนั้นรถเก๋งขับข้ามเลนไปชนราวสะพาน จนรถหมุนคว้าง ตนขับมาพอดีและเบรกไม่ทันจึงพุ่งชนเข้าที่ท้ายรถเก๋ง จนถังแก๊สท้ายรถมาสด้า 3 รั่ว ทำให้ตนภรรยาได้รับบาดเจ็บไม่มาก
ส่วนพ.ต.ท.วรากรยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลเมโยเพราะบาดเจ็บกระดูกชายโครงหัก กระดูกไหปลาร้าหัก และพ.ต.ท.นพพรกระดูกซี่โครงหักและมีอาการฟกช้ำหลายแห่ง หลังจากนี้รอให้ทั้ง 4 คนหายดี เพื่อจะเรียกมาสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
Share:

มัดมือจ่อขมับระเบิดหัวหนุ่มนิรนามตายเฝ้าไร่มัน


เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 ม.ค. พ.ต.ท.สมัย สมจิตร พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี รับแจ้งพบศพถูกยิงภายในไร่มันสำปะหลัง หมู่ 4 บ้านห้วยไข่เน่า ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมชุดสืบสวนและมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา ที่เกิดเหตุห่างจากถนนบ้านประมาณ 500 เมตร พบศพชายไม่ทราบสัญชาติ อายุประมาณ 40-45 ปี
สภาพศพนอนคว่ำหน้า ถูกจับมัดมือไขว้หลังด้วยเชือกไนล่อนสีขาว สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสามส่วนสีเขียวขี้ม้า ลักษณะถูกรูดลงมาอยู่ที่หัวเข่า เช่นเดียวกับกางเกงในสีเทาที่ถูกรูดลงมากองที่สะโพก มีแผลถูกยิงเข้าที่ขมับซ้าย 1 นัด และกกหูซ้ายทะลุแก้มขวา 1 นัด บริเวณลำคอมีร่องรอยถูกของมีคมเชือดเป็นแผลยาวประมาณ 2 นิ้ว หน้าผากมีรอยคล้ายถูกตีด้วยของแข็ง ใกล้กันพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. ตกอยู่ ห่างไปพบกางเกงขาสั้นแบบมีหูรูด 3 ตัว กางเกงในผู้ชาย 1 ตัว กระป๋องน้ำ และถุงใส่กล่องข้าว จึงรวบรวมเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายสมพร บุญก่อ อายุ 54 ปี เจ้าของไร่ ให้การว่า ขณะกำลังเดินดูไร่ตามปกติพบกางเกงขาสั้นตกอยู่ จึงลองเดินสำรวจโดยรอบจนกระทั่งพบศพดังกล่าว ส่วนตัวไปทราบเลยว่าผู้ตายเป็นใคร เพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าผู้ตายน่าจะถูกจับมาเจรจาอะไรบางอย่าง แต่ตกลงกันไม่ได้จึงถูกฆ่าตาย ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างหาเบาะแส เพื่อติดตามจับกุมตัวฆาตกรรายนี้ต่อไป.
Share:

ไกด์สาวโร่ขึ้นโรงพัก แจ้งจับแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร แถมกระชากลงจากรถ


เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (6 ม.ค. ) น.ส.กัญญาณัฐ ฉั่มเวชะ อายุ 33 ปี อาชีพมัคคุเทศก์ เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.วิชิต พาเรือง พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง เพื่อให้ดำเนินคดีกับโชเฟอร์รถแท็กซี่สีเขียว เหลือง (ขอสงวนหมายเลขทะเบียน) ในข้อหาปฏิเสธผู้โดยสารและทำร้ายร่างกาย โดยน.ส.กัญญาณัฐ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้ไปงานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนที่ผับแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิทซอย 11 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา หลังงานเลิกตนได้แยกย้ายกันออกมาเรียกรถแท็กซี่ที่จอดเข้าคิวอยู่หลายคัน  แต่ปรากฏว่าไม่มีแท็กซี่คันไหนยอมรับเนื่องจากต้องการจะรอรับผู้โดยสารชาวต่างชาติ เพราะได้เงินดีกว่า  ตนจึงโบกเรียกรถแท็กซี่ที่วิ่งผ่านไปมา
น.ส.กัญญาณัฐ ให้การต่อว่า กระทั่งรถแท็กซี่คู่กรณีซึ่งโชเฟอร์เป็นชายรูปร่างเตี้ย อายุประมาณ 40 ปีเศษ เข้ามาเทียบและจอดรับ ตนจึงขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังตามปกติ พร้อมบอกให้ไปส่งที่ซอยสุขุมวิท 93 แต่คนขับมีท่าทางอิดออดเหมือนไม่อยากไป ก่อนขับรถพาออกทางถนนอโศก แล้วมาจอดบริเวณตัดกับถนนจตุรทิศ บึงมักกะสัน แล้วลงมาเปิดประตูหลังด้านที่ตนนั่งอยู๋ ก่อนใช้กำลังฉุดกระชากแขนตนลงจากรถ ตนจึงก็กระชากเอาพระเป็นเหรียญห้อยคอคล้องสร้อยลูกปัดของโชเฟอร์ติดมือมาด้วย ก่อนเดินทางมาแจ้งความเป็นหลักฐานดังกล่าว
ด้าน ร.ต.ท.วิชิต กล่าวว่า เบื้องต้นได้ลงบันทึกประจำวันไว้ พร้อมทั้งส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่รพ.ตำรวจ หลังจากนั้นจะตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถแท็กซี่คันดังกล่าว ก่อนออกหมายเรียกโชเฟอร์มารับทราบข้อกล่าวหาเป็นแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ส่วนข้อหาทำร้ายร่างกายต้องรอผลการตรวจร่างกายจากแพทย์อีกครั้ง.
Share:

