วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555
ผ่นแปะสิวนาโน คว้าท็อปโหวตงานวิจัยที่น่าลงทุน
วันนี้ (20 ก.ย.) ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ภายในงาน นาสด้า อินเวสเตอร์เดย์ ประจำปี 2555 ซึ่งจัดขึ้นโดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้จัดให้มีการโหวตการให้คะแนนสำหรับผลงานที่น่าลงทุนที่สุด และผลงานที่นำเสนอได้ดีที่สุด จากนักลงทุนกว่า 500 ราย ที่เข้าร่วมงาน โดยผลงานวิจัยผลิตภัณฑ์แผ่นแปะสิวคิว แอคเน่ ของ ดร.พิกุลทอง ขอเพิ่มทรัพย์ นักวิจัยจากศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค/สวทช.) ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด 2 รางวัล คือ ผลงานที่น่าลงทุนและผลงานที่นำเสนอได้ดีที่สุด จาก 9 ผลงานเด่นที่เข้าร่วมนำเสนอต่อนักลงทุน นักอุตสาหกรรม เพื่อนำไปลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยี
ทั้งนี้ นักลงทุนมองว่า ผลงานดังกล่าวมีความคุ้มค่าต่อการลงทุน เนื่องจากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและในปัจจุบันพบว่าตลาดของผลิตภัณฑ์รักษาสิวมีมูลค่าเพิ่มถึง 1,000 ล้านบาท จึงเป็นไปได้ว่าจะมีโอกาสสูงในการขยายตลาดต่อไป
สำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไป โดยมีจุดเด่นคือการใช้เทคโนโลยีการปั่นเส้นใยไฟฟ้าสถิตในระดับนาโนเมตร 3 ชั้น คือ เส้นใยสีเนื้อ ช่วยให้แผ่นแปะกลมกลืนกับสีผิวหลากหลายเฉดสี เส้นใยกักเก็บสารสกัดจากเปลือกมังคุด ที่ช่วยรักษาสิวและลดอาการอักเสบของสิว และเส้นใยกาวทำให้แผ่นแปะมีเส้นใยที่มีความบางแนบติดผิวหนังได้สนิท แค่ติดทับก็สามารถใช้เครื่องบำรุงผิวหรือแต่งหน้าทับได้ทันที โดยไม่ลดประสิทธิภาพในการรักษา
นักลงทุนที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คอลล์ เซ็นเตอร์ สวทช.โทร.
ปิดคดี”หน่อคำ”รับสารภาพฆ่าลูกเรือจีน13ศพ
วันนี้ (22 ก.ย.)นักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีนว่า สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า นายหน่อคำ หัวหน้าแก๊งอาชญากรรมที่อยู่เบื้องหลังคดีฆ่าลูกเรือชาวจีน 13 ศพในแม่น้ำโขงเมื่อปีที่แล้ว ได้ให้การรับสารภาพแล้ว ในระหว่างการพิจารณาคดีที่เมืองคุนหมิง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน
คดีนายหน่อคำ หัวหน้าแก๊งอาชญากรรมซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ในรัฐชาน ทางตอนเหนือของพม่า พร้อมกับพวกอีก 5 คนนั้น ได้พิจารณาคดีเสร็จสิ้นไปเมื่อวันศุกร์ที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ศาลเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดยมูลเหตุของคดีมาจากลูกเรือชาวจีน 13 คนถูกฆ่าตาย เมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ระหว่างการปล้นชิงเรือสินค้า 2 ลำของจีน ในเขตลุ่มน้ำโขง ซึ่งเชื่อว่าเป็นการกระทำของแก๊งค้ายาเสพติดนั้น อัยการของจีนได้แจ้งข้อหาผู้ต้องสงสัยทั้ง 6 คนนี้ว่า เจตนาฆ่า, ลักลอบขนยาเสพติด, ลักพาตัว และ จี้ชิงเรือ
รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ต้องสงสัยทั้ง 6 คน ซึ่งเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ถูกนำตัวมายังจีนเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา และทั้งหมดได้ให้การรับสารภาพ โดยรายงานข่าวระบุว่า นายหน่อคำนั้นจำนนด้วยหลักฐานต่อทางฝ่ายอัยการ ประกอบกับคำให้การซักทอดของผู้อยู่ในเหตุการณ์ แม้ว่าตอนแรกนายหน่อคำ หัวหน้าแก๊งอ้างว่า ตนเองบริสุทธิ์ในวันแรกของการพิจารณาคดีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับโยนความผิดให้ทหารไทยในตอนแรก ส่วนศาลจะนัดอ่านคำพิพากษาเมื่อใดนั้น จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
คดีฆ่าลูกเรือจีน 13 ศพเมื่อปีที่แล้ว ก่อให้เกิดกระแสไม่พอใจอย่างยิ่งจากทางรัฐบาลจีน ซึ่งต้องเรียกทูตจากไทย, ลาวและพม่าเข้าพบ แล้วยังขอร้องไปถึงรัฐบาลของประเทศเหล่านี้ด้วยให้เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีนี้นอกจากนั้นแล้ว นายหนี่ เต๋า ตำรวจจีนที่สอบสวนคดีนี้ ยังกล่าวว่า มีทหารไทย 9 คนพัวพันกับคดีนี้และตำรวจไทยก็กำลังสอบสวนอยู่ แต่ข่าวไม่ได้ระบุว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร สื่อของจีนยังรายอีกว่า แก๊งอาชญากรรมของนายหน่อคำนั้นมีสมาชิกกว่า 100 คน ซึ่งต่างสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับคดีลักพาตัว ฆาตกรรม ปล้นชิงทรัพย์และอื่นๆตามลุ่มน้ำโขง
ออสซีเป็นเจ้าของไอโฟน 5 ชาติแรก
วันนี้ (21 ก.ย.) บรรดาสาวกแอปเปิ้ลในออสเตรเลีย กลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ได้เป็นเจ้าของไอโฟน 5 หลังจากมีการเข้าแถวยาวที่ร้านจำหน่ายมือถือของแอปเปิ้ลในเมืองซิดนีย์ โดยหลายคนมาปักหลักนอนรอที่บริเวณด้านหน้าของร้านแอปเปิ้ล สโตร์ ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา เพื่อหวังเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้เป็นเจ้าของไอโฟน 5 ซึ่งหน้าจอกว้างขึ้นกว่าเดิมและตัวเครื่องบางลง นายทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิ้ลบอกว่า เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับไอโฟนนับตั้งแต่มีไอโฟนบนโลกใบนี้
นอกเหนือจากเมืองซิดนีย์ในออสเตรเลียแล้ว ในวันศุกร์นี้ ร้านแอปเปิ้ลยังเปิดจำหน่ายไอโฟน 5 ในสหรัฐ แคนาดา เยอรมนี ฝรั่งเศส ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอังกฤษ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดหมายว่า ในช่วงระยะแรกๆ ที่เปิดขายทั่วโลก ไอโฟน 5 จะขายได้ประมาณ 10 ล้านเครื่อง และจะเป็น 50 ล้านเครื่องก่อนสิ้นปี 2555.
ปิดคดี”หน่อคำ”รับสารภาพฆ่าลูกเรือจีน13ศพ
วันนี้ (22 ก.ย.)นักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีนว่า สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า นายหน่อคำ หัวหน้าแก๊งอาชญากรรมที่อยู่เบื้องหลังคดีฆ่าลูกเรือชาวจีน 13 ศพในแม่น้ำโขงเมื่อปีที่แล้ว ได้ให้การรับสารภาพแล้ว ในระหว่างการพิจารณาคดีที่เมืองคุนหมิง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน
คดีนายหน่อคำ หัวหน้าแก๊งอาชญากรรมซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ในรัฐชาน ทางตอนเหนือของพม่า พร้อมกับพวกอีก 5 คนนั้น ได้พิจารณาคดีเสร็จสิ้นไปเมื่อวันศุกร์ที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ศาลเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดยมูลเหตุของคดีมาจากลูกเรือชาวจีน 13 คนถูกฆ่าตาย เมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ระหว่างการปล้นชิงเรือสินค้า 2 ลำของจีน ในเขตลุ่มน้ำโขง ซึ่งเชื่อว่าเป็นการกระทำของแก๊งค้ายาเสพติดนั้น อัยการของจีนได้แจ้งข้อหาผู้ต้องสงสัยทั้ง 6 คนนี้ว่า เจตนาฆ่า, ลักลอบขนยาเสพติด, ลักพาตัว และ จี้ชิงเรือ
รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ต้องสงสัยทั้ง 6 คน ซึ่งเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ถูกนำตัวมายังจีนเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา และทั้งหมดได้ให้การรับสารภาพ โดยรายงานข่าวระบุว่า นายหน่อคำนั้นจำนนด้วยหลักฐานต่อทางฝ่ายอัยการ ประกอบกับคำให้การซักทอดของผู้อยู่ในเหตุการณ์ แม้ว่าตอนแรกนายหน่อคำ หัวหน้าแก๊งอ้างว่า ตนเองบริสุทธิ์ในวันแรกของการพิจารณาคดีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับโยนความผิดให้ทหารไทยในตอนแรก ส่วนศาลจะนัดอ่านคำพิพากษาเมื่อใดนั้น จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
คดีฆ่าลูกเรือจีน 13 ศพเมื่อปีที่แล้ว ก่อให้เกิดกระแสไม่พอใจอย่างยิ่งจากทางรัฐบาลจีน ซึ่งต้องเรียกทูตจากไทย, ลาวและพม่าเข้าพบ แล้วยังขอร้องไปถึงรัฐบาลของประเทศเหล่านี้ด้วยให้เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีนี้นอกจากนั้นแล้ว นายหนี่ เต๋า ตำรวจจีนที่สอบสวนคดีนี้ ยังกล่าวว่า มีทหารไทย 9 คนพัวพันกับคดีนี้และตำรวจไทยก็กำลังสอบสวนอยู่ แต่ข่าวไม่ได้ระบุว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร สื่อของจีนยังรายอีกว่า แก๊งอาชญากรรมของนายหน่อคำนั้นมีสมาชิกกว่า 100 คน ซึ่งต่างสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับคดีลักพาตัว ฆาตกรรม ปล้นชิงทรัพย์และอื่นๆตามลุ่มน้ำโขง
พ่อศพหาย3ปีรุดแจ้งความพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ข้อหาฆ่าคนตาย
วันนี้ ( 23 ก.ย. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ผลงานวิจัย 3 ชิ้น เผยแพร่เมื่อวันเสาร์ ยืนยันว่าน้ำอัดลม และเครื่องดื่มรสผลไม้ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคอ้วน
ผลงานทั้งหมดได้รับการเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ท ผ่านทางเว็บไซต์ของวารสารการแพทย์ นิว อิงแลนด์ ระบุว่า สถิติการบริโภคน้ำอัดลม และเครื่องดื่มรสผลไม้ในปัจจุบัน เพิ่มขึ้นจากเมื่อราว 30 ปีก่อนถึง 2 เท่า ส่งผลให้อัตราส่วนประชากรชาวอเมริกันที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 ในช่วงเวลาเดียวกัน
ผลงานวิจัยชิ้นแรก ที่อ้างอิงจากกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกันทั้งชายและหญิงกว่า 33,000 คน พบว่า การบริโภคเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลสูงส่งผลกระทบต่อกลไกทางพันธุกรรม ทำให้เกิดความแปรปรวนและอาจนำไปสู่การเพิ่มของน้ำหนักตัว อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการบริโภค ความถี่ในการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง รวมถึงการออกกำลังกาย
ส่วนผลงานวิจัยอีก 2 ชิ้น อ้างอิงผลจากการทดลองให้เด็ก และผู้ใหญ่รับประทานเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล เช่น น้ำแร่บรรจุขวด หรือน้ำอัดลม และเครื่องดื่มรสหวานที่ใช้สารปรุงแต่งความหวานแทนน้ำตาลแท้ โดยตั้งสมมติฐานว่า สามารถทำให้น้ำหนักลดได้ โดยผลงานวิจัยชิ้นที่ 2 อาศัยกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นผู้ป่วยวัยรุ่นที่มีน้ำหนักเกิน ของโรงพยาบาลเด็กเมืองบอสตัน 224 คน โดยให้บริโภคเครื่องดื่มที่โฆษณาว่า “ปราศจากน้ำตาล” หรือ “0 แคลอรี่” นาน 1 ปี พบว่า เด็กเหล่านี้มีน้ำหนักตัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเพียง 0.68 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับเด็กอีกกลุ่ม ที่ดื่มน้ำอัดลมปกติ มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.5 กิโลกรัม
ขณะที่ผลงานวิจัยชิ้นที่ 3 จากมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัมส์ ของเนเธอร์แลนด์ ใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กอายุระหว่าง 4-11 ปี 641 คน โดยกลุ่มหนึ่งให้ดื่มเครื่องดื่มรสผลไม้ และน้ำอัดลม ส่วนอีกกลุ่มบริโภคเครื่องดื่มลักษณะเดียวกัน แต่มีน้ำตาลน้อยกว่า เป็นเวลา 18 เดือน ปรากฏว่า เด็กที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน้อย มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6.39 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับกลุ่มเด็กที่บริโภคเครื่องดื่มน้ำตาลสูง ซึ่งมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7.36 กิโลกรัม
พญ.ซอนญ่า คาปริโอ จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเยล ของสหรัฐ กล่าวว่า ผลงานวิจัยทั้ง 3 ชิ้น แสดงให้เห็นว่า น้ำตาลมีผลต่อน้ำหนักตัว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจะนำไปวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางควบคุม และปรับพฤติกรรมการบริโภค เพื่อลดภาวะน้ำหนักเกินตั้งแต่ในวัยเด็กต่อไป.
กรมชลฯ เร่งพร่องน้ำเตรียมรับฝนจากพายุลูกใหม่ที่ก่อตัวใกล้ฟิลิปปินส์
วันนี้ (23 ก.ย.) นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำปราจีนล้นตลิ่ง ว่า จากปริมาณน้ำรับได้ 650 ลบ.ม.ต่อวินาทีแต่มีน้ำมากถึง 700 ลบ.ม.ต่อวินาทีทำให้ อ.กบินทร์บุรี ถูกน้ำท่วมสูงนั้น จะมีแนวโน้นดีขึ้นและไม่มีฝนมาเพิ่มอีกเพราะตอนนี้ร่องมรสุมขึ้นไปภาคเหนือตอนล่าง ทำให้ฝนภาคกลางและภาคตะวันออกเบาลงในช่วง 2-3 วันนี้ เนื่องจากร่องมรสุมที่ขึ้นไปภาคเหนือ มีกำลังปานกลาง มีฝนตกไม่รุนแรงแต่เพื่อความไม่ประมาทได้เร่งพร่องน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ระบายอยู่ที่ 1,700 ลบมต่อวินาที เตรียมพื้นที่ไว้รอรับฝนที่จะตกอีกในสัปดาห์หน้า
"ร่องมรสุมพาดผ่านอยู่ภาคเหนือตอนล่างและ อีสานตอนล่าง ทำให้ฝนตกกระจายทั่วไป ขณะนี้พื้นที่ น้ำท่วมที่ จ.ปราจีนบุรี ตอนนี้น้ำขึ้นสูงสุดวันนี้ คาดว่าฝนไม่ตกมาเพิ่มอีก ซึ่ง อ.กบินทร์บุรี ได้รับผลกระทบน้ำท่วมหนัก ซึ่งภายใน 3 วัน นี้จะกลับสู่ภาววะปกติ พื้นที่ลุ่มน้ำปราจีน ถูกน้ำท่วมจากน้ำป่าไหลหลากเป็นประจำ เพราะไม่มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ขณะนี้กำลังก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพระปรง แล้วเสร็จปี 58 รวมทั้งอ่างเก็บน้ำห้วยโสมง จ.ปราจีนบุรี จะแล้วเสร็จปีเดียวกัน ทำให้สถานการณ์น้ำดีขึ้น"นายเลิศวิโรจน์ กล่าว
ในส่วนปัญหาน้ำท่วมที่ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดจากฝนที่ตกในพื้นที่และปริมาณน้ำที่เร่งพร่องจากเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งเป็นธรรมชาติของพื้นที่บริเวณอยู่แล้วที่ต้องเกิดน้ำหลากทุกปีเพราะเมื่อระดับน้ำสูงขึ้นจึงได้เปิดประตูระบายน้ำ อ.ผักไห่ เข้าพื้นที่ทุ่งนา การระบายเข้าทุ่งบางส่วนเป็นการลดระดับน้ำแม่น้ำน้อย แม่น้ำสุพรรณบุรีลง การระบายเข้าทุ่งเพื่อลดผลกระทบกับประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ โดยลดปัญหาน้ำท่วมที่ อ.บางเลน อ.นครชัยศรี อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม โดยเร่งระบายลงแม่น้ำท่าจีน รวมทั้งเพิ่มการระบายน้ำแม่น้ำป่าสัก คลองระพีพัฒน์ ลงแม่น้ำบางปะกง ด้วย
ขณะนี้ได้สั่งการให้ชลประทานในพื้นที่ เร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ทุกแห่งที่ถูกน้ำท่วมเป็นการเร่งระบายเพื่อรอรับน้ำฝนทั้งทุ่งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก สูบออกและเร่งระบายออกทะเลตลอดเวลา โดยกรมอุตุนิยมฯกำลัง ติดตามพายุขณะก่อตัวใกล้ประเทศฟิลิปินส์ ทั้งนี้ยืนยันว่าปริมาณน้ำเหนือไม่มีผลกระทบทำให้เกิดน้ำท่วม กรุงเทพและปริมณฑล เพราะแม่น้ำเจ้าพระยา ยังมีขีดความสามารถระบายได้อีกมากหากสื่อเสนอข่าวน้ำท่วมแบบตรงไปตรงมาสักหนึ่งสัปดาห์เหตุการณ์ทุกอย่างจะไม่น่ากลัวอย่างที่คิด และขณะนี้กรมชลประทาน ได้เตรียมมาตรการป้องกันน้ำฝน โดยเตรียมพื้นที่รองรับน้ำฝนไว้พร้อมและเร่งระบายออกโดยเร็วที่สุด
ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ว่า ปริมาณน้ำไหลผ่าน อ.เมืองนครสวรรค์ 1,762 ลบ.ม.ต่อวินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 3.03 เมตร ส่วนที่เขื่อนเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,725 ลบ.ม.ต่อวินาที ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาต่ำกว่าตลิ่ง 2.54 เมตร ในขณะที่มีปริมาณน้ำไหลผ่านที่อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ในเกณฑ์เฉลี่ยประมาณ 1,596 ลบ.ม.ต่อวินาที รับน้ำได้สูงสุด 3,500 ลบ.ม.ต่อวินาที และจุดนี้ยังเป็นจุดวัดปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะไหลผ่านเข้าสู่กรุงเทพฯและปริมณฑลด้วย ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 1.31 เมตร
ทั้งนี้ ตั้งแต่ในช่วงกลางเดือนก.ย.เป็นต้นมา เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคกลางเป็นบริเวณกว้าง ทำให้มีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลลงสู่แม่น้ำท่าจีน เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำท่าจีนบริเวณ อ.บางเลน และอ.นครชัยศรี จ.นครปฐม แนวโน้มระดับน้ำในแม่น้ำท่าจีนยังคงสูงขึ้น ประกอบกับที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ในช่วงวันที่ 24 – 25 ก.ย. 55 มีแนวโน้มว่าจะเกิดฝนตกชุกหนาแน่นในพื้นที่ภาคกลางไปจนถึงวันที่ 29 ก.ย.
จากสถานการณ์ดังกล่าวได้ปรับแผนการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ด้วยการลดระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาลง เพื่อรองรับน้ำฝนที่จะตกลงมาในพื้นที่ตอนบนบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาสูงขึ้นเล็กน้อย แต่จะไม่กระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยามากนัก ส่วนแม่น้ำท่าจีน แม่น้ำน้อย และคลองชัยนาท-ป่าสัก จะลดการรับน้ำเข้าไป เนื่องจากในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำดังกล่าวได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม อีกทั้งหากเกิดฝนตกหนักตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ไว้ พื้นที่ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกจะสามารถรองรับน้ำได้
นอกจากนี้ กรมชลประทาน จะลดการรับน้ำจากแม่น้ำป่าสักเข้าสู่คลองระพีพัฒน์ ให้อยู่ในเกณฑ์ 15 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อเตรียมพื้นที่บริเวณทุ่งฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างไว้รองรับน้ำฝนที่จะตกลงมาในพื้นที่ ทั้งนี้ แม่น้ำป่าสักมีศักยภาพในการรับน้ำได้สูงสุด 500 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มน้ำริมตลิ่ง ในขณะที่เขื่อนพระรามหก มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 347 ลบ.ม.ต่อวินาที ประกอบกับมีการลดปริมาณน้ำเข้าสู่คลองชัยนาท – ป่าสัก ทำให้แนวโน้มสถานการณ์น้ำในแม่น้ำป่าสักมีระดับน้ำลดลง อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์น้ำในแม่น้ำป่าสักมีแนวโน้มสูงขึ้น จนส่งผลกระทบกับพื้นที่ชุมชนลุ่มต่ำริมตลิ่ง กรมชลประทนจะได้ลดการพร่องน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนริมน้ำต่อไป.
นอกจากนี้ กรมชลประทาน จะลดการรับน้ำจากแม่น้ำป่าสักเข้าสู่คลองระพีพัฒน์ ให้อยู่ในเกณฑ์ 15 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อเตรียมพื้นที่บริเวณทุ่งฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างไว้รองรับน้ำฝนที่จะตกลงมาในพื้นที่ ทั้งนี้ แม่น้ำป่าสักมีศักยภาพในการรับน้ำได้สูงสุด 500 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มน้ำริมตลิ่ง ในขณะที่เขื่อนพระรามหก มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 347 ลบ.ม.ต่อวินาที ประกอบกับมีการลดปริมาณน้ำเข้าสู่คลองชัยนาท – ป่าสัก ทำให้แนวโน้มสถานการณ์น้ำในแม่น้ำป่าสักมีระดับน้ำลดลง อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์น้ำในแม่น้ำป่าสักมีแนวโน้มสูงขึ้น จนส่งผลกระทบกับพื้นที่ชุมชนลุ่มต่ำริมตลิ่ง กรมชลประทนจะได้ลดการพร่องน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนริมน้ำต่อไป.
บุกชาร์จ รปภ.คลั่งโดดตึก
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ร.ต.อ.ไตรวิทย์ แก้วชนะ พงส. (สบ1) สน.โชคชัย รับแจ้งมีชายคลุ้มคลั่งจะกระโดดจากระเบียงห้องที่ อพาร์ทเม้นท์เปี่ยมเกียรติ เลขที่ 45 ซอยลาดพร้าว89 แขวงและเขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ จึงประสานเจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขตพญาไท นำเบาะลมมากางเพื่อป้องกันชายดังกล่าวกระโดดลงมา ก่อนนำกำลังไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท. จิรวัฒน์ ยอดกระโหม สว.สส. และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 6 ชั้น ที่ระเบียงห้องเลขที่ 623 ชั้น 6 ซึ่งเป็นห้องเก็บของของอพาร์ทเม้นท์ พบนายสถาพร บุญทิสา อายุ 31 ปี รปภ.ของอาคารดังกล่าว อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 9 ต.พรสวรรค์ อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี ยืนอยู่ที่ระเบียงหลังห้อง สภาพไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขายาวสีน้ำเงิน มีอาการคล้ายคนเมายา กำลังโยนข้าวของลงมาด้านล่าง เจ้าหน้าที่จึงรีบกางเบาะลมและพยายามเกลี้ยกล่อม แต่ไม่เป็นผล จนเวลาผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง นายสถาพรเริ่มมีอาการอ่อนแรง เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจพังประตูห้องเข้าไปชาร์จตัวนายสถาพรเอาไว้ได้ ก่อนนำตัวมาที่สน.โชคชัย
จากการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุให้การว่า นายสถาพรพักอยู่ห้องติดกับห้องเก็บของ แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาดื่มเหล้าเข้าไปมาก จนเช้ามืดเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ปีนจากระเบียงห้องตัวเองเข้ามาที่ห้องเก็บของแล้วโยนข้าวของภายในห้องลงมาด้านล่าง ใครพูดก็ไม่ยอมฟังจนต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยเจรจา
ร.ต.อ.ไตรวิทย์ กล่าวว่า นายสถาพรยังให้การวกวนไปมา แต่บอกว่าไม่ได้เสพยา ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดคลุ้มคลั่งเพราะดื่มเหล้าเข้าไปแล้วเครียดเรื่อง ไม่มีเงินใช้ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องตรวจหาสารเสพติดต่อไป เบื้องต้นแจ้งข้อหา บุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ หากมีสารเสพติดก็จะแจ้งข้อหาเสพยาเสพติดอีกกระทง.
จับแล้ว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์
ตำรวจตามรวบตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ได้แล้ว ขณะกบดานอยู่ในพื้นที่ ต.ปึกเตียน เพชรบุรี คุมตัวเค้นสอบที่ บช.ภ.7 ขณะที่การขุดหาศพเหยื่อพบอีกศพที่ 3
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการขุดค้นหาศพนายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ สองสามีภรรยา ชาว จ.เพชรบุรี ที่หายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำกว่า 3 ปี ว่า พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก จ.เพชรบุรี ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดเพชรบุรี พร้อมรถแบกโฮ มาขุดค้นหาศพเพิ่มเติมภายในไร่สับปะรด ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ นพ.สบ.5 กลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัว รพ.ตำรวจ เลขที่ 225 หมู่ 2 ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จากจุดที่พบศพเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชม. พบโครงกระดูกมนุษย์ สภาพนอนคว่ำหน้า สวมกางเกงขาสั้น เจเจ และมีเชือก1 เส้นอยู่ใกล้ข้อมือ โดยที่หัวกะโหลกมีรูคล้ายถูกกระสุนปืนยิง เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานให้แพทย์ตรวจพิสูจน์
พ.ต.อ.พิชัย เผยว่า วันนี้ทางตำรวจได้ออกหมายจับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ พร้อมภรรยา 2 ข้อหาไว้ก่อน คือร่วมกันลักทรัพย์หรือรับซื้อของโจร และกักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้เสียอิสรภาพ ซึ่งเบื้่องต้นได้รับการประสานมาจากทางผู้ต้องหาว่าจะเข้ามอบตัวที่ บช.ภ.7 ภายในวันนี้
ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้โครงกระดูกโครงแรกที่เจ้าหน้าที่ขุดพบถูกส่งมายังสถาบันฯแล้ว โดยแพทย์ได้ระบุเบื้องต้นว่า เป็นเพศชาย อายุประมาณ 30 ปี มีลักษณะหัวกะโหลกและฟันที่สมบูรณ์มาก ส่วนโครงกระดูกที่ 2 และที่ 3 ยังส่งมาไม่ถึง อย่างไรก็ตามเมื่อโครงกระดูกมาถึงแล้ว แพทย์จะตรวจก่อนว่าเป็นของเพศใด อายุประมาณเท่าใด มีลักษณะของกระดูกอย่างไร มีร่องรอยการถูกทำร้ายหรือไม่ จากนั้นจะส่งเนื้อกระดูกไปสกัดดีเอ็นเอเก็บไว้เปรียบเทียบกับผู้ต้องสงสัย ซึ่งล่าสุดแพทย์นิติเวชได้เก็บดีเอ็นเอพ่อของนายสามารถ แม่ของน.ส.อรษา และลูกสาวของผู้สูญหายไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ จะประสานกับครอบครัวผู้สูญหายอีกครั้งหนึ่ง เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการรักษากระดูกต่าง ๆ หากตรงกับโครงกระดูกต้องสงสัยก็อาจทำให้เชื่อได้ว่าเป็นผู้สูญหายจริง รวมถึงหากมีภาพเอ็กซเรย์ฟันเก็บไว้สามารถนำมาให้แพทย์ใช้เป็นหลักฐานได้ด้วย แต่ทั้งนี้ปัจจุบันคนไทยไม่นิยมเอ็กซเรย์ฟันเก็บไว้หากไม่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพฟัน
ส่วน ภาพเชิงซ้อนสามารถตรวจพิสูจน์บุคคลได้เช่นกัน โดยเฉพาะโครงกระดูกที่ 1 มีความสมบูรณ์ของหัวกะโหลกมาก หากนำรูปถ่ายของผู้ต้องสงสัยมาดำเนินการก็จะสามารถเห็นผลได้ โดยเฉพาะภาพที่ยิ้มเห็นฟัน
ด้าน พล.ต.ท.นพ.จงเจตน์ อาวเจนพงศ์ แพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ กล่าวว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ลาพักร้อนจนถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่รับราชการเนื่องจากได้ขอเออรี่รีไทร์ ตั้งแต่วันที่นำเสนอข่าวว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว อย่างไรก็ตามหากแจ้งข้อหากับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ แล้ว ทางรพ.ตำรวจ ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงไว้ก่อน และจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป
วันเดียวกัน พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุขแสวง รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.อ.สมเกียรติ แสวงสุข ผกก.สส.ภ.จว.เพชรบุรี นำหมายศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 431/2555 เข้าตรวจค้นคลินิกพัฒนแพทย์ เลขที่ 335 ซอยเพชรเกษม 31 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ โดยมีนายเอก เลาหวัฒนะ ลูกชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เป็นผู้นำค้น พบบริเวณชั้น 5 ภายในห้องเก็บของมีอาวุธปืนยาวแบบสไนเปอร์ติดลำกล้องขนาด 7.65 ม.ม. เก็บอยู่ในกระเป๋าหนังใส่ปืนอย่างดี นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนขนาด .38 จำนวน 500 ปลอก และปลอกกระสุนขนาด 7.65 ม.ม. อีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายเอกให้การว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่ได้อาศัยอยู่ที่คลินิกเป็นประจำ แต่จะมาค้างแบบชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งทุกวันนี้ยังไม่สามารถติดต่อกับพ่อได้เหมือนกัน และครอบครัวก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันด้วย จึงทำให้ไม่ทราบความเคลื่อนไหวของพ่อ
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีฯ กล่าวว่า ทางดีเอสไอ ส่ง พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ และนายธงชัย สมบัติจิราภรณ์ ผอ.ส่วนรับเรื่องราวร้องทุกข์ ลงพื้นที่ร่วมติดตามคดีดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่ได้รับไว้เป็นคดีพิเศษ เพียงแค่ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปร่วมทำงานกับตำรวจตามที่ญาติผู้เสียหายร้องขอ เนื่องจากคดีเกี่ยวพันกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ญาติจึงเกรงว่าตำรวจอาจทำงานไม่เต็มที่ อย่างไรก็ตามจุดสำคัญที่อาจรับเป็นคดีพิเศษได้คือ ผู้ต้องสงสัยเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ แต่ทั้งนี้ต้องดูที่ความประสงค์ของญาติผู้เสียหายว่าต้องการให้ดีเอสไอเข้าไปดำเนินการก็ต้องร้องเข้ามาอย่างเป็นทางการ หากตำรวจสอบสวนคดีเดินหน้าได้ไม่มีปัญหาก็คงต้องให้ตำรวจรับผิดชอบต่อไป
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงาน พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ถูกตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว ที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.บึกเตียน อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรีก่อนจะนำตัวไปสอบสวนที่ บช.ภ.7 จ.นครปฐม.
พ่อศพหาย3ปีรุดแจ้งความพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ข้อหาฆ่าคนตาย
พ่อสามีภรรยา หายตัว 3 ปี ทำหนังสือ แจ้งความดำเนินคดี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ กับภรรยา ข้อหาฆ่าคนตาย พร้อมเผย มีพฤติกรรมชอบล่าสัตว์กับสจ.คนดัง ด้านทนายหมอรุดพบลูกความ ขณะญาติและเพื่อนผู้เสียหาย เขียนป้าย คัดค้านการประกันตัว หน้าโรงพัก เกรงอันตราย
เมื่อเวลา 10.45 น.วันนี้ (23ก.ย.) นายสว่าง นุ่มจ้ย เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอแจ้งความดำเนินคดีกับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ และนางวิลสา จันทรบัญชร ภรรยา ในข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวและฆ่าคนตาย ที่ สภ.ท่าไม้รวก จ.เพชรบุรี โดยนายสว่าง ให้เหตุผลว่าเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2555 นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชาย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ พา น.ส.วิมล นุ่มจุ้ย บุตรสาว เป็นพี่สาวนายสามารถ ไปที่บ้านเลขที่ 125/53, 125/2 ชุมชนศิริโชติ ซอยกรุงเทพ-นนท์ 1 ต.บางเขน อ.เมือง จ. นนทบุรี และได้พบรถกระบะโตโยต้า ไทเกอร์ สีบรอนซ์ ทะเบียน ทะเบียน บฉ 5960 เพชรบุรี ซึ่งเป็นรถที่มีชื่อ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ บุตรสะใภ้เป็นเจ้าของ จอดอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว โดยนายสามารถ นุ่มจุ้ย กับ น.ส.อรษา ได้หายไปพร้อมรถคันดังกล่าวเมื่อกว่า 3 ปีที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เอกสารดังกล่าวระบุว่า หลังจากพบรถกระบะในบ้านของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่ จ.นนทบุรี ตนได้โทรศัพท์ไปหา พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ถามว่าเมื่อปี 2552 ตอนที่นายสามารถ และ น.ส.อรษา หายไปพร้อมรถกระบะโตโยต้า ไทเกอร์ คันดังกล่าว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ทำไมจึงบอกว่าไม่รู้ว่าคนและรถหายไปไหน แต่ทำไมรถจึงมาปรากฏอยู่ที่บ้าน จ.นนทบุรี ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ปรากฏว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ข่มขู่ตนให้ระวังตัว จะอยู่ไม่ได้ ขอให้ยุติการเปิดโปงเรื่องนี้ และบอกตนว่าเขามีพวกมาก ตนไม่มีทางชนะเขาได้
ต่อมาเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 21 ก.ย. เป็นวันที่ตำรวจขุดหาศพนายสามารถ กับ น.ส.อรษา ที่ไร่หลังบ้าน พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลขที่ 65 และเลขที่ 225 ที่หมู่ 2 ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ได้พบโครงกระดูกของนายสามารถที่ถูกฝังอยู่ในพื้นไร่ ตนได้ตรวจสอบที่กะโหลกศีรษะศพมีรูกระสุนที่กกหูซ้าย พบเสื้อและกางเกงที่ซากศพ ตนจำได้ว่าเป็นของนายสามารถ และตรวจฟันที่กะโหลกศพยืนยันได้ชัดเจนว่าเป็นฟันของนายสามารถบุตรชายตน เป็นไปตามคำบอกกล่าวของนายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่บอกกับ น.ส.วิมล บุตรสาวตน ว่า นายสามารถและ น.ส.อรษา ถูก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ยิงตายและนำศพไปฝังที่ไร่ดังกล่าว ตนจึงเชื่อว่านายสามารถถูก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ฆ่าตายจริง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางวิลสา ภรรยา พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ร่วมลงมือช่วยเหลือกระทำความผิดกับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ด้วย
ด้วยเหตุผลดังกล่าวตนขอแจ้งความเพิ่มเติม กล่าวหา พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ และ นางวิลสา จันทรบัญชร ร่วมกันฆ่าคนตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน จากนั้น ร.ต.อ.ชายชาญ กทุมชาติ พนักงานสอบสวนเป็นผู้ออกมารับหนังสือดังกล่าว
นายสว่าง กล่าวต่อว่า อยากจะพูดคุยกับหมอในวันนี้โดยจะขอถามว่า ทำกับลูกตนทำไม และเอาลูกชายกับลูกสะใภ้ ไปไว้ที่ไหนเท่านั้น ส่วนการประกันตัวนั้นตนขอคัดค้านจนถึงที่สุด
พ่อที่ตามหาลูกชายและลูกสะใภ้ ยังกล่าวต่ออีกว่า สำหรับหมอนั้นเป็นคนที่ชอบเที่ยวป่า เคยมาชวนตนไปด้วยแต่ตนไปแค่ครั้งเดียว และเมื่อไปแล้วเขากับเอาปืนไปล่าสัตว์ป่า ไปล่าเก้งกวาง เลียงผา แล้วเอามาแล่เนื้อ โดย ชอบไปเที่ยวล่าสัตว์ป่าในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ กับกลุ่ม สจ.คนดังคนหนึ่ง ในพื้นที่ กุยบุรี ปราณบุรี อยู่เป็นประจำ
ต่อมาเวลา 11.20 น.ได้มีกลุ่มครอบครัวและญาติพี่น้องของนายสามารถและนางอรษา เดินทางมาประมาณ 20 คน ยืนถือป้ายขอคัดค้านการประกันตัว พ.ต.ท.นพ.สุพัฒน์ ที่ หน้า สภ.ท่าไม้รวก โดยกล่าวว่า เพื่อความปลอดภัยของญาติพี่น้องและชาวบ้าน และเพื่อขอให้เกิดความเป็นธรรมกับชาวบ้าน และคนอื่นๆที่ถูกฆ่าตายแล้วฝังในไร่ดังกล่าว และที่หมอออกมาบอกว่าไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ทำนั้นพวกตนไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจได้นำตัวหมอสุพัฒน์ มายังสภ.ท่าไม้รวก เวลา02.00 น.เมื่อคืนนี้ และนำตัวเข้าห้องขังทันที โดยมีตำรวจ นปพ.ยืนคุ้มกันอย่างแน่นหนา ขณะที่ตำรวจรายหนึ่งกล่าวว่าหมอทานอาหารได้ปกติทั้ง2มื้อ ไม่เครียด
ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. มีทีมทนายความ จากสำนักงานทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ประสงค์ กุลจิตติปราณี รอง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก และพนักงานสอบสวน เพื่อขอเข้าพบ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ผู้ต้องหา หลังเข้าไปพูดคุยกับพนักงานสอบสวนประมาณ 10 นาที เจ้าหน้าที่จึงได้จัดเก้าอี้ภายในห้องขังเพื่อให้ทนายความเข้าไปพูดคุยกับผู้ต้องหา โดยไม่มีการนำตัวผู้ต้องหาออกมาพบทนายที่ห้องพบทนายความแต่อย่างได
ต่อมาเวลา 15.50 น.พ.ต.ท.ชัยชาญ เงินมูล อดีตรอง ผกก.ภ.จว.เพชรบุรี เจ้าของโรงแรมปึกเตียน วิลล่า ได้เดินทางเข้าเยี่ยมผู้ต้องหา โดยใช้เวลานานประมาณ 10 นาทีจึงเดินทางกลับไป.
รพ.ตร.สั่ง"หมอสุพัฒน์"ออกราชการก่อน จ่อแจ้งเจตนาฆ่า-เจ้าตัวเครียดนอนห้องขัง
วันนี้ ( 23 ก.ย.) พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ พตร. (สบ 8) เปิดเผยว่า ขณะนี้ โรงพยาบาลตำรวจ มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ นายแพทย์ (สบ 5) อายุรแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเป็นผู้ต้องหา ในคดีการหายตัวไปของ สองสามีภรรยา ชาว จ.เพชรบุรี เจ้าของไร่สับปะรด ออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องจากขณะนี้ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวแล้ว ส่วนการเกษียณอายุก่อนกำหนดนั้น ให้มีคำสั่งระงับทันที ทั้งนี้ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ยังเป็นเพียงผู้ต้องสงสัยในคดี จึงได้ตั้งคณะกรรมการมาสอบสวนข้อเท็จจริง ควบคู่ไปกับการสอบสวนของตำรวจ เพราะว่ายังถือเป็นข้าราชการ ในสังกัดโรงพยาบาลตำรวจอยู่ แม้จะทำเรื่องขอเกษียณอายุก่อนกำหนดไปแล้วก็ตาม
ขณะที่ พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจดีเอ็นเอ โครงกระดูกโครงแรก ที่พบในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการตรวจสอบดีเอ็นเอ ว่าตรงกับพ่อและแม่หรือไม่ จากสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ คาดว่า ในวันจันทร์หรือวันอังคารนี้ น่าจะทราบผล ซึ่งหากผลตรวจดีเอ็นเอโครงกระดูกที่พบรายใดรายหนึ่ง ยืนยันว่า เป็นสองสามีภรรยาที่หายตัวไป พร้อมแจ้งข้อหาฆ่าคนตายอีก 1 ข้อหา ส่วนโครงกระดูกที่พบในไร่อีก 2 โครงนั้น ตำรวจจะนำส่งนิติเวช ในวันจันทร์ ช่วงเช้า ซึ่งเจ้าตัวนั้น ยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และไม่ให้ความร่วมมือในเจ้าหน้าที่ โดยขอต่อสู้ในชั้นศาลเท่านั้น ซึ่งก็เป็นสิทธิที่ทำได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ มีอาการค่อนข้างเครียดและวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้นอนไม่หลับ ไม่ยอมทานข้าว ขอเพียงน้ำดื่มกับทางตำรวจเท่านั้น ขณะเดียวกัน ในช่วงเช้าวันนี้ ตำรวจได้เบิกตัวมาสอบปากคำอีกครั้ง หลังจากที่ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธไปก่อนหน้านี้ ซึ่งบรรยากาศที่ สภ.ท่าไม้รวก จ.เพชรบุรี ตั้งแต่เช้านั้น เป็นไปด้วยความเงียบเหงา ยังไร้ญาติมาเยี่ยม และไม่มีการติดต่อขอประกันตัว ส่วนการตรวจค้นรถยนต์ส่วนตัวของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่ยึดมานั้น ไม่พบสิ่งผิดปกติ
ด้าน พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก. สภ.ท่าไม้รวก กล่าวว่า พนักงานสอบสวนเตรียมควบคุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไปขออำนาจศาลจังหวัดเพชรบุรี ฝากขังช่วงสายวันจันทร์ ที่ 24 ก.ย. พร้อมสั่งการให้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนี และเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ นอกจากนี้ ยังรอหมายค้นจากศาลอยู่ ถ้าได้จะเร่งไปตรวจค้นเพิ่มทันที
ขณะเดียวกัน นายสว่าง นุ่มจุ้ย บิดาของ นายสามารถ นุ่มจุ้ย ที่สูญหาย ได้มาที่ สภ.ท่าไม้รวก จ.เพชรบุรี พร้อมญาติ เพื่อแจ้งความเพิ่มเติมในข้อหา ฆ่าคนตายและกักขังหน่วงเหนี่ยว โดย นายสว่าง ให้การว่า อยากให้ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ออกมายอมรับความจริง อย่าคิดใช้พวกให้ช่วยในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เพราะตนเชื่อมั่นว่า คนผิดย่อมได้รับผิดตามกฎหมาย ยืนยันว่าจะสู้ถึงที่สุด
ขณะเดียวกัน นายสว่าง นุ่มจุ้ย บิดาของ นายสามารถ นุ่มจุ้ย ที่สูญหาย ได้มาที่ สภ.ท่าไม้รวก จ.เพชรบุรี พร้อมญาติ เพื่อแจ้งความเพิ่มเติมในข้อหา ฆ่าคนตายและกักขังหน่วงเหนี่ยว โดย นายสว่าง ให้การว่า อยากให้ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ออกมายอมรับความจริง อย่าคิดใช้พวกให้ช่วยในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เพราะตนเชื่อมั่นว่า คนผิดย่อมได้รับผิดตามกฎหมาย ยืนยันว่าจะสู้ถึงที่สุด
มีรายงายเพิ่มเติมว่า ที่สภ.ท่าไม้รวก ได้มีบรรดาญาติพี่น้องของผู้เสียหาย รวมทั้งชาวบ้านที่ติดตามข่าว นำป้ายมาชูเรียกร้องขอความเป็นธรรม และเขียนข้อความมีใจความว่า คัดค้านการประกันตัว และคัดค้านผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ วอนให้ตำรวจดำเนินงานตามขั้นตอนกฎหมาย อย่าใช้อำนาจหน้าที่ปกป้องคนผิด
เบื้องต้น ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไปแล้ว 3 ข้อหา ได้แก่ 1.ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ 2.รับซื้อของโจร และ 3.กักขังหน่วงเหนี่ยว ส่วนข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา จะต้องรอผลการตรวจ ดีเอ็นเอ ของโครงกระดูกออกมาก่อน จึงจะแจ้งเพิ่มเติมอีก.
