วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
โปลิศสองพี่น้อง จับวัยโจ๋พกปืนปากกา
ตำรวจ สภ.สองพี่น้อง จับกุม นายเอกชัย ดวงเนตรงาม หรือเอก ได้พร้อมปืนปากกา
วันนี้ (24 พ.ค.) พ.ต.ท.สุภาพ วัยนิพิฐพงษ์ รอง ผกก.ป.สภ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุกฤษฏิ์ วิศิษฐ์ชนะชัย สวป. ร.ต.ท.สัญญา วิจิตธำรงศักดิ์ รอง สวป. ด.ต.สมเจต แสงเพ็ญอ่อน สายตรวจรถจักรยานยนต์ นำหมายค้นศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ 666/2556 เข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 67/1 ถนนโพธิ์อ้น-หวายสอ เขตเทศบาลเมืองสองพี่น้อง อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี บ้านเป้าหมายยาเสพติด และอาวุธสงคราม ร่วมกันจับกุมตัว นายเอกชัย ดวงเนตรงาม หรือเอก อายุ 20 ปี หลังตรวจพบอาวุธปืนปากกา ขนาด .38 แบบไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก ซุกซ่อนอยู่ใต้โต๊ะเครื่องแป้ง สอบสวนให้การว่า เป็นของเพื่อนชื่อ นายแบงค์ ได้นำมาฝากไว้ จึงแจ้งข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวพร้อมของกลางส่ง ร.ต.ท.สมบัติ สำเรียนรัมย์ พนักงานสอบสวน สภ.สองพี่น้อง ดำเนินคดีต่อไป
“กฤชวัฒน์ com7” เจ้าแห่งธุรกิจไอที
จากชายหนุ่มที่ไม่เคยสนใจวงการคอมพิวเตอร์ กลายมาเป็นเจ้าแห่งวงการไอที ที่มีมูลค่าธุรกิจเกือบ 20,000 ล้านบาท มีร้านค้าในเครือกว่า 300 สาขาทั่วประเทศ ทั้งธุรกิจขายส่งและขายปลีกสินค้าไอทีทุกประเภท คนที่เรากำลังเอ่ยถึงนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เขาคือ “กฤชวัฒน์ วรวานิช” เจ้าของ “COM7” นั่นเอง
สำหรับชื่อ COM7 หลายคนฟังแล้วอาจไม่คุ้นหู แต่ถ้าพูดถึงชื่อ “Banana IT” ร้านขายสินค้าไอทีกว่า 10,000 รายการ ที่วางจำหน่ายบนห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศคงรู้จักกันเป็นอย่างดี “งานค้นคน คนค้นงาน” สัปดาห์นี้จะพาท่านไปรู้จักผู้ชายคนนี้ว่ามีเคล็ดลับในการทำธุรกิจอย่างไร ให้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
กฤชวัฒน์ ย้อนความให้ฟังว่า สมัยที่เรียนอยู่คณะบริหารการตลาด มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ไม่เคยสนใจวงการคอมพิวเตอร์เลย เพราะในชั้นเรียนได้เรียนรู้ case study เฉพาะเรื่องการตลาดของสินค้าอุปโภคและบริโภค (Customer Product) เท่านั้น จนกระทั่งเมื่อจบการศึกษาปี 2539 มีเพื่อนชวนมาเปิดร้านคอมพิวเตอร์ที่ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า จึงมองเห็นช่องทางที่ธุรกิจประเภทนี้สามารถเติบโตได้และได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาทำการตลาดทั้งค้าปลีกและค้าส่ง
“ช่วงปี 2540 เป็นยุคฟองสบู่แตก มีหลายธุรกิจที่โดนผลกระทบจนต้องปิดกิจการไป แต่เรามองเห็นช่องทางธุรกิจตรงนี้ เราเลยพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยการรับซื้อสินค้าค้างสต๊อกจากบริษัทนำเข้าอุปการณ์ไอทีต่างๆ แล้วเอามาขายต่อด้วยการส่งออก ให้ได้กำไร”
COM7 เริ่มจากจุดเล็กๆ ที่ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า แล้วขยายสาขาภายในห้างเดิมก่อน เมื่อเป็นที่รู้จักมากขึ้น ก็มีร้านขายปลีกจากต่างจังหวัดมารับสินค้าไปขายต่อ กฤชวัฒน์ จึงเกิดความคิดว่าจะจัดตั้งทีมขายเพื่อนำสินค้าไปเสนอขายตามร้านขายปลีกต่างๆ จนกลายเป็นรูปแบบการขายตรงด้านอุปกรณ์ไอที และขยายธุรกิจต่อด้วยการวางแผนการตลาดร่วมกับบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ไอทีต่างๆ เช่น การนำเข้าสินค้าเป็นล็อตใหญ่ๆ เพื่อลดต้นทุน ในการบริหารงานของกฤชวัฒน์นั้นจะเน้นการทำธุรกิจแบบมองหาโอกาสและความเป็นไปได้
ผ่านมาแล้ว 17 ปี กฤชวัฒน์ได้กลายเป็นเจ้าแห่งวงการไอที มีธุรกิจค้าปลีกในชื่อ Banana IT และค้าส่งในนาม COM7 โดยการมองหาโอกาสอย่างไม่หยุดนิ่ง เริ่มด้วยการขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว ขยายไปสู่นำเข้าสินค้าประเภท Gadget แบบใหม่ๆ ที่มีจำหน่ายในต่างประเทศมานำเสนอให้กับผู้ซื้อในบ้านเรา สินค้าประเภท DIY และสินค้าประเภทโมบายลิตี้ เป็นต้น และนอกจากจะมีหน้าร้านขายปลีกแล้ว COM7 ยังเอาใจคนยุคใหม่ที่ชอบการช็อปปิ้งออนไลน์ ด้วยการเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านเว็บไซด์ www.bananait.com
“ผมยึดถือลูกค้าเป็นสำคัญ ให้ความต้องการของลูกค้าเป็นตัวตั้ง และตอบสนองความต้องการนั้นๆ เน้นความจริงใจและซื่อสัตย์ เหมือนขายของให้ญาติพี่น้อง ทำให้ไอทีเป็นเรื่องง่ายๆ ให้ลูกค้ารู้สึกสะดวกสบายในการซื้อสินค้าของเรา” นี่เป็นที่มาว่าทำไมเราถึงเปิดร้านขายปลีกบนห้างสรรพสินค้าและเพิ่มช่องทางออนไลน์ขึ้นมา และที่สำคัญเมื่อเราเติบโตมาถึงจุดนี้ เราก็ไม่ลืมที่จะตอบแทนสังคมด้วยกิจกรรมดีๆ เช่น การไปปลูกป่าชายเลน การเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้า และในปีนี้ เราก็มีโครงการมอบอาคารโรงเรียนคอมพิวเตอร์ให้กับชุมชนอีกด้วย โดยใช้ชื่อโครงการว่า “ห้องคอมของหนู” ซึ่งจะเป็นการมอบอาคารเรียนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ครบชุดให้กับเด็กๆในชุมชนที่ห่างไกล และเปิดโอกาสให้ลูกค้าร่วมทำบุญกับเราด้วยการบริจาคผ่านตู้รับบริจาคที่หน้าร้าน Banana IT ทุกสาขา สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร.02-714-5880
และเช่นเคยท่านสามารถติดตามรับชมเรื่องราวของคุณกฤชวัฒน์ วรวานิช ได้อย่างเต็มอิ่ม แบบคำต่อคำ ทางรายการ “ฝีมือพารวย” ในวันอาทิตย์ที่ 26 พ.ค. เวลา 13.05 น. ทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม “เดลินิวส์ทีวี ช่อง 26”(จานดำ PSI ) หรือ www.dailynewstv.tv ทางอินเทอร์เน็ต สนับสนุนโดย กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน WWW.dsd.go.th กระทรวงแรงงาน
“จ๊อบแมน”
“จ๊อบแมน”
ยิงสองวัยรุ่นชาวอำเภอย่านตาขาวดับกลางถนน
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 24 พ.ค. ร.ต.ท.ธีระพัฒน์ เจริญฤทธิ์ พนักงานสอบสวน สภ.ย่านตาขาว จ.ตรัง รับแจ้งเหตุวัยรุ่นถูกยิงตาย 2 ศพที่บริเวณถนนบ้านต้นธง-ไทรงาม หมู่ที่ 1 ตำบลนาชุมเห็ด อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วย ผกก.สส.ภ.จว.ตรัง ,ผกก.สภ.ย่านตาขาว เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรัง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิอำเภอย่านตาขาว รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบศพของนายสุทธิรักษ์ เพชรสุทธิ์ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ที่ 1 ตำบลนาชุมเห็ด อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง สภาพศพนอนเสียชีวิตอยู่ริมถนน จากชันสูตรพลิกศพพบบาดแผลถูกยิงด้วยด้วย อาวุธปืนขนาด 9 มม.จำนวน 6 นัด เข้าที่ลำตัวข้างขวา หน้าอก บริเวณท้องและแขนซ้ายอย่างละ 1 นัด และที่แผ่นหลังจำนวน 2 นัด ใกล้กันมีรถจยย. ฮอนด้า ดรีมสีดำ ไม่มีป้ายทะเบียน จอดล้มอยู่ และพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่เกลื่อนถนน จำนวน 6 ปลอก และพบหัวกระสุนชนิดเดียวกัน จำนวน 1 ชิ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
นอกจากนั้นบนถนนห่างจากศพแรกประมาณ 3 เมตรยังพบศพนายยงยุทธ ชัยเพชร อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 176 หมู่ที่ 1 ตำบลนาชุมเห็ด อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง จากการชันสูตรพบถูกยิงด้วยปืนขนาดเดียวกัน จำนวน 6 นัด เข้าที่บริเวณหน้าอก แขนขวาและแผ่นหลังอย่างละ 1 นัด และที่แขนซ้ายจำนวน 3 นัด
จากการสอบสวน ทราบว่า นายสุทธิรักษ์ เป็นคนขับรถจยย.โดยมีนายยงยุทธ นั่งซ้อนท้ายมาจากในพื้นที่บ้านต้นธง ซึ่งคาดว่า มาจากการมั่วสุมเสพน้ำใบกระท่อมและดื่มสุรา เนื่องจากมีร่องรอยน้ำใบกระท่อมเรี่ยราดเกลื่อนพื้นถนนและมีขวดน้ำดื่มพลาสติกที่ใช้บรรจุน้ำใบกระท่อมตกอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย โดยคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 2 คนขี่รถจยย.ตามหลังมาก่อนประกบยิงใส่ผู้ตายทั้ง 2 ด้วยความโกรธแค้นอย่างรุนแรง และหลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามสกัดจับแล้วแต่ยังไร้วี่แวว
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายยงยุทธ นั้นเพิ่งถูกออกหมายจับในคดีลักทรัพย์ในเคหะสถานไปเมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นายสุทธิรักษ์ก็อยู่ในกลุ่มเดียวกัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งประเด็นถูกตามล้างแค้น และประเด็นขัดแย้งธุรกิจผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามจะสอบสวนข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นศ.สาวปี4รอดไอ้หื่นหวุดหวิด
หนุ่มหื่นขี่ จยย.ปาดหน้านักศึกษาสาว ปี 4 ตบหน้า ต่อยท้อง กระชากขึ้นรถหวังพาไปข่มขืน ฝ่ายสาวทำใจดีสู้เสือ ฉวยโอกาส ผ่านบ้านประชาชน ตัดสินใจกระโดด จนรถจยย.ล้ม ก่อนวิ่งขอความช่วยเหลือชาวบ้าน รอดเป็นเหยื่อกามหื่น
เมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 24 พ.ค. ร.ต.ท.จิรวัฒน์ วันโพนทอง พงส. สภ.เมืองร้อยเอ็ด รับแจ้ง พบ รถ จยย.ยามาฮ่า ฟีโน่ สีชมพู ทะเบียน ขยษ 632 ร้อยเอ็ด ล้มคว่ำติดเครื่องอยู่ ริมถนนสายร้อยเอ็ด – จตุรพักตรพิมาน ระหว่าง กม. 6 – 7 บ้านแก่นทราย หมู่ 14 ต.รอบเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด แต่ไม่พบเจ้าของ ข้างรถยัง พบรองเท้าผู้หญิงตกอยู่ 1 คู่ เสื้อยกทรง 2 ตัว และ กระเป๋าสะพาย 1 ใบ จึงรีบรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.กิตติรัชต์ น้อยโพนทอง ผกก.และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย
ขณะเดียวกัน ศูนย์วิทยุพลาญชัย รับแจ้งจากชาวบ้านหนองบั่ว ต.สะอาดสมบูรณ์ว่า มีหญิงสาวอยู่ในอาการตกใจ มาขอความช่วยเหลือ เบื้องต้นบอกถูกคนร้ายพยายามฉุดไปทำมิดีมิร้าย จึงเดินทางไปสอบสวนพบ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด นักศึกษา ชั้นปีที่ 4 มหาลัยแห่งหนึ่งในภาคอีสาน อยู่ในอาการหวาดผวา สภาพเนื้อตัวมอมแมม ตามร่างกายมีแผลถลอกหลายแห่ง
สอบสวน น.ส.เอ ให้การว่า ขี่รถจยย.ออกจาก จ.มหาสารคาม เวลา 23.00 น.วันที่ 23 พ.ค. มุ่งหน้ากลับบ้านที่ อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด ตามลำพัง เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว ระหว่างขี่ผ่านเขต ต.รอบเมือง กำลังมีการก่อสร้างถนน สังเกตเห็นมี จยย.ขี่ตามหลังมาอย่างผิดสังเกต จึงพยายามเร่งเครื่องเร็วขึ้น แต่ จยย.คันดังกล่าวได้ขับตามไม่ลดละ ถึงที่เกิดเหตุจึงชะลอรถให้แซงเพื่อดูท่าที ทันใดนั้นคนขับซึ่งเป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีดำ สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ ใช้จยย.ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ไม่ติดทะเบียน ขี่ปาดหน้า ให้จอดรถ ชายดังกล่าวตรงดิ่งเข้ามาตบหน้า 1 ครั้ง ชกเข้าหน้าท้อง 1 ครั้ง กระชากลากจูงให้ไปขึ้นรถ แล้วถีบรถตนเองล้ม
น.ส.เอ ให้การอีกว่า ตนเจ็บ และตกใจมาก จึงยกมือไหว้ ชายคนดังกล่าว ก็ยังลากตนขึ้นนั่งบน รถจยย.ด้านหน้า ขี่ไปตามทางที่มืด หมายจะพาไปข่มขืน ระหว่างนั้นตนจึงทำทีใจดีสู้เสือ ชวนคนร้ายพูดคุย และบอกยินยอมทุกอย่างแต่ขอให้ไว้ชีวิต จังหวะที่คนร้ายเผลอช่วงขี่รถผ่านหมู่บ้าน จึงตัดสินใจกระโดดออกจากอ้อมแขนคนร้าย ทำให้ จยย.คนร้ายล้มทั้งคนทั้งรถ ตนลุกขึ้นได้วิ่งไปขอความช่วยเหลือชาวบ้านอย่างไม่คิดชีวิต คนร้ายเห็นท่าไม่ดี ขี่รถจยย.หลบหนีไป
เจ้าหน้าที่จึงวิทยุติดตามไล่ล่าทั้งคืนแต่ก็ไร้วี่แวว จึงนำตัวผู้เสียหายมาลงบันทึกประจำวัน แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพื่อติดตามคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป..
ใต้บึ้มทหารพรานดับ4เจ็บ2
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 24 พ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี รับแจ้งมีเหตุลอบวางระเบิดบนถนน ในพื้นที่ หมู่ 4 ต.บือเร๊ะ บ้านบือเร๊ะ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี จีงไปตรวจสอบ พบว่าคนร้ายลอบวางระเบิดถนน กดชนวน ขณะรถของเจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย ร.4204 ฉก.ทหารพรานที่ 44 ขับผ่านมา ขณะออกลาดตระเวน ทำให้เจ้าหน้าที่ทหาร เสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บ 2 นาย ถูกนำตัวส่ง รพ.สมเด็จพระยุพราช อ.สายบุรี แพทย์เร่งให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่เข้าที่เกิดเหตุทันที เกรงว่าจะเป็นแผนลวง กดชนวนระเบิดซ้อน จึงให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนเข้าตรวจหาหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง..
โจรใจบาปบุกงัดกุฎิพระนักเทศน์ดัง
โจรใจบาปบุกงัดกุฏิพระนักเทศน์ชื่อดังเมืองสองแคว ขณะกำลังประกอบกิจสวดมนต์ในวันวิสาขบูชา กวาดทรัพย์สินพร้อมพระเครื่องอีกกว่า 30 องค์ มูลค่ากว่า 5 แสนบาท หลบหนีลอยนวล
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 24 พ.ค. พ.ต.ท.อุบล กันทะเขียว สารวัตรเวร สภ.อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก รับแจ้งจากชาวบ้านตำบลวังอิทก ว่ามีคนร้ายบุกงัดกุฎิพระภายในวัดหนองเต่าดำ ต.วังอิทก อ.บางระกำ โดยคนร้ายได้ทรัพย์สินเงินสดพร้อมพระเครื่องไปเป็นจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปทำการตรวจสอบพร้อมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 จ.พิษณุโลก ซึ่งภายในวัดซึ่งกำลังมีการจัดงานทำบุญเนื่องในวันวิสาขบูชา จึงมีชาวบ้านเป็นจำนวนมากมายืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับ พระอธิการมานพ รักขิตะวังโส ( พระอาจารย์นพ พระนักเทศแหล่ชื่อดัง ) และนำพาเจ้าหน้าที่ไปชี้จุดเกิดเหตุซึ่งเป็นกุฏิของเจ้าอาวาสที่คนร้ายงัดบุกงัดหน้าต่าง โดยมีรอยเท้าคนร้ายปีนเข้าทางบริเวณหน้าต่างซึ่งมีรอยเปลื้อนคราบดินโคน ติดอยู่ที่ฝาผนังเป็นทางยาว
โดยจุดเกิดเหตุเป็นกุฏิแฝดติดกัน 2 หลัง โดยหลังแรกที่คนร้ายบุกงัดหน้าต่างปีนเข้ามาเป็นกุฏิของ พระสุทัด ปะสันโน อายุ 62 ปี เป็นพระลูกวัดหนองเต่าดำ ตรวจสอบภายในห้อง ข้าวของถูกรื้อค้นกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ และพบว่ามีเงินสดที่เก็บไว้ในย่าม หายไปจำนวน 5,400 บาท หลังจากนั้นกุฏิที่อยู่ติดกันซึ่งเป็นกุฏิของ พระอธิการมานพ รักขิตะวังโส อายุ 50 ปี เจ้าอาวาสวัดหนองเต่าดำ และยังเป็นพระนักเทศนักแหล่ชื่อดังของจังหวัดพิษณุโลก ที่บริเวณประตูหน้ากุฏิ พบมีดปลายแหลมตกอยู่จำนวน 1 เล่ม และตรวจพบว่าที่ประตูมีร่องรอยถูกงัดจนประตูเปิดอ้าออก ข้าวของภายในห้องถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย ไปทั่ว
ตรวจสอบภายในห้องพบว่าเงินสดจำนวน 5 หมื่นบาท ที่เก็บไว้ภายในย่ามห้อยไว้ที่บริเวณหัวเตียงนอน หายไป และยังพบว่า พระเครื่องที่ทางพระอธิการมานพ เก็บสะสมไว้ได้หายไปทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย พระผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ จ.ระยอง สูญหายไปกว่า 10 องค์ หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน รุ่นต่างๆ ที่เก็บสะสมไว้ ก็สูญหายไปทั้งหมด โดยตีเป็นมูลค่าทั้งหมด น่าจะกว่า 5 แสน บาท