ซิ่งสยองคู่หู "ตชด."ยังสาหัสให้การไม่ได้


กรณีเหตุพ.ต.ท.วรากร วิทยาบำรุง สว.ตชด.จว.กาญจนบุรีและพ.ต.ท.นพพร กวาวหนึ่ง สว.ตชด จว.เชียงใหม่ขับรถเก๋งมาสด้า 3 สีขาว ทะเบียน ฏศ 3854 กทม. ประสบอุบัติเหตุ เสียหลักชนขอบสะพานข้ามแยกสี่แยกเกษตรฝั่งขาออก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร ทำให้รถหมุนคว้าง ก่อนถูก รถกระบะ อีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฒฐ 5474 กทม. ชนเข้าที่ด้านท้ายรถเก๋งซึ่งติดถังแก๊สจนเกิดระเบิดลุกไหม้ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 ราย บาดเจ็บสาหัส  เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันควบคุมเพลิงและนำตัวผู้บาดเจ็บส่งรพ.เมโย เหตุเกิดเมื่อเช้าของวันที่ 5 ม.ค. ท้องที่สน.พหลโยธินตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันนี้ (6 ม.ค.)  ร.ต.ต.ณัฏฐ์พัฒน์ พึ่งจาบ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเปิดเผยว่า ขณะนี้ตนยังไม่สามารถสอบปากคำตำรวจทั้งสองนายที่ได้รับบาดเจ็บ เพราะแพทย์ยังไม่อนุญาต ให้เจ้าหน้าที่เข้าพบเพื่อสอบปากคำ เนื่องจากอาการบาดเจ็บของทั้ง 2 รายยังคงหนักอยู๋ โดยเฉพาะพ.ต.ท.วรากร ซึ่งเป็นคนขับรถ ถูกไฟลวกและกระดูกชายโครงหัก กระดูกไหปลาร้าร้าว ส่วนพ.ต.ท.นพพรคนนั่งได้รับบาดเจ็บน้อยกว่า แต่ก็ยังต้องพักรักษาตัวสักพัก ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จะรอให้ทางผู้บาดเจ็บรักษาตัวให้หาย ก็จะนัดมาสอบปากคำที่สน.
ร.ต.ต.ณัฏฐ์พัฒน์กล่าวต่ออีกว่า จาการสอบปากคำผู้ขับขี่รถกระบะคู่กรณี ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ รถของตำรวจทั้ง 2 นาย กำลังขับขึ้นสะพานข้ามสี่แยกเกษตรฝั่งขาเข้าแต่เกิดเสียหลักไปชนขอบสะพานฝั่งขาออกจนรถหมุนคว้าง จึงถูกรถกระบะชนท้ายอย่างแรง แต่ผู้ขับขี่รถกระบะไม่ได้รับบาดเจ็บ เพราะคาดเข็มขัดนิรภัย ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 นาย จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีอาการเมาสุรา แต่ทราบว่าทั้งสองขับรถมาจากภาคเหนือเพื่อไปเยี่ยมบ้านที่จ.สมุทรปราการ โดยพยานที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่ารถคันดังกล่าวแล่นมาด้วยความเร็วก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนจะไปขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดตรงสะพานจุดเกิดเหตุ และสอบปากคำทางผู้บาดเจ็บโดยละเอียดเพื่อหาสาเหตุข้อเท็จจริงของคดีดังกล่าวต่อไป
Share:

จยย.ตัดหน้ารถทัวร์แสวงบุญพลิกคว่ำตาย 2 เจ็บระนาว 40












รถทัวร์2ชั้นซิ่งสยองชนจยย. เสียหลักพุ่งตกไหล่ทางเข้าป่าคว่ำตาย 2 เจ็บระนาวกว่า 40 คน ผู้โดยสารสุดระทึกกระโดดหนีตาย ส่วนที่เผ่นไม่ทันติดคารถหวีดร้องขอความช่วยเหลือ ตำรวจระดมกู้ภัยลำเลียงคนเจ็บกระจายส่ง 3 โรงหมอโกลาหล เผยเป็นคณะทัวร์จากสุไหงโก-ลก จะไปทำบุญเมืองตรัง ดันเกิดเรื่องสลดก่อนได้บุญ ตำรวจเร่งสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์หาข้อเท็จจริงดำเนินคดี

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 6 ม.ค. พ.ต.ต.ประวัตร  คชรัตน์  พนักงานสอบสวนสภ.ควนเนียง จ.สงขลา รับแจ้งอุบัติเหตุรถทัวร์ชนรถจยย.มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายรายบนถนนสายเอเชีย ตรงข้ามหน่วยบริการประชาชนแพรกสุวรรณ หมู่11 ต.บางเหรียง เส้นทางระหว่างอ.ควนเนียงกับอ.รัตภูมิ  จึงไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์นเรนทรหาดใหญ่ หน่วยกู้ภัยมูลนิธิมิตรภาพสามัคคีท่งเซียเซี่ยงตึ้งหาดใหญ่ และหน่วยกู้ภัยพร้อมรถพยาบาลในพื้นที่ใกล้เคียง
 
ที่เกิดเหตุ  พบรถบัส 2 ชั้น เลขทะเบียน 30-0060 นราธิวาส ของบริษัทคณายนต์อินเตอร์กรุ๊ป พลิกคว่ำตะแคงข้างอยู่ในป่าข้างทางสภาพพังยับเยิน  ผู้โดยสารกว่า40 ชีวิตติดอยู่ในรถต่างหวีดร้องขอความช่วยเหลือ  ขณะที่บางคนกระโดดหนีออกจากรถได้ทันก็บาดเจ็บส่วนหนึ่ง  จึงรีบลำเลียงผู้บาดเจ็บกระจายส่งรพ.หาดใหญ่ รพ.รัตภูมิ และรพ.บางกล่ำด้วยความโกลาหล   ในจำนวนนี้อาการสาหัสนับสิบคน 
นอกจากนี้ ภายในรถยังพบศพหญิง1 คน และเสียชีวิตระหว่างนำส่งรพ.หาดใหญ่เป็นหญิงอีก 1 คน เบื้องต้นยังไม่ทราบชื่อ   ส่วนรถจยย.ซูซูกิเลข ทะเบียน คนว 881 สงขลา คู่กรณีถูกชนล้มพังเสียหายอยู่บนถนน ผู้ขับขี่ชาย 2คนได้รับบาดเจ็บสาหัสนำส่งรพ.หาดใหญ่เช่นกัน
 
สอบสวนนายเอกชัย ชูศรี อายุ41 ปี คนขับรถทัวร์   เบื้องต้นให้การว่า กำลังนำคณะทัวร์ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่เดินทางจาก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ไปทำบุญที่วัดหัวถนน จ.ตรัง  ถึงจุดเกิดเหตุเป็นทางแยกไม่มีไฟแดง จู่ๆรถจยย.วิ่งตัดหน้ากระชั้นชิดเพื่อจะข้ามไปกลับรถ  ตนพยายามเบรกแต่ไม่ทันจึงพุ่งชน ทำให้รถเสียการควบคุมตกริมทางไปชนต้นไม้และพลิกคว่ำดังกล่าว  ตำรวจจะสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์และคู่กรณีถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
Share:

ออกหมายจับ 2ข้อหาหนัก พ่อโหดกรอกยาพิษฆ่าลูก เจ้าตัวยังปฏิเสธ


คดีที่นางนิต ฟ้าคะนอง ชาวเพชรบุรี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ตำรวจ สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี  เพื่อดำเนินคดีกับนายสุวิน ปิ่นเพชร สามีของตนเอง ซึ่งสงสัยว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุจับบุตร 2 คนคือ ด.ญ.บงกช  หรือน้องบัว ปิ่นเพชรอายุ 7 ปี  และด.ช.ญาณพัฒน์ หรือน้องพัฒน์ปิ่นเพชร  อายุ 5 ปี  กรอกยาพิษ เป็นเหตุให้ด.ญ.บงกช บุตรสาวคนโต เสียชีวิต ส่วนด.ช.ญาณพัฒน์ บุตรชายคนเล็ก ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่งรักษาที่รพ.พระจอมเกล้าจังหวัดเพชรบุรี เนื่องจากนายสุวินต้องการประชดภรรยา ที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทเรื่องหึงหวงและเก็บเสื้อผ้าย้ายไปอยู่ที่อื่น เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา  โดยหลังรับแจ้งความ ตำรวจได้สอบปากคำลงบันทึกประจำวัน รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อรอสอบปากคำ ด.ช.ญาณพัฒน์ ซึ่งล่าสุด น้องพัฒน์รู้สึกตัวและสามารถพูดคุยได้แล้ว ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 16.10 น. วันนี้( 6ม.ค.)พ.ต.ท.ประสงค์. กุลจิตติปราณี รองผกก.สภ.ท่าไม้รวก เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดเพชรบุรี  เลขที่ 4/2556 ลงวันที่ 5 ม.ค.56  กับนาย สุวิน ในข้อหาฆ่าและพยายามฆ่า ตั้งแต่ช่วงดึกที่ผ่านมา และตำรวจได้ติดตามจับกุมนายสุวิน พร้อมควบคุมตัวมาสอบปากคำแล้ว เบื้องต้น ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนนำยาฆ่าแมลงใส่ในขวดน้ำอัดลมให้ลูกดื่ม แต่ได้นำขวดยาไปทิ้งไว้ข้างบ้าน โดยไม่รู้ว่าลูกไปหยิบมากินตั้งแต่ตอนไหนและมาพบอีกครั้งเมื่อตอนที่ลูกน้ำลายฟูมปากอยู่บนที่นอนแล้ว โดยตำรวจได้นำตัวเข้าห้องขังที่ สภ.ท่าไม้รวก และจะนำตัวมาฝากขังต่อศาลจังหวัดเพชรบุรีในวันจันทร์ที่ 7ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การออกหมายจับครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก ด.ช.ญาณพัฒน์ หรือน้องพัฒน์ ปิ่นเพชร ขณะอาการดีขึ้นและสามารถให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แล้วโดย ด.ช.ญาณพัฒน์ ให้การว่านายสุวิน บิดาเป็นคนให้ดื่มน้ำอัดลมที่ผสมยาฆ่าแมลงลงไปในขวด.
Share:

แท็กซี่หนุ่มทะเลาะแฟนสาวคิดสั้นโดดสะพานพระราม3ดับ






หนุ่มขับแท็กซี่กระโดดกลางสะพานพระราม 3 ดับปริศนา เจ้าของอู่รถให้การ ตร.ผู้ตายเคยบ่นให้ฟังว่ามีปัญหาทะเลาะกับแฟนที่คบกันอยู่จนรู้สึกเครียด น่าจะเป็นเหตุของการคิดสั้น
เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 7 ธ.ค. พ.ต.ท.เอกพล ทวิชวงศ์ไชยกุล พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สน.ปากคลองสาน ได้รับแจ้งเหตุคนกระโดดสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาฆ่าตัวตาย บริเวณกลางสะพานพระราม 3 ขาเข้า มุ่งหน้าพระนคร แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กทม.จึงรายงานผู้บังคับบัญชาก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง
 
ที่เกิดเหตุบริเวณกลางสะพานดังกล่าว ช่องทางซ้ายสุดพบรถแท็กซี่โตโยต้า ออลติส สีชมพู ทะเบียน ทว3191 กรุงเทพมหานคร ของสหกรณ์ แท็กซี่อิสระ จำกัด จอดเปิดไฟฉุกเฉินอยู่ จากการตรวจสอบภายในรถพบพบกระเป๋าสะพายข้างสีดำภายในลิ้นชักของรถ ด้านในมีเอกสารบัตรประชาชน ของนายยุพิน สิงธิมาศ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 2 ต.แสนสุข อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นของผู้ตาย รูปภาพผู้ตายกับแฟนสาว กว่า 10 ใบ และขวดยาวิตตามิน 1 ขวด ทั้งนี้ยังพบใบปล่อยตัวผู้ตายซึ่งเคยต้องโทษคดีรับของโจรจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ลงวันที่ 8 ธ.ค.54 ที่ผ่านมาจึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
 
จากการสอบถามนายอนุศักดิ์ กรมแสง อายุ 35 ปี เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังขับรถขึ้นมาบนสะพานดังกล่าวจู่ๆก็เห็นรถแท็กซี่จอดเปิดไฟฉุกเฉินอยู่ ตนจึงจอดรถสังเกตการณ์ ทันใดนั้นก็เห็นโชเฟอร์รถเดินออกมาจากตัวรถแล้วเดินอ้อมด้านหน้ารถปีนขอบสะพานก่อนตัดสินใจกระโดดโดยทันที จนรู้สึกตกใจก่อนโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
 
ด้าน นาย นิธาน สิริภา อายุ 37 ปี  เจ้าของอู่รถแท็กซี่ เปิดเผยว่า ผู้ตายเพิ่งได้มาขับรถแท็กซี่อู่ของตนได้เพียง 2 วันเท่านั้น ก่อนหน้านี้เคยบ่นให้ฟังว่ามีปัญหาทะเลาะกับแฟนที่คบกันอยู่จนรู้สึกเครียดมาก ทั้งนี้เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ผู้ตายได้มายืมเงินตนไป 500 บาท แต่ตนก็ไม่ได้เอะใจแต่อย่างใดจนมาทราบข่าวอีกทีว่านายยุพินได้เสียชีวิตไปแล้ว
 
พ.ต.ท.เอกพล เผยว่า เบื้องต้นทางจากการสอบสวนเจ้าหน้าที่สันนิษฐานสาเหตุการตายว่าผู้ตายได้มีปัญหาทะเลาะกับแฟนสาวจนเกิดความเครียดจนเป็นเหตุคิดสั้นกระโดดลงจากสะพานดังกล่าวเสียชีวิตอย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะเรียกญาติผู้ตายมาทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง และจะทำการประสานเจ้าหน้าที่ชุดปะดาน้ำลงตรวจสอบค้นหาผู้ตายเพื่อนำศพส่งชันสูตรที่นิติเวชฯรพ.ศิริราช เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
Share:

ผัวโมโหหิวพลั้งมือฆ่าเมียรักดับอนาถ


เมื่อวันที่ 6 ม.ค. พ.ต.ท.ประจักร สุขคง พนักงานสอบสวน สภ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท เปิดเผยว่า เมื่อช่วงดึกวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจาก รพ.ชัยนาทนเรนทรว่า มีผู้บาดเจ็บจากการถูกของมีคมฟันที่ลำคอเป็นแผลเหวอะถูกนำตัวมารักษาที่ห้องฉุกเฉิน จึงรุดไปตรวจสอบพบ นางลำแพน อินทร์กลับ อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 488 หมู่ 4 ต.คุ้งสำเภา อ.มโนรมย์ อาชีพเป็นสาวโรงงานเย็บรองเท้า ถูกฟันบริเวณลำคอเป็นทางยาว 4 ซ.ม. อาการสาหัส ก่อนจะทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนผู้ที่ก่อเหตุคือ นายสินชัย หรือเปี๊ยก แสงเดือน อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นสามีของผู้ตาย เจ้าหน้าที่นำกำลังไปจับกุมได้ใกล้เคียงบ้านพักผู้ตาย โดยอยู่ในอาการมึนเมาอย่างหนัก จากนั้นได้นำไปหามีดของกลางที่ตกอยู่ในบ้านพักและคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.มโนรมย์
สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า มีอาชีพรับจ้างหว่านปุ๋ยและฉีดยาฆ่าแมลงให้นาข้าว ยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือสังหารผู้ตายจริงแต่เกิดจากอุบัติเหตุ ซึ่งก่อนเกิดเหตุนั้น ตนรู้สึกหิวข้าวจนตาลายหลังกลับมาจากไปหว่านปุ๋ยนาข้าวเสร็จ แต่พอสอบถามถึงข้าวปลาอาหาร ผู้ตายกลับตอบว่ายังไม่ได้ตระเตรียมอะไรไว้เลย แถมข้าวก็ยังไม่ได้หุง ด้วยความโมโหหิวที่อุตส่าห์มุ่งหน้ามากินข้าวที่บ้านไม่ยอมแวะข้างทาง จึงด่าทอจนเกิดการโต้เถียงกัน ก่อนที่ผู้ตายจะวิ่งไปหยิบมีดปลายแหลมจากห้องครัวเข้ามาทำร้าย ก่อนจะมีการยื้อยุดฉุดกระชากกันขึ้น กระทั่งเกิดพลาดจนปลายมีดฟันไปที่ลำคอผู้ตายหนึ่งครั้งจนเสียชีวิต ซึ่งพอตั้งสติได้ก็รู้สึกเสียใจมาก รวมทั้งไม่มีอาการหิวแล้ว จึงไปเรียกคนมาช่วยเหลือนำผู้ตายไปส่งโรงพยาบาล จากนั้นก็ไปซื้อเหล้าขาวมากินย้อมใจดังกล่าว.
Share:

โปลิศศรีสะเกษรวบหนุ่มใหญ่ร่วมกันฆ่า ตร.









วันนี้ (4 ม.ค.) ที่ สภ.โดนเอาว์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ  พล.ต.ต.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ แถลงข่าวผลการจับกุมตัวนายสมัย ราชบุญคุณ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 177 หมู่ 8 ต.โคกสะอาด อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดศรีสะเกษ เลขที่ 6/2556 ลงวันที่ 3 ม.ค. 56 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น

  ทั้งนี้เหตุเกิดเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 26 มี.ค. 2542 ที่ผ่านมา นายสมัย และเพื่อนรวม 6 คน ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และนั่งซ้อนท้ายกันคันละ 3 คน จำนวน 2 คัน ซึ่งคันที่ 2 มีนายสมัย เป็นคนขับ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณถนนสายบ้านโพธิ์-โนนดั่ง ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ รถคันที่ 1 ได้ขับหลบหลุมบนถนนสายดังกล่าวไปเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ของ ส.ต.อ.บุญรัตน์ บุญเทียน เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด สภ.เมืองศรีสะเกษ จนล้มได้รับบาดเจ็บ จากนั้นนายสมัยและเพื่อนได้ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ส.ต.อ.บุญรัตน์ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ต้องหาทั้งหมดได้ขับรถหลบหนีไป กระทั่งมาถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.ศรีสะเกษ ร่วมกับ สภ.โดนเอาว์ สภ.บึงมะลู และ สภ.กันทรลักษ์ และเจ้าหน้าที่ทหาร ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว นายประสิทธิ์ มั่นชาติ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 221 หมู่ 2 ต.ทุ่งใหญ่ อ.กันทรลักษ์ พร้อมของกลางอาวุธปืนสงคราม เซกาเซ จำนวน 1 กระบอก และนายสุรศักดิ์ ยอดสิงห์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 176 หมู่ 2 ต.ทุ่งใหญ่ อ.กันทรลักษ์ พร้อมของกลางอาวุธปืนสงคราม อาก้า เอเค 47 จำนวน 1 กระบอก โดยแจ้งข้อหามีและพกพาอาวุธปืนสงคราม โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งได้จับกุมตัวนายโพด ยศ อายุ 51 ปี และนายโต๊ะ ชื่น อายุ 65 ปี ชาวกัมพูชา หลังลักลอบเข้ามาตัดไม้พะยูงหวงห้าม ในเขตแดนไทย ที่บริเวณป่าพนมตาชัย ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก ทับซ้อนเขตป่าสงวนแห่งชาติ (ป่าเขาพระวิหาร) พร้อมของกลางไม้พะยูง 9 ท่อน/เหลี่ยม ปริมาตร 0.21 ลบ.ม. เลื่อยมือ 1 ปื้น จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
Share:

งัดปมเขาพระวิหารไล่รัฐบาลปู "ขาประจำ"ปลุกม็อบนัดรวมพล 21 ม.ค. ลั่นม้วนเดียวจบ


วันนี้ ( 6 ม.ค.)  ที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค แนวร่วมคนไทยรักชาติ รักษาแผ่นดิน นำโดย พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แนวร่วมคนไทย รักชาติรักษาแผ่นดิน นายไพศาล พืชมงคล อดีตสนช. ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ นักวิชาการ ได้ร่วมจัดรายการ หักศอกนอกทำเนียบ ภาคพิเศษ "ตั้งหลักประเทศไทย หยุดประชาธิปไตยสามานย์" มีการอภิปรายถึงข้อพิพาทและแนวทางการต่อสู้ของรัฐบาลต่อกรณีปราสาทพระวิหารที่ศาลโลกเตรียมชี้ขาดในเดือนต.ค.-ธ.ค.นี้
 
ม.ล.วัลย์วิภา กล่าวว่า รัฐบาลได้ออกมาพูดว่าจะสู้ แต่จะสู้ในหนทางใด เมื่อทางกัมพูชาร้องเพื่อให้รองรับแผนที่ของทางฝรั่งเศส 1 ต่อ 2 แสน ตารางกิโลเมตร ซึ่งรัฐบาลทราบว่าเราจะเสียพื้นที่แน่นอน เพราะเป็นเหมือนการยอมรับเรื่องเขตแดนตามคำตัดสินของศาลโลกเมื่อปี 2505 และไทยจะต้องสูญเสียพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหารทันที ส่วนเอ็มโอยู 43 ที่กัมพูชาพูดถึงเป็นในยุคของนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ ที่มีการเป็นเซ็นรับรองไปแล้ว   ขอให้เชื่อมั่นในกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ เมื่อฝ่ายบริหารไม่ทำหน้าที่แล้ว เราจะใช้พลังประชาชนเข้าไปกดดันทุกวิถีทาง
 
ด้าน พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า ประเด็นของเขาพระวิหาร ขอตั้งข้อสังเกตถึง เจ๊ ด.ที่ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 เดือน บอกว่าจะไม่ให้ลูกสาวแต่งงานกับนักการเมืองกัมพูชา แต่ผ่านไปไม่นานก็กลับยกลูกสาวให้เขาไป ไม่รู้จะเกี่ยวข้องอะไรกับผลประโยชน์ปมเขาพระวิหารหรือไม่
 
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน กล่าวว่า วันที่ 14 ม.ค. ทางกลุ่มจะไปยื่นฟ้องกล่าวหารัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศต่อศาลอาญา  เนื่องจากเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จกรณีไทย – กัมพูชา ต่อสาธารณะชน และในวันที่ 21 ม.ค.จะนัดชุมนุมใหญ่ เพื่อเดินขบวนยื่นหนังสือเรียกร้อง พร้อมกับรายชื่อประชาชนที่เห็นด้วยต่อประธานศาลฎีกา และต่อผู้นำเหล่าทัพ โดยมีรายชื่อประชาชนที่เห็นด้วยประมาณ 5.7 แสนรายชื่อ และคาดว่าภายในวันที่ 21 ม.ค.จะมีรายชื่อผู้เห็นด้วยประมาณ 1 ล้านรายชื่อ ซึ่งจะมีการชุมนุมที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เริ่มเวลา13.00น.  เป็นการชุมนุมแบบม้วนเดียวจบ
Share:

ตั้งค่าหัวล่าไอ้หื่นโรคจิตตระเวนขยี้กามแม่เฒ่า


วันนี้ (4 ม.ค.) นายรุจน์ประทีป ธรรมรพีภัทร์ นายอำเภอบางคนที จ.สมุทรสงคราม กล่าวถึงคดีที่มีคนร้ายโรคจิตตระเวนก่อเหตุข่มขืนหญิงสาวสูงวัยในพื้นที่ ว่า คดีนี้ผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นคนไทยในพื้นที่ซึ่งรู้ความเคลื่อนไหวของเหยื่อแต่ละรายอย่างดีพอสมควร โดยจะเลือกเหยื่อที่อยู่เพียงลำพัง ในช่วงระหว่างตีสามจนถึงช่วงย่ำรุ่ง ที่สำคัญเป็นบุคคลคนเดียวกันอย่างแน่นอน เพราะผลตรวจดีเอ็นเอที่พบในแต่ละคดีตรงกันทั้งหมด ทำให้ขณะนี้ชาวบ้านโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในข่ายจะตกเป็นเหยื่อรู้สึกกังวลใจอย่างมาก ไม่เป็นอันทำมาหากิน บางรายกลัวมากถึงขึ้นไม่กล้าออกมาใส่บาตรพระตอนเช้าด้วยซ้ำ จึงขอใช้เงินส่วนตัวตั้งเงินรางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแสจนสามารถจับกุมคนร้ายรายนี้ได้ 50,000 บาท
ด้าน พ.ต.อ.ประพาส อินตา ผกก.สภ.บางคนที กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า แม้ส่วนตัวจะเพิ่งย้ายมาหน้าที่ได้ไม่นาน แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามติดตามตัวคนร้ายอย่างใกล้ชิด โดยสามารถออกภาพสเก็ตคนร้ายรายนี้ได้แล้ว ทั้งยังมีการติดตั้งสัญญาณเตือนภัยให้กับชาวบ้านที่อยู่เกณฑ์สุ่มเสี่ยงถึง 11 จุด อย่างไรก็ตามคดีนี้ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ด้วย หากพบผู้ใดต้องสงสัยสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทันที
สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 ม.ค.2555 หลังคนร้ายก่อเหตุข่มขืนฆ่าเปลือย น.ส.บุญอารีย์ โกมล อายุ 61 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านพักกลางสวนมะพร้าวเพียงลำพัง ส่วนครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ต.ค. ไอ้โรคจิตก่อเหตุข่มขืนผู้เสียหายวัย 70 ปี ขณะออกไปดูแลสวนผลไม้ ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุแรกไม่มากนัก ครั้งที่ 3 เกิดขึ้นในวันที่ 6 ธ.ค. ก่อเหตุขืนใจผู้เสียหายอายุ 59 ปี สำหรับครั้งล่าสุดเพิ่งเกิดเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ไอ้โฉดก่อเหตุทำร้ายร่างกายและพยายามข่มขืนผู้เสียหายอายุ 47 ปี ซึ่งทั้งหมดเกิดในท้องที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม.
Share:

ตั้งค่าหัวล่าไอ้หื่นโรคจิตตระเวนขยี้กามแม่เฒ่า


วันนี้ (4 ม.ค.) นายรุจน์ประทีป ธรรมรพีภัทร์ นายอำเภอบางคนที จ.สมุทรสงคราม กล่าวถึงคดีที่มีคนร้ายโรคจิตตระเวนก่อเหตุข่มขืนหญิงสาวสูงวัยในพื้นที่ ว่า คดีนี้ผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นคนไทยในพื้นที่ซึ่งรู้ความเคลื่อนไหวของเหยื่อแต่ละรายอย่างดีพอสมควร โดยจะเลือกเหยื่อที่อยู่เพียงลำพัง ในช่วงระหว่างตีสามจนถึงช่วงย่ำรุ่ง ที่สำคัญเป็นบุคคลคนเดียวกันอย่างแน่นอน เพราะผลตรวจดีเอ็นเอที่พบในแต่ละคดีตรงกันทั้งหมด ทำให้ขณะนี้ชาวบ้านโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในข่ายจะตกเป็นเหยื่อรู้สึกกังวลใจอย่างมาก ไม่เป็นอันทำมาหากิน บางรายกลัวมากถึงขึ้นไม่กล้าออกมาใส่บาตรพระตอนเช้าด้วยซ้ำ จึงขอใช้เงินส่วนตัวตั้งเงินรางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแสจนสามารถจับกุมคนร้ายรายนี้ได้ 50,000 บาท
ด้าน พ.ต.อ.ประพาส อินตา ผกก.สภ.บางคนที กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า แม้ส่วนตัวจะเพิ่งย้ายมาหน้าที่ได้ไม่นาน แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามติดตามตัวคนร้ายอย่างใกล้ชิด โดยสามารถออกภาพสเก็ตคนร้ายรายนี้ได้แล้ว ทั้งยังมีการติดตั้งสัญญาณเตือนภัยให้กับชาวบ้านที่อยู่เกณฑ์สุ่มเสี่ยงถึง 11 จุด อย่างไรก็ตามคดีนี้ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ด้วย หากพบผู้ใดต้องสงสัยสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทันที
สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 ม.ค.2555 หลังคนร้ายก่อเหตุข่มขืนฆ่าเปลือย น.ส.บุญอารีย์ โกมล อายุ 61 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านพักกลางสวนมะพร้าวเพียงลำพัง ส่วนครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ต.ค. ไอ้โรคจิตก่อเหตุข่มขืนผู้เสียหายวัย 70 ปี ขณะออกไปดูแลสวนผลไม้ ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุแรกไม่มากนัก ครั้งที่ 3 เกิดขึ้นในวันที่ 6 ธ.ค. ก่อเหตุขืนใจผู้เสียหายอายุ 59 ปี สำหรับครั้งล่าสุดเพิ่งเกิดเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ไอ้โฉดก่อเหตุทำร้ายร่างกายและพยายามข่มขืนผู้เสียหายอายุ 47 ปี ซึ่งทั้งหมดเกิดในท้องที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม.
Share:

รายงานพิเศษ “อุทาหรณ์ยิงปืนขึ้นฟ้า”



ก่อนเทศกาลปีใหม่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เตือนอันตรายจากการยิงปืนขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมออกมาตรการคุมเข้ม แต่ยังคงมีผู้ฝ่าฝืน ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นอุทาหรณ์ของสังคม ติดตามรายงานพิเศษจาก”เดลินิวส์ทีวี”
Share:

"ธาริต" เชื่อเข้าใจผิดโยงดีเอสไอเอี่ยวแบน "เหนือเมฆ 2 " ชี้สอบสัมปทานช่อง 3 ไม่เกี่ยวทำละคร



เมื่อวันที่ 6 ม.ค. นายธาริต  เพ็งดิษฐ์  อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)  กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดีเอสไอเข้าไปเกี่ยวข้องกับการแบนละครเหนือเมฆ 2 ทางช่อง 3 ว่า  ยืนยันดีเอสไอไม่ได้ใช้อำนาจหรือเข้าไปดำเนินการใดๆ ที่มีส่วนกับการตัดสินใจยุติการออกอากาศละครเรื่องดังกล่าว เพราะการยุติละครไม่ได้มีผลกับดีเอสไอหรือเรื่องที่ดีเอสไอดำเนินการอยู่คือกรณีที่ชมรมนักกฎหมายพิทักษ์ผลประโยชน์รัฐ ร้องขอให้ตรวจสอบกรณีบริษัท อสมท.จำกัด (มหาชน)   ต่อสัญญาร่วมดำเนินกิจการส่งโทรทัศน์สีกับบริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้น จำกัด (ช่อง 3) ทำให้ช่อง 3 ได้รับการขยายอายุสัมปทานออกไปเป็นระยะเวลา 10 ปี
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวเพิ่งเริ่มขั้นตอนการตรวจสอบตามคำร้อง  ยังไม่ได้รับเป็นคดีพิเศษ  เบื้องต้นดีเอสไอได้ทำหนังสือเชิญตัวแทนผู้ถูกร้องทั้ง 2 ฝ่ายคือนายวิชัย  มาลีนนท์ กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ฯ และนายสุรพล  นิติไกรพจน์  ประธานกรรมการ บริษัท อสมท.ฯ มาชี้แจงรายละเอียดตามคำร้องในวันที่ 16 ม.ค.นี้เท่านั้น  ทั้งนี้การออกหนังสือเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้ง 2ช่อง เข้าชี้แจงข้อมูลนั้นยังไม่มีฝ่ายใดขอเลื่อนการให้ปากคำ 
 
นายธาริต ย้ำว่าการตรวจสอบข้อร้องเรียนเรื่องสัญญาสัมปทานของช่อง 3 ไม่เกี่ยวกับการทำละคร ดังนั้น เรื่องการยุติละครจึงไม่ใช่สิ่งที่มีผลกระทบกับการพิจารณาของดีเอสไอ  การทำละครเป็นสัญญาระหว่างบริษัทผู้สร้างกับทางช่อง ไม่มีส่วนใดที่ดีเอสไอจะเข้าไปเกี่ยวข้องได้เลย กระแสการวิจารณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่าเป็นความเข้าใจผิด ซึ่งตนไม่ได้เฝ้าสังเกตการณ์หรือต้องจับตาเพื่อตรวจสอบ
Share:

“เบบี้คริสตัล” มหันตภัยของเล่นเด็ก




สคบ.เร่งตรวจสอบแหล่งที่มา “เบบี้คริสตัล” หวั่นเด็กรับประทานเข้าไป อาจเกิดอันตรายร้ายแรงขึ้นได้
ตามที่มีเด็กนักเรียนประถมในจังหวัดชลบุรี พากันแห่ซื้อเม็ดเบบี้คริสตัลไปเล่น จนหลายฝ่ายหวั่นเกรงอันตรายที่อาจตามมานั้น ล่าสุด ทาง สคบ.ได้สั่งตรวจสอบที่มาของสินค้าประเภทนี้แล้ว เพราะจัดอยู่ในสินค้าห้ามขาย มีความผิดตามพ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค เชิญติดตามได้จากรายงานพิเศษ “เดลินิวส์ทีวี”
Share:

แบน "เหนือเมฆ 2 " จี้ "ช่อง 3-ทีมละคร" แถลงปมชัดๆ อย่าคลุมเครือ




ร้อนไม่หยุดปมแบน "เหนือเมฆ 2 " ในโลกไซเบอร์ยังร้อน แฉ 6 กลุ่มนักโพสต์-นักทวีต จี้ "ช่อง 3-ทีมละคร" แถลงสาเหตุหยุดออนแอร์ชัด อย่าปล่อยคลุมเครือ "ตู่-นพพล" โพสต์เผ็ด "...ไอ้ที่ออกมาพูดก็ระดับปลายแถวเกินกว่าจะรู้ตื้นลึกหนาบาง...” ขณะที่ ผกก.ดังเหน็บรัฐบาลปิดกั้นสื่อ
ยังกลายเป็นประเด็นร้อน กรณีสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 มีคำสั่งฟ้าผ่าหยุดออนแอร์ ละครเนื้อหาล้อการเมือง "เหนือเมฆ 2 ตอน มือปราบจอมขมังเวทย์" ท่ามกลางกระแสข่าวที่ยังคลุกฝุ่นไม่ชัดเจน แพร่สะพัดในโลกไซเบอร์ต่างๆ นานา ว่าสาเหตุเกิดจากนักการเมืองคนแดนไกลไม่พอใจโทรศัพท์บีบสั่งแบน  หรือนักการเมืองซีกรัฐบาลไม่พอใจ ซึ่งดูเหมือนจะพุ่งประเด็นหรือโยนเผือกร้อนๆ ใส่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
แม้ล่าสุดทั้งนายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนายกฯ และหลายคนในพรรคเพื่อไทยออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาร้อนๆ ว่า การสั่งแบนละครเรื่องดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ไม่เกี่ยวข้องกับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และไม่เกี่ยวข้องกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เพราะไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะทำแบบนั้น มีแต่จะตกเป็นเป้าถูกโจมตีเปล่าๆ
ขณะที่  แซนด์-ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ หลานและหนึ่งในทีมงานของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็เขียนทวิตเตอร์ว่า ละครเรื่องดังกล่าวทั้งนายกฯ และทีมงานไม่เคยได้ดู ไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องเป็นอย่างไร ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ พร้อมเรียกร้องให้ช่อง 3 ใช้เวทีครอบครัวข่าวชี้แจงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
ขณะที่ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ ก็ดาหน้าออกมาถล่มรัฐบาลตามฟอร์ม พร้อมเรียกร้ององค์กรนั่นองค์กรนี้ออกมาตรวจสอบ
และแม้ล่าสุด พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. จะออกมาระบุว่า ได้คุยกับผู้บริหารระดับสูงของช่อง 3 แล้ว ซึ่งชี้แจงว่าเนื้อหาของละครขัดมาตรา 37 จึงต้องงดออกอากาศ แต่ไม่ได้บอกว่าเนื้อหาตรงส่วนไหนขัดมาตราดังกล่าว  
พร้อมระบุว่า การที่ช่อง 3 งดออกอากาศละครเหนือเมฆ 2 คิดว่าช่อง 3 คงพิจารณาดีแล้วว่าตัวเนื้อหาละครไม่เหมาะสม และโดยส่วนตัวไม่เห็นว่ารัฐบาลเข้าไปยุ่งหรือกำกับสื่อ แต่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการปรับตัวของสื่อ ซึ่งเกิดจากระบบตรวจสอบที่เคยผิดพลาดกรณีไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ทำให้ช่อง 3 มีการตรวจสอบที่เข้มงวด และตรวจสอบก่อนจะผิดพลาดอีก ซึ่งสิ่งที่ต้องทำของช่อง 3 ขณะนี้คือ ต้องชี้แจงกับประชาชนว่าทำไมต้องจบละครเรื่องเหนือเมฆ 2 เร็ว
 สำหรับมาตรา 37 ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ระบุว่า ห้ามออกอากาศเนื้อหารายการที่มีลักษณะล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทำซึ่งเข้าลักษณะลามกอนาจารหรือมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง
จะเห็นว่าแม้ฝ่ายรัฐบาลจะออกมาชี้แจงแล้ว  ฝ่าย กสทช.จะออกมาชี้แจงแล้ว แต่กระแสในโลกอินเทอร์เน็ต กลับไม่ได้ลดดีกรีความร้อนแรงลงเลย ยังมีการโพสต์ หรือทวีตแสดงความเห็นกันตลอด โดยพอจะแยกกลุ่มนักโพสต์และนักทวีตได้เป็น 6 กลุ่มดังนี้
 1.กลุ่มแฟนละครตัวจริงเสียงจริง ที่ต้องการดูละคร กลุ่มนี้จะต่อว่ารัฐบาล ต่อว่าช่อง 3 และให้กำลังใจทีมละคร โดยมีเป้าหมายเพราะอยากดูละครให้จบจริงๆ  
 2.กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคการเมืองฝั่งข้ามรัฐบาลและเป็นแฟนละครด้วย กลุ่มนี้จะต่อว่ารัฐบาล และช่อง 3 เป็นหลัก เข้าทำนองอยากดูละครมาก แต่พอมีปัญหาก็ได้ที่ถล่มรัฐบาล และช่อง 3 ไปในตัว (เพราะก่อนหน้านี้พรรคที่ตัวเองสนับสนุนมีปัญหากับผู้ประกาศข่าวชื่อดังของช่องนี้)
 3.กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามรัฐบาลล้วนๆ กลุ่มนี้ไม่ได้ดูละครช่อง 3 หรือละครเรื่องนี้ด้วยซ้ำ แต่ได้ทีกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ขอผสมโรงด้วย
4.กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลและเป็นแฟนละคร กลุ่มนี้จะออกแนวๆ ต่อว่าช่อง 3 เพราะทำให้อดดูละคร  และแก้ข้อกล่าวหาแทนรัฐบาล ว่าไม่ได้แทรกแซง
5.กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลเพียวๆ อันนี้ไม่ได้ดูละครหรอก แต่ออกมาแก้ข้อกล่าวหาแทนรัฐบาล และอัดฝ่ายโจมตีรัฐบาล กับถล่มช่อง 3 แบบหนักๆ  โดยยกเหตุผลต่างๆ นานา มาแสดง อาทิ จะมาบีบสั่งแบนอะไรก็ตอนใกล้จะจบ มีแต่จะโดนด่าเปล่าๆ  หรือหนักขึ้นไปก็ยกปมร้อนกรณี ประธานชมรมนักกฎหมายพิทักษ์ผลประโยชน์รัฐ ร้องทุกข์ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ตรวจสอบช่อง 3 ที่ได้รับการขยายอายุสัมปทานออกไปอีก  10 ปี เมื่อปี 53
แถมพ่วงต่อว่าทีมละคร ที่เอาแต่ออกมาทวีต –โพสต์ขอความเห็นใจ แต่ไม่ยอมบอกสาเหตุชัดๆ รวมทั้งเรียกร้องให้ทั้งช่อง 3 และทีมละครออกมาแถลงความจริงให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย อย่าปล่อยให้คลุมเครือแบบนี้
 6.กลุ่มคนรักช่อง 3 หรือแฟนคลับช่อง 3 (แฟนช่องไม่ใช่แฟนละครเรื่องใดเรื่องหนึ่ง)  อันนี้จะให้กำลังใจช่อง 3 แม้จะน้อยใจนิดๆ บ่นหน่อยๆ ที่มาแบนละคร แต่เพราะเป็นแฟนคลับของช่อง 3 จริงๆ อันนี้ไม่มีปัญหา เพราะดูละครแรงปรารถนา แทนก็ได้ สนุกดี ณเดชน์ ก็หล่อ คิมเบอร์ลี ก็สวย หยวนๆ
 ล่าสุด    ตู่-นพพล โกมารชุน ผู้กำกับและนักแสดงอาวุโส ซึ่งรับบทเป็น “ดร.เมฆา” ในละครเรื่อง “เหนือเมฆ 2” โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กข้อความสุดเผ็ดร้อน "...ไอ้ที่ออกมาพูดก็ระดับปลายแถวเกินกว่าจะรู้ตื้นลึกหนาบาง...”
 ขณะที่ ยุทธนา มุกดาสนิท ผู้กำกับภาพยนตร์และละครชื่อดัง ออกมาแสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า “ประชาธิปไตยแบบปูแดงกรรเชียง!!!!! จำเอาไว้แล้วกัน ปิดกั้นสื่อ ปิดกั้นภาพสะท้อนที่แตกต่างขอร่วมประณามรัฐเผด็จการครับ!!!”
 ส่วน อรรถพร ธีมากร ดาราหนุ่มและผู้กำกับชื่อดัง โพสต์ในเฟซบุ๊ก ระบุว่า "นี่เป็นกรณีศึกษาหนึ่งของสังคมไทยระหว่างผู้มีอำนาจกับคนทำงานสื่อ สะท้อนสังคม เรามีแค่มือกับสมอง เค้ามีอำนาจ นี่คือ สังคมประชาธิปไตยของสังคมไทยในยุคนี้คับ ขอคารวะ"
 นอกจากนี้ มีผู้ใช้ชื่อว่า Aken01 ได้โพสต์วิดีโอเพลงที่ดัดแปลงจากเพลง "เกิดมาก็แค่รักกัน" ของวงบิ๊กแอสส์ ที่ดัดแปลงโดย DRZO Devil Resonate ซึ่งเนื้อหาของเพลงมีเนื้อเสียดสีการแบนละคร "เหนือเมฆ"  ลงในยูทูปด้วย
 ประเด็นร้อนของการแบนละคร “เหนือเมฆ 2  ตอน มือปราบจอมขมังเวทย์"  ความจริงเป็นอย่างไร และเรื่องนี้จะจบลงตรงไหน คงต้องติดตามกันต่อไป (คิดซะว่าเหมือนกำลังดู "ละคร" เรื่องหนึ่งน่ะ)
Share:

ซิ่งสยองคู่หู "ตชด."ยังสาหัสให้การไม่ได้


กรณีเหตุพ.ต.ท.วรากร วิทยาบำรุง สว.ตชด.จว.กาญจนบุรีและพ.ต.ท.นพพร กวาวหนึ่ง สว.ตชด จว.เชียงใหม่ขับรถเก๋งมาสด้า 3 สีขาว ทะเบียน ฏศ 3854 กทม. ประสบอุบัติเหตุ เสียหลักชนขอบสะพานข้ามแยกสี่แยกเกษตรฝั่งขาออก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร ทำให้รถหมุนคว้าง ก่อนถูก รถกระบะ อีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฒฐ 5474 กทม. ชนเข้าที่ด้านท้ายรถเก๋งซึ่งติดถังแก๊สจนเกิดระเบิดลุกไหม้ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 ราย บาดเจ็บสาหัส  เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันควบคุมเพลิงและนำตัวผู้บาดเจ็บส่งรพ.เมโย เหตุเกิดเมื่อเช้าของวันที่ 5 ม.ค. ท้องที่สน.พหลโยธินตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันนี้ (6 ม.ค.)  ร.ต.ต.ณัฏฐ์พัฒน์ พึ่งจาบ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเปิดเผยว่า ขณะนี้ตนยังไม่สามารถสอบปากคำตำรวจทั้งสองนายที่ได้รับบาดเจ็บ เพราะแพทย์ยังไม่อนุญาต ให้เจ้าหน้าที่เข้าพบเพื่อสอบปากคำ เนื่องจากอาการบาดเจ็บของทั้ง 2 รายยังคงหนักอยู๋ โดยเฉพาะพ.ต.ท.วรากร ซึ่งเป็นคนขับรถ ถูกไฟลวกและกระดูกชายโครงหัก กระดูกไหปลาร้าร้าว ส่วนพ.ต.ท.นพพรคนนั่งได้รับบาดเจ็บน้อยกว่า แต่ก็ยังต้องพักรักษาตัวสักพัก ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จะรอให้ทางผู้บาดเจ็บรักษาตัวให้หาย ก็จะนัดมาสอบปากคำที่สน.
ร.ต.ต.ณัฏฐ์พัฒน์กล่าวต่ออีกว่า จาการสอบปากคำผู้ขับขี่รถกระบะคู่กรณี ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ รถของตำรวจทั้ง 2 นาย กำลังขับขึ้นสะพานข้ามสี่แยกเกษตรฝั่งขาเข้าแต่เกิดเสียหลักไปชนขอบสะพานฝั่งขาออกจนรถหมุนคว้าง จึงถูกรถกระบะชนท้ายอย่างแรง แต่ผู้ขับขี่รถกระบะไม่ได้รับบาดเจ็บ เพราะคาดเข็มขัดนิรภัย ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 นาย จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีอาการเมาสุรา แต่ทราบว่าทั้งสองขับรถมาจากภาคเหนือเพื่อไปเยี่ยมบ้านที่จ.สมุทรปราการ โดยพยานที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่ารถคันดังกล่าวแล่นมาด้วยความเร็วก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนจะไปขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดตรงสะพานจุดเกิดเหตุ และสอบปากคำทางผู้บาดเจ็บโดยละเอียดเพื่อหาสาเหตุข้อเท็จจริงของคดีดังกล่าวต่อไป
Share:

รวบเพิ่มสองกะเทยแสบแก๊งมอมยา


วันนี้ ( 5 ม.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น. พ.ต.อ.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ ผกก.สภ.สัตหีบ พ.ต.ท.ประกอบ แสงพริ้ง รอง ผกก.ปป. พ.ต.ท.นิพนธ์ ป้อมสนาม รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ฐปณัธ ชญาณพัฒน์ สว.สส. และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ร่วมกันจับกุมนายธรากร ร้อยชั่ง หรือนิก ภูมิลำเนาเลขที่ 328 ม.4 ต.สามสวน อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ และนายธนสร กาหา หรือ กบ ภูมิลำเนาเลขที่ 127 ม.2 ต.บางระกำ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม สาวประเภทสอง ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีร่วมกันลักทรัพย์ และรับของโจร

พ.ต.อ.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ ผกก.สภ.สัตหีบ เปิดเผยว่า หลังได้ทำการจับนายนายพิมชนก หรือประวัติ ศรีกุลดร อายุ 27 ปี สาวประเภท 2 ภูมิลำเนาเลขที่ 3 ม.8 ต.บ้านโคก อ.โคกโพธิ์ไชย จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา คดีลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืน พร้อมของกลาง รถเก๋ง โตโยต้า วีออส สีขาว ทะเบียน ขข-7443 ชลบุรีที่ก่อเหตุมอมยา นายอเล็กส์ซานเดอร์ มาตูซอร์ฟ ( Mr.Alexander Matusov ) อายุ 50 ปี นักธุรกิจชาวรัสเซีย ที่ซื้อบริการสาวประเภท 2 มาจากชายหาดจอมเทียน ซอยชัยพฤกษ์ เข้ามาร่วมหลับนอนกัน ภายในบ้านพักเลขที่ 88/112 หมู่บ้านคูณสุข 1 ม.3 ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ก่อนลักทรัพย์ไปเป็นทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท และได้ทำการสืบทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้มีส่วนร่วมกับการลักทรัพย์ โดยทั้งคู่มีพฤติกรรมร่วมกันนำพาทรัพย์สิน และได้รับค่าจ้างวางคนละ 2,000 บาท จึงได้ทำการติดตามจับกุมทั้งคู่ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องพักเขตเมืองพัทยา ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ ชุดสืบสวนสัตหีบสามารถติดตามจับกุมคนร้ายไว้ได้ทั้งหมด นับเป็นการเรียกภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศกลับคืนมา
Share:

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ 095-219-0106

Popular Posts

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Blog Archive

Followers

Blog Archive