โซนี่ชูเทคโนโลยีไร้กระจก ดี-เอสแอลที “ทรานส์ลูเซนต์” ต่อกรเจ้าตลาด ดีเอสแอลอาร์ ยกจุดเด่นถ่ายต่อเนื่องกับวัตถุเคลื่อนที่ได้ดีกว่า
ตลาดกล้องถ่ายภาพชนิดD-SLR (ดีเอสแอลอาร์) หรือกล้องสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยว ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับยี่ห้อที่ครองตลาดมานาน และนักถ่ายภาพมืออาชีพนิยมใช้ ซึ่งแข่งขันกันอยู่เพียง 2 ราย ได้แก่นิคอนและแคนนอน มีรายงานว่า โซนี่ ที่มีกล้องแบบสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยวอยู่ด้วย ได้ปรับตัวเน้นให้ความสำคัญกับกล้อง D-SLT โดย T หมายถึงทรานสลูเซนต์ มิเรอร์ เทคโนโลยี หรือเทคโนโลยีกระจกโปร่งแสง ที่โซนี่พัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ในกล้องมิเรอร์เลส ขึ้นเพื่อสร้างความแตกต่าง
ผู้บริหารโซนี่ อธิบายว่า เทคโนโลยีกระจกโปร่งแสง ถือเป็นหัวใจหลักของกล้องโซนี่อัลฟ่า D-SLT (Digital Single Lens Translucent) ซึ่งทำให้มีความแตกต่างจากกล้องดิจิทัลชนิดเปลี่ยนเลนส์ได้ยี่ห้ออื่นๆ ในท้องตลาด จุดเด่นที่แตกต่างอย่างชัดเจนคือ ระบบออโต้โฟกัสที่ทำงานได้ต่อเนื่องตลอดเวลา คุณสมบัติที่สำคัญต่อผู้ใช้ เนื่องจากบางสถานการณ์ วัตถุที่ต้องการจะถ่าย เคลื่อนที่อยู่ตลอด เช่น เด็กที่กำลังวิ่งเล่น หรือสัตว์เลี้ยง จำเป็นต้องใช้ออโต้โฟกัสที่ตอบสนองอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ระบบออโต้โฟกัสในกล้องดีเอสแอลอาร์ ทั่วไป จะหยุดทำงานเมื่อกระจกดีดขึ้น เพื่อบันทึกภาพ แต่กล้องโซนี่ดีเอสแอลที ระบบนี้ ยังทำงานต่อเนื่องตลอดเวลา เพราะเทคโนโลยีกระจกโปร่งแสง ไม่มีการดีดของกระจกสะท้อนภาพ ขณะบันทึกภาพ หรือในขณะใช้ระบบไลฟ์วิว (ถ่ายภาพโดยเล็งจากจอมองภาพด้านหลัง) และขณะบันทึกภาพวิดีโอแบบความคมชัดสูง
“เทคโนโลยีนี้ทำให้กล้องโซนี่ชนิดถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ มีคุณสมบัติถ่ายภาพต่อเนื่องได้มากกว่าและเร็วกว่า รวมทั้งมีระบบออโต้โฟกัสที่ทำงานต่อเนื่องตลอดเวลา” ผู้บริหารของโซนี่กล่าว
ปัจจุบันตลาดกล้องดิจิทัลชนิดเปลี่ยนเลนส์ได้ มีการขยายตัวอย่างมาก โดยเฉพาะกล้องมิเรอร์เลส (ไร้กระจก) เพิ่มขึ้นถึงสองเท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนกล้องดีเอสแอลอาร์มีอัตราเติบโต 50%
กล้องชนิดเปลี่ยนเลนส์ได้ของโซนี่ คือ กล้องโซนี่ ตระกูล อัลฟ่า แบ่งออกเป็น สองประเภท คือ กล้อง เอ-เมาท์ ( ดี-เอสแอลที) และกล้องอี-เมาท์ หรือกล้อง NEX (เอ็นอีเอกซ์)