จากการสอบสวนพระอธิการมานพ ให้การว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทางวัดได้จัดงานทำบุญเนื่องในวันวิสาขบูชา ตั้งแต่ ช่วง 06.00 น. โดยพระทุกรูปต่างก็ขึ้นไปประกอบกิจบนศาลาการเปรียญ สวดมนต์ จนกระทั่งช่วงเวลา 08.30 น. อาตมาก็ได้ลงจากศาลาเพื่อกลับมาที่กุฏิ ก็พบว่ากุฏิถูกงัดเปิดอ้าอยู่ จึงได้ไปตามชาวบ้านมาช่วยกันดู โดยพบว่าสิ่งของภายในห้องหายไปจำนวนมาก จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ โดยมีชาวบ้านพบเห็นรถยนต์ปิกอัพรุ่นเก่าตอนเดียวไม่ทราบยี่ห้อ สีดำขับเข้ามาจอดและเลี้ยวกลับรถที่บริเวณหน้ากุฏิช่วงเวลา 07.00 น. ซึ่งต่างก็ไม่ได้เอะใจสงสัย เพราะคิดว่าเป็นรถที่ขับมาทำบุญ ประกอบกับเสียงเครื่องไฟนั้นดังมาก จนกระทั่งมาพบว่ากุฏิพระถูกงัดจึงเชื่อว่าน่าจะเป็นรถของคนร้ายที่ขับมาโจรกรรมทรัพย์สินในครั้งนี้ไป โดยชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างเดินทางมายืนมุงดูเหตุการณ์ พร้อมกับรุมประณามการกระทำของโจรใจบาปที่ลงมืออุกอาจในช่วงที่พระกำลังสวดมนต์ในวันวิสาขบูชาอยู่บนศาลากาเปรียญ ท่ามกลางญาติโยมที่มาทำบุญกันอย่างหนาแน่น โดยมีชาวบ้านต่างกล่าวสาบแช่งคนร้ายรายนี้ให้ตกนรก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญตัวพระอธิการมานพ พร้อมกับชาวบ้านที่พบเห็นรถคันดังกล่าวไปทำการสอบสวนเพื่อติดตามคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป...
เล็งแจ้งข้อหาสองสาวเปลือยเต้นฮึ่มดื้อโดนหมายจับแน่
วันนี้ (26 พ.ค.) พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผู้บังคับการกองบังคับการ ปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) กล่าวถึงคลิป 2 สาวเต้นเปลือย ว่า ลักษณะดักล่าวเข้าข่ายการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อย่างชัดเจน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบค้นตามที่อยู่ของผู้โพสต์ จึงอยากฝากผ่านสื่อให้ทั้งคู่รีบมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการกฎหมาย หากไม่มาคงต้องมีการออกหมายจับตามภาพที่ปรากฎ เช่นเดียวกับคดีที่มีหนุ่มเปลือยกายขี่มอเตอร์ไซค์ทั่วเมืองเชียงใหม่ หากมีผู้เสียหายมาแจ้งความทาง ปอท.ก็พร้อมจะดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป
"ส่วนตัวอยากฝากขอให้ทุกคนที่ใช้อินเตอร์เน็ตทุกคนว่าควรใช้อย่างสร้างสรร ไม่ควรเผยแพร่หรือแชร์ข้อความหรือใด ๆ ที่ไม่เหมาะสมเด็ดขาด เพราะเจ้าหน้าที่พร้อมจะเข้าดำเนินคดีกับทุกคนที่กระทำสิ่งผิดกฎหมายอย่างแน่นอน" ผบก.ปอท. กล่าว.
แก็งเงินกู้เหิมยิงปืนขู่ปากระจกบ้านลูกหนี้
แก็งเงินกู้ เหิมยิงปืนขู่ 5 นัด แถมปากระจกบ้านลูกหนี้ ตำรวจตรวจสอบเผยรู้ตัว เร่งติดตามมาดำเนินคดี
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูเพียง จ.น่าน เข้าตรวจสอบที่บ้านของนายสินชัย คุณนำผล อายุ 56 ปี หลังเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมามีคนร้ายประมาณ 3 คน ใช้รถยนต์ไม่ทราบยี่ห้อ สีดำเป็นพาหนะขว้างก้อนหิน และกระถางต้นไม้ใส่บ้านของตน เลขที่ 94 หมู่ 2 บ้านแสงดาว ต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง จ.น่าน จนได้รับความเสียหาย และยิงปืนขู่ หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ภูเพียง เดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ
ซึ่งที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูน 2 ชั้น ติดถนนไม่มีรั้ว หน้าบ้านพบกระถางต้นไม้ 3 ใบแตกกระจายเกลื่อน และกระจกถูกทุบแตกเป็นกระจายกระเด็นเข้าไปในตัวบ้าน ตรวจสอบไม่พบมีผู้ได้รับบาดเจ็บ
นายสินชัย คุณนำผล เจ้าของบ้านที่เสียหาย เล่าว่า ขณะนอนอยู่ในบ้านได้ยินเสียงรถยนต์มาจอดที่หน้าบ้าน โดยมีชาย 3 คนลงมาจากรถแล้วเข้าทุบกระถางต้นไม้ และกระจกบ้านแตกเสียหาย พร้อมกับตะโกนเรียกหาคนชื่อต้อม ก่อนยิงปืนขึ้นฟ้า 2 นัด ซึ่งตนอยู่กับลูกเมียในบ้านบนชั้น 2 ไม่กล้าออกไป ได้แต่ตะโกนตอบกลับไปว่าบ้านหลังนี้ไม่มีคนชื่อต้อม มาผิดหลังแล้ว แต่ชายดังกล่าวไม่ฟัง ยิงปืนขึ้นฟ้าขู่อีก 2 นัด พร้อมตะโกนให้นำเงินไปใช้คืน และบอกว่าตนเองชื่ออ๋า บ้านสวนตาล ไปเรียกตำรวจมาจับได้เลย ไม่กลัว ก่อนยิงปืนขึ้นฟ้าอีก 1 นัด แล้วพากันขึ้นรถขับออกไป ตนและคนในครอบครัวกลัวมาก ไม่เคยไปกู้หนี้ยืมสินใคร ซึ่งคาดว่าน่าจะมาทวงผิดหลัง เพราะถัดบ้านตนเองไป 3 หลัง มีคนชื่อเหมือนกับที่แก็งเงินกู้มาเรียกหา และชาวบ้านระแวกนี้ก็เคยเห็นว่ามีคนมาทวงหนี้ ซึ่งได้ยินว่ามีการขู่อาฆาตกันไว้ คาดว่าสาเหตุ อาจจะมาจากเรื่องนี้
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.ภูเพียง โดย พ.ต.ท..สุวัฒน์ จินดาวรรณ รองผกก.ฝ่ายสืบสวน สภ.ภูเพียง เปิดเผยว่า ขณะนี้ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวมาสอบสวนถึงที่มาของการก่อเหตุครั้งนี้ และดำเนินคดีตามกฎหมาย
สาวเต้นเปลือยสำนึกปล่อยคลิปขอโทษจริง ๆ
วันนี้ (26 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีคลิปของ 2 สาวสวยเปลือยกายเต้นเพลง "รักต้องเปิด (แน่นอก)" ของนักร้องค่ายดัง ชื่อดัง ซึ่งถูกแพร่เผยอย่างกว้างขวาง จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมกันอย่างเผ็ดร้อน ว่า ล่าสุด ได้มีคลิปของทั้งคู่ปรากฎผ่านโลกออนไลน์ชื่อ "ขอโทษจริง ๆ" ความยาว 1.47 นาที เป็นภาพ 2 สาวอยู่ในชุดลำลองกล่าวขอโทษพร้อมยกมือไหว้ ยอมรับว่าทำไปเพราะความเมาจนขาดสติ พร้อมฝากขอโทษสาวประเภทสองทุกคนด้วย
ขณะที่หญิงสาวอีกคนที่ระบุบว่าตัวเองชื่อ "ไอซ์" กล่าวขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ทำลงไปเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พร้อมวอนขอให้หยุดแชร์คลิปดังกล่าวด้วย เนื่องจากจุดประสงค์ที่ถ่ายไว้ เพียงเพราะนึกสนุกเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะเผยแพร่หรืออยากดังแต่อย่างใดเลย.