เบื้องต้น ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไปแล้ว 3 ข้อหา ได้แก่ 1.ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ 2.รับซื้อของโจร และ 3.กักขังหน่วงเหนี่ยว ส่วนข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา จะต้องรอผลการตรวจ ดีเอ็นเอ ของโครงกระดูกออกมาก่อน จึงจะแจ้งเพิ่มเติมอีก.
จับบุรุษพยาบาลระดับ7เรือนจำอุดรฯค้ายาบ้า
ตำรวจอุดรธานี ตะครุบบุรุษพยาบาลระดับ 6 ในเรือนจำกลางอุดรธานี ลักลอบค้ายาบ้าในเรือนจำ ส่วนคนส่งยาเสพติดหนีรอด ชุดจับกุมไล่ล่าแต่ไม่ทันพบเพียงภรรยากับแม่ เค้นสอบกดดันจนแม่ยอมไปเอาเงินล่อซื้อ 5.6หมื่นบาทมาคืนให้
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (23 ก.ย.) พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี นายประมูล ประเสริฐสุข ผบ.เรือนจำกลางอุดรธานี แถลงข่าวกรณี ร.ต.อ.ปฐวี ก้อนวิมล สว.สส.ภ.จว.อุดรธานี นำกำลังเจ้าหน้าที่จับกุมนายจิรภัทร บุญชูสุวรรณ อายุ 32 ปี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ระดับ 6 ประจำเรือนจำกลางอุดรธานี พร้อมยาบ้า 400 เม็ด จับกุมได้ที่บ้านพักเรือนจำกลางอุดรธานี โดยพล.ต.ต.บุญลือ กล่าวว่า ตำรวจได้รับการประสานจากเรือนจำกลางอุดรธานี ให้ติดตามดูพฤติกรรมของนายจิรภัทร เนื่องจากสงสัยเกี่ยวพันกับยาเสพติด จนตำรวจนำโดย ร.ต.อ.ปฐวี จัดชุดล่อซื้อยาบ้า 400 เม็ด ราคา 56,000 บาท นัดส่งมอบยาเสพติดที่บ้านพักของนายจิรภัทร
พล.ต.ต.บุญลือ กล่าวอีกว่า เมื่อถึงเวลานัดส่งของมีรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน 963 อุดรธานี ขับมาจอดมีชายคนขับรถส่งของให้แล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลังแยกติดตามไป อีกส่วนหนึ่งเข้าจับกุมนายจิรภัทร ได้พร้อมของกลาง โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า คนที่นำยามาส่งคือนายนคร หรือหมาน้อย อายุ 34 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดตามพบเพียงรถเก๋งถูกจอดทิ้งไว้ที่บ้านพักในพื้นที่หมู่บ้านหนองใส ต.หนองนาคำ อ.เมือง โดยนายจิรภัทร สารภาพว่ารู้จักกับนายนคร ตอนติดคุกและเมื่อนายนคร ออกไปแล้วมีการติดตามนำยาบ้ามาส่งให้เพื่อจำหน่ายให้กับเอเย่นต์รายย่อยในพื้นที่และให้นักโทษในเรือนจำด้วย
ต่อมาร.ต.อ.ปฐวี ได้นำกำลังติดตามจับกุมนายนคร แต่ยังไม่พบตัว พบเพียงภรรยาและมารดาของนายนคร เมื่อทำการสอบปากคำแล้วมารดานายนคร ได้นำเงินสด 56,000 บาท ซึ่งเป็นเงินล่อซื้อมามอบให้ตำรวจ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สอบปากคำภรรยาและแม่นายนครไว้เป็นหลักฐานก่อน หากมีหลักฐานเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจะเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีต่อไป ส่วนตัวนายนคร ชุดสืบสวนได้ประสานพนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับต่อไปโดยคาดว่าน่าจะหลบหนีอยู่ตามแนวชายแดนไทย-ลาวหรือไม่ก็ข้ามพรมแดนไปกบดานแล้ว ซึ่งจะได้เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป.
กรมชลฯ เร่งพร่องน้ำเตรียมรับฝนจากพายุลูกใหม่ที่ก่อตัวใกล้ฟิลิปปินส์
วันนี้ (23 ก.ย.) นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำปราจีนล้นตลิ่ง ว่า จากปริมาณน้ำรับได้ 650 ลบ.ม.ต่อวินาทีแต่มีน้ำมากถึง 700 ลบ.ม.ต่อวินาทีทำให้ อ.กบินทร์บุรี ถูกน้ำท่วมสูงนั้น จะมีแนวโน้นดีขึ้นและไม่มีฝนมาเพิ่มอีกเพราะตอนนี้ร่องมรสุมขึ้นไปภาคเหนือตอนล่าง ทำให้ฝนภาคกลางและภาคตะวันออกเบาลงในช่วง 2-3 วันนี้ เนื่องจากร่องมรสุมที่ขึ้นไปภาคเหนือ มีกำลังปานกลาง มีฝนตกไม่รุนแรงแต่เพื่อความไม่ประมาทได้เร่งพร่องน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ระบายอยู่ที่ 1,700 ลบมต่อวินาที เตรียมพื้นที่ไว้รอรับฝนที่จะตกอีกในสัปดาห์หน้า
"ร่องมรสุมพาดผ่านอยู่ภาคเหนือตอนล่างและ อีสานตอนล่าง ทำให้ฝนตกกระจายทั่วไป ขณะนี้พื้นที่ น้ำท่วมที่ จ.ปราจีนบุรี ตอนนี้น้ำขึ้นสูงสุดวันนี้ คาดว่าฝนไม่ตกมาเพิ่มอีก ซึ่ง อ.กบินทร์บุรี ได้รับผลกระทบน้ำท่วมหนัก ซึ่งภายใน 3 วัน นี้จะกลับสู่ภาววะปกติ พื้นที่ลุ่มน้ำปราจีน ถูกน้ำท่วมจากน้ำป่าไหลหลากเป็นประจำ เพราะไม่มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ขณะนี้กำลังก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพระปรง แล้วเสร็จปี 58 รวมทั้งอ่างเก็บน้ำห้วยโสมง จ.ปราจีนบุรี จะแล้วเสร็จปีเดียวกัน ทำให้สถานการณ์น้ำดีขึ้น"นายเลิศวิโรจน์ กล่าว
ในส่วนปัญหาน้ำท่วมที่ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดจากฝนที่ตกในพื้นที่และปริมาณน้ำที่เร่งพร่องจากเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งเป็นธรรมชาติของพื้นที่บริเวณอยู่แล้วที่ต้องเกิดน้ำหลากทุกปีเพราะเมื่อระดับน้ำสูงขึ้นจึงได้เปิดประตูระบายน้ำ อ.ผักไห่ เข้าพื้นที่ทุ่งนา การระบายเข้าทุ่งบางส่วนเป็นการลดระดับน้ำแม่น้ำน้อย แม่น้ำสุพรรณบุรีลง การระบายเข้าทุ่งเพื่อลดผลกระทบกับประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ โดยลดปัญหาน้ำท่วมที่ อ.บางเลน อ.นครชัยศรี อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม โดยเร่งระบายลงแม่น้ำท่าจีน รวมทั้งเพิ่มการระบายน้ำแม่น้ำป่าสัก คลองระพีพัฒน์ ลงแม่น้ำบางปะกง ด้วย
ขณะนี้ได้สั่งการให้ชลประทานในพื้นที่ เร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ทุกแห่งที่ถูกน้ำท่วมเป็นการเร่งระบายเพื่อรอรับน้ำฝนทั้งทุ่งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก สูบออกและเร่งระบายออกทะเลตลอดเวลา โดยกรมอุตุนิยมฯกำลัง ติดตามพายุขณะก่อตัวใกล้ประเทศฟิลิปินส์ ทั้งนี้ยืนยันว่าปริมาณน้ำเหนือไม่มีผลกระทบทำให้เกิดน้ำท่วม กรุงเทพและปริมณฑล เพราะแม่น้ำเจ้าพระยา ยังมีขีดความสามารถระบายได้อีกมากหากสื่อเสนอข่าวน้ำท่วมแบบตรงไปตรงมาสักหนึ่งสัปดาห์เหตุการณ์ทุกอย่างจะไม่น่ากลัวอย่างที่คิด และขณะนี้กรมชลประทาน ได้เตรียมมาตรการป้องกันน้ำฝน โดยเตรียมพื้นที่รองรับน้ำฝนไว้พร้อมและเร่งระบายออกโดยเร็วที่สุด
ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ว่า ปริมาณน้ำไหลผ่าน อ.เมืองนครสวรรค์ 1,762 ลบ.ม.ต่อวินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 3.03 เมตร ส่วนที่เขื่อนเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,725 ลบ.ม.ต่อวินาที ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาต่ำกว่าตลิ่ง 2.54 เมตร ในขณะที่มีปริมาณน้ำไหลผ่านที่อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ในเกณฑ์เฉลี่ยประมาณ 1,596 ลบ.ม.ต่อวินาที รับน้ำได้สูงสุด 3,500 ลบ.ม.ต่อวินาที และจุดนี้ยังเป็นจุดวัดปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะไหลผ่านเข้าสู่กรุงเทพฯและปริมณฑลด้วย ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 1.31 เมตร
ทั้งนี้ ตั้งแต่ในช่วงกลางเดือนก.ย.เป็นต้นมา เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคกลางเป็นบริเวณกว้าง ทำให้มีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลลงสู่แม่น้ำท่าจีน เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำท่าจีนบริเวณ อ.บางเลน และอ.นครชัยศรี จ.นครปฐม แนวโน้มระดับน้ำในแม่น้ำท่าจีนยังคงสูงขึ้น ประกอบกับที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ในช่วงวันที่ 24 – 25 ก.ย. 55 มีแนวโน้มว่าจะเกิดฝนตกชุกหนาแน่นในพื้นที่ภาคกลางไปจนถึงวันที่ 29 ก.ย.
จากสถานการณ์ดังกล่าวได้ปรับแผนการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ด้วยการลดระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาลง เพื่อรองรับน้ำฝนที่จะตกลงมาในพื้นที่ตอนบนบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาสูงขึ้นเล็กน้อย แต่จะไม่กระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยามากนัก ส่วนแม่น้ำท่าจีน แม่น้ำน้อย และคลองชัยนาท-ป่าสัก จะลดการรับน้ำเข้าไป เนื่องจากในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำดังกล่าวได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม อีกทั้งหากเกิดฝนตกหนักตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ไว้ พื้นที่ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกจะสามารถรองรับน้ำได้
นอกจากนี้ กรมชลประทาน จะลดการรับน้ำจากแม่น้ำป่าสักเข้าสู่คลองระพีพัฒน์ ให้อยู่ในเกณฑ์ 15 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อเตรียมพื้นที่บริเวณทุ่งฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างไว้รองรับน้ำฝนที่จะตกลงมาในพื้นที่ ทั้งนี้ แม่น้ำป่าสักมีศักยภาพในการรับน้ำได้สูงสุด 500 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มน้ำริมตลิ่ง ในขณะที่เขื่อนพระรามหก มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 347 ลบ.ม.ต่อวินาที ประกอบกับมีการลดปริมาณน้ำเข้าสู่คลองชัยนาท – ป่าสัก ทำให้แนวโน้มสถานการณ์น้ำในแม่น้ำป่าสักมีระดับน้ำลดลง อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์น้ำในแม่น้ำป่าสักมีแนวโน้มสูงขึ้น จนส่งผลกระทบกับพื้นที่ชุมชนลุ่มต่ำริมตลิ่ง กรมชลประทนจะได้ลดการพร่องน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนริมน้ำต่อไป.
นอกจากนี้ กรมชลประทาน จะลดการรับน้ำจากแม่น้ำป่าสักเข้าสู่คลองระพีพัฒน์ ให้อยู่ในเกณฑ์ 15 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อเตรียมพื้นที่บริเวณทุ่งฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างไว้รองรับน้ำฝนที่จะตกลงมาในพื้นที่ ทั้งนี้ แม่น้ำป่าสักมีศักยภาพในการรับน้ำได้สูงสุด 500 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มน้ำริมตลิ่ง ในขณะที่เขื่อนพระรามหก มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 347 ลบ.ม.ต่อวินาที ประกอบกับมีการลดปริมาณน้ำเข้าสู่คลองชัยนาท – ป่าสัก ทำให้แนวโน้มสถานการณ์น้ำในแม่น้ำป่าสักมีระดับน้ำลดลง อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์น้ำในแม่น้ำป่าสักมีแนวโน้มสูงขึ้น จนส่งผลกระทบกับพื้นที่ชุมชนลุ่มต่ำริมตลิ่ง กรมชลประทนจะได้ลดการพร่องน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนริมน้ำต่อไป.
"หมอป๊อป" โผล่เยี่ยมน้องกระแต
หมอป๊อป โผล่เยี่ยม น้องกระแต พริตตี้ สาวฉีดสารฟิลเลอร์เข้าสะโพกแล้วช็อกหมดสติ เป็นเจ้าหญิงนิทรายันช่วยเหลือค่าพยาบาลค่าเสียหาย ลั่นเลิกรับฉีดแน่นอน ขณะแม่พริตตี้ทำบุญหลวงพ่อสด ขอพรให้ฟื้น
จากกรณีที่ "เดลินิวส์" เสนอข่าวเตือนภัยสังคม น.ส.อาทิตยา เอี่ยมใหญ่ หรือน้องกระแต พริตตี้สาววัย 33 ปี ช็อกหมดสติ สมองขาดออกซิเจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา หลังเข้ารับการทำศัลยกรรมฉีดฟิลเลอร์เข้าสะโพกกับหมอเถื่อน ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว จนภายหลังนายธนัช ณัชวีระกุล อายุ 24 ปี อดีตผู้ช่วยแพทย์ที่รู้จักกันในวงการเสริมความงามว่า "หมอป๊อป" เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจ พร้อมให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ฉีดสารฟิลเลอร์ให้กับพริตตี้สาว เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปชี้จุดเกิดเหตุ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ท้องที่เกิดเหตุ ก่อนได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (23ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณหน้าห้องไอซียู โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 ว่ายังคงมีกลุ่มเพื่อนพริตตี้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเยี่ยมน้องกระแตกันตลอดเวลา โดยมีนายละเมียด เขตขันฑ์ อายุ 64 ปี ผู้เป็นพ่อ และกลุ่มญาติเฝ้าอาการอยู่หน้าห้องไอซียู อยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกันนางระเบียบ ผินกลับ อายุ 57 ปี แม่ของน้องกระแต พร้อมกลุ่มเพื่อนพริตตี้ของน้องกระแตอีกกลุ่ม ได้เดินทางไปทำบุญถวายภัตตาหารเพล และทำบุญผ้าป่าที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พร้อมทั้งขอพรจากหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ช่วยให้น้องกระแตฟื้นกลับมา
ต่อมาเวลา 12.30 น.นายธนัช ณัชวีระกุล หรือ "หมอป๊อป" ได้เดินทางมาขอเข้าเยี่ยมน้องกระแต พร้อมทั้งนำกระเช้าดอกไม้ พร้อมเขียนข้อความในกระดาษว่า "ถึงคุณกระแต ขอให้หายป่วยไวๆ อาการดีขึ้นในเร็ววันครับ จากป๊อป" มามอบให้นายละเมียด ก่อนกราบขอขมา จากนั้นแพทย์ได้อนุญาตให้นายธนัชเข้าไปเยี่ยมน้องกระแตภายในห้องไอซียู นานประมาณ 10 นาที ก่อนจะออกมาสอบถามอาการของน้องกระแต จาก นพ.สุวินัย บุษราคัมวงษ์ แพทย์เจ้าของไข้
นายธนัช กล่าวว่า สาเหตุที่ตนเพิ่งเดินทางมาเยี่ยมคุณกระแตในวันนี้ ก็เพราะก่อนหน้านี้ตกเป็นข่าวอยู่ แต่หลังจากนี้จะพยายามเดินทางมาเยี่ยมบ่อยขึ้น เพราะอยากให้คุณกระแตอาการดีขึ้น รู้สึกเป็นห่วง เพราะก่อนหน้านี้เห็นว่ายังกระพริบตาได้ แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกตัวแล้ว ซึ่งตนยืนยันว่าจะช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาลและค่าสินไหมทดแทน ส่วนเรื่องทางคดีนั้น หลังจากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวทางพนักงานสอบสวนก็แจ้งว่า จะนัดไปสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง แต่ยังไม่ได้ระบุว่าเป็นวันไหน จากนั้นก็จะนัดให้ตนกับพ่อแม่ของคุณกระแตไปเจรจาเรื่องค่ารักษาพยาบาลกับค่าสินไหมทดแทนอีกครั้ง ส่วนเงิน 40,000 บาทที่เป็นค่าฉีดฟิลเลอร์นั้น ก็จะคืนให้พร้อมเงินค่ารักษาพยาบาลและค่าสินไหมเลย
นายธนัช กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นผู้ช่วยแพทย์ที่คลินิกแห่งหนึ่งเมื่อช่วงกลางปี 51 จนถึงช่วงกลางปี 52 ก็เลิกทำ ก่อนจะออกมาเรียนต่อด้านนิเทศศาสตร์ โดยตั้งใจว่าหลังจบจะทำงานด้านที่เรียนมา แต่เมื่อช่วง 5 เดือนก่อน เริ่มมีกลุ่มคนรู้จักไปซื้อวิตามินซี ราคาหลอดละ 3 บาท มาให้ตนช่วยฉีดให้ โดยเชื่อว่า ถ้าฉีดแล้วจะไม่เป็นหวัด ตนจึงเริ่มฉีดให้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาโดยไม่คิดเงิน แต่หากเป็นลูกค้าคนอื่นๆที่ไม่สนิทก็จะคิดเข็มละ 200 บาท ส่วนสารอื่นๆ ที่เคยฉีดให้กลุ่มลูกค้านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นกลูต้า หรือฟิลเลอร์ ซึ่งหากลูกค้านำมาเอง ตนจะคิดราคาเข็มละ 700 บาท ทั้งนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาให้ฉีดก็จะเป็นพวกพริตตี้ทั่วไป ยังไม่เคยมีพริตตี้ชื่อดัง หรือนางแบบชื่อดังมาฉีดแต่อย่างใด
นายธนัช กล่าวด้วยว่า สำหรับสารฟิลเลอร์นั้น เคยฉีดให้ลูกค้ามาบ้างแล้ว แต่ไม่เคยมีใครเกิดอาการแพ้ อีกทั้งตนก็ฉีดที่ใบหน้าตัวเองบริเวณจมูก ร่องแก้ม และคาง ก็ไม่เคยแพ้แต่อย่างใด ส่วนกรณีของคุณกระแตนั้น ตอนแรกก็ตั้งใจจะไม่ฉีดให้ เพราะกำลังเดินเล่นอยู่ที่อื่น แต่เพื่อนบอกว่าคุณกระแตติดต่อมาเป็นปีแล้ว อีกทั้งวันเกิดเหตุ คุณกระแตก็เป็นฝ่ายโทรศัพท์ตามตนตั้งแต่ช่วง 16.00-20.00 น. หลายสายมาก ซึ่งรายละเอียดอื่นๆตนไม่ขอพูดมากกว่านี้ เพราะต้องใช้ในชั้นศาล อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ตนจะไม่รับฉีดสารให้ลูกค้าแล้วแน่นอน จากนั้นนายธนัช ได้เดินทางกลับ โดยแจ้งว่าจะเดินทางมาเยี่ยมน้องกระแตอีกครั้งในช่วงก่อนเที่ยงวันพรุ่งนี้ (24 ก.ย.) เพื่อรอพบหน้าแม่ของน้องกระแตด้วย
ด้านนายละเมียด กล่าวว่า ลูกสาวเป็นกำลังหลักของครอบครัวมาตลอด ส่งเงินให้พ่อแม่ใช้เป็นประจำ แม้จะไม่ค่อยรบกวนลูกก็ตาม หากเกิดเรื่องฉุกเฉิน ลูกสาวก็จะรีบส่งเงินมาให้ทันที เจอหน้าลูกสาวครั้งสุดท้ายเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน จนกระทั่งวันเกิดเหตุก็มาเจอลูกสาวตอนไม่รู้สึกตัวแล้ว ตอนนี้กำลังพยายามทำใจ เพราะเรื่องเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ตนก็อยากให้ลูกสาวฟื้นกลับมา แม้จะหายเป็นปกติ หรือกลับมาแล้วไม่เหมือนเดิมก็ขอให้กลับมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายธนัช มาขอขมาแล้ว จะให้อภัยหรือไม่ นายละเมียด กล่าวว่า จะพูดว่าให้อภัยก็ได้ หรือไม่ให้อภัยก็ได้ แต่การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดีที่สุดตามหลักศาสนาพุทธ แต่อยากให้ลองคิดกลับกันบ้าง หากฝ่ายตนเป็นคนทำให้ญาติเขากลายเป็นแบบลูกสาวตนบ้าง ฝ่ายนั้นจะให้อภัยตนหรือไม่ แต่เมื่อทำผิดแล้วยอมรับผิดชอบ ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่รู้ว่าการมาขอขมาแบบนี้เป็นการทำเอาหน้าหรือเปล่า
ขณะที่ นพ.สุวินัย บุษราคัมวงษ์ แพทย์เจ้าของไข้ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าได้ตรวจดูอาการของคนไข้แล้วพบว่า อาการยังทรงตัวอยู่ ไม่รู้สึกตัวเหมือนเดิม ม่านตายังขยายอยู่ไม่มีการตอบสนอง และยังหายใจเองไม่ได้ ความดันโลหิตดีขึ้น ตอนนี้สามารถควบคุมระดับน้ำตาลกับเกลือแร่ได้แล้ว แต่ก็ต้องให้ยาลดอาการสมองบวม ยาบำรุงสมอง อีกหลายตัว พร้อมทั้งคอยกระตุ้นสมองอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งเฝ้ารอดูอาการเป็นระยะๆต่อไป แต่หากเวลาผ่านไปนานขึ้นโอกาสฟื้นก็จะยากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามหากอาการยังทรงตัวต่อไป 2-3 วัน ก็จะเอกซเรย์สมองอีกครั้ง อย่างไรก็ตามสถิติทางการแพทย์ของต่างประเทศนั้น จากการประเมินกรณีแบบนี้พบว่า หากเกิน 3 วันแล้วยังไม่ฟื้น โอกาสฟื้นกลับมาก็มีไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ และหากเกิน 1 สัปดาห์แล้วยังไม่ฟื้นกลับมา โอกาสฟื้นก็น่าจะอยู่ที่ศูนย์เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแพทย์ก็ได้ปรึกษากับพ่อแม่คนไข้ ถึงการดูแลคนไข้หลังจากนี้แล้ว.