วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556
หนุ่มเครียดพ่อถูกรถชนตายขณะจัดงานศพบนบ้านผูกคอลาโลกตามพ่อ
หนุ่มเครียดหลังพ่อประสบอุบัติเหตุถูกรถชนเสียชีวิต ขณะญาติๆจัดงานศพอยู่ที่บ้านลูกบ่นเครียดคิดถึงพ่อก่อนตัดสินใจหลังพระสวดเสร็จแอบเข้าห้องใช้เสื้อผูกคอตัวเองเสียชีวิตภายในบ้านพัก
เมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้ (1 เม.ย.) ร.ต.ท.สมพงษ์ นาคบาง ร้อยเวร สภ.อ.วังทอง จ.พิษณุโลก รับแจ้งมีคนผูกคอเสียชีวิตที่บ้านพักเลขที่ 122 ม.11 ต.หนองพระ อ.วังทอง หลังรับแจ้งจึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยบูรพา ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น ยกพื้นสูง ที่ชั้นสองของบ้านกำลังจัดงานศพให้นายประเสริฐ โพธิ์ศรี อายุ 71 ปี ที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต โดยตั้งศพอยู่บนบ้านบริเวณห้องโถง ส่วนภายในห้องพักหลังโลงเย็น พบศพชายใช้เสื้อยืดผูกคอตัวเองกับคานบ้านภายในห้องพัก สภาพศพผู้ตาย สวมเสื้อยืดสีดำ สวมกางเกงขาสั้นลายพรางทหาร เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 6 ชั่วโมง ทราบชื่อผู้ตายต่อมาคือ นายรักษา โพธิ์ศรี อายุ 36 ปี อาชีพรับจ้าง บ้านเลขที่เดียวกันกับที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นลูกของผู้ตายที่กำลังจัดงานศพอยู่ และพบนางเหลี่ยม โพธิ์ศรี อายุ 65 ปี แม่ของผู้ตายนั่งร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเสียใจอยู่หน้าห้องข้างหีบศพ ตำรวจจึงได้นำศพผู้ตายส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลวังทอง
จากการสอบสวนของตำรวจทราบว่า ผู้ตายบ่นคิดถึงพ่อและบ่นอยากตายเพราะเหงาที่ต้องขาดพ่อไป เนื่องจากประสบอุบัติเหตุถูกรถชนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้กำลังจัดงานศพอยู่ที่บ้าน โดยปกติแล้วผู้ตายจะสนิทสนมกับพ่อ ไปไหนมาไหนกับพ่ออยู่เป็นประจำ หลังจากที่พ่อตายไปก็ทำให้ผู้ตายอยู่ในอาการซึมเศร้า ไม่ยอมพูดคุยกับใคร โดยมีบรรดาญาติคอยปลอบอยู่ตลอด จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมาหลังพระสวดเสร็จ ผู้ตายก็เข้าห้องนอนที่อยู่ด้านหลังที่จัดงานศพและเก็บตัวเงียบ จนกระทั่งเช้านางเหลี่ยม ผู้เป็นแม่ เห็นผู้ตายเงียบผิดปกติ จึงได้ไปเคาะห้องเรียกอยู่นานก็ไม่ตอบรับ จึงได้ไปตามญาติมาช่วยกันงัดประตูห้องเข้าไป ก็พบว่าผู้ตายได้ใช้เสื้อยืดผูกคอตัวเองกับคานบ้านภายในห้องพักเสียชีวิตแล้ว ซึ่งเชื่อว่าผู้ตายน่าจะเสียใจมากที่พ่อต้องมาเสียชีวิตไป จนเกิดอาการเครียดและผูกคอตนเองเสียชีวิตตามพ่อ.
“นายกฯปู” ขอข้าราชการยึดพระบรมราโชวาทในหลวงเป็นแนวทางทำงาน
“นายกฯปู” ขอข้าราชการยึดพระบรมราโชวาทในหลวงเป็นแนวทางทำงาน ย้ำรัฐพร้อมพัฒนาระบบราชการให้ทันสมัย โปร่งใส ปลอดการซื้อขายตำแหน่ง แย้มตั้งคณะกรรมการระดับชาติ ศึกษาค่าตอบแทนให้เป็นธรรม
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 เม.ย. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานและกล่าวให้โอวาทแก่ข้าราชการพลเรือน เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน ประจำปี 2556 โดยมีข้าราชการพลเรือนกว่า 600 คนเข้าร่วม ซึ่งนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ ได้มอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติให้แก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่นประจำปี 2556 รวม 618 คนด้วย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวให้โอวาทตอนหนึ่ง ว่า ข้าราชการทุกคนเป็นหลักในการขับเคลื่อนประเทศในทุกยุคทุกสมัย ระบบราชการไทยพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทันสมัยมากขึ้น รวดเร็ว โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งรัฐบาลมุ่งมั่นที่จะวางรากฐานในการพัฒนาประเทศ ทั้งยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้บุคลากรของภาครัฐ เอกชน และประชาชนมีความสามารถในการแข่งขัน กินอยู่ดีอยู่ดี และพัฒนาระบบบริการต่าง ๆ การพัฒนาบุคลากรถือเป็นพื้นฐานและหัวใจสำคัญ โดยเฉพาะบุคลากรภาครัฐ ถือเป็นตัวจักรในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ให้ประชาชนกินดีอยู่ดี และทำให้ประเทศแข็งแรงอย่างยั่งยืน ที่ผ่านมาข้าราชการทุกคนถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการทำงานที่จะผลักดันแนวคิดของรัฐบาล และประเทศให้สอดคล้อง และเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัยได้รับการดูแลอย่างเสมอภาค และเท่าเทียมกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกวา ขณะเดียวกันรัฐบาลก็พร้อมต่อยอดในการพัฒนาระบบบริการของข้าราชการให้ดีขึ้น โดย 1 ยุทธศาสตร์สำคัญใน 4 ข้อของรัฐบาลคือการพัฒนาระบบการบริหารจัดการระบบราชการ โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยอำนวยความสะดวกในหน่วยราชการให้ดีขึ้น รวมถึงทำอย่างไรให้ระบบราชการโปร่งใส ก้าวไปสู่ความเป็น E-Government และ E-Survice และรัฐบาลก็พร้อมเดินหน้าปฏิรูปและปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ เพื่อให้ลดปัญหาอุปสรรคในการทำงาน โปร่งใส ลดปัญหาคอร์รัปชัน เชื่อถือได้ และเป็นที่พึ่งของประชาชน โดยต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน ทั้งยุทธศาสตร์ของประเทศ กระทรวง และพื้นที่ที่สำคัญอยากเห็นการมีส่วนร่วมกับประชาชนด้วย นอกจากนี้รัฐบาลยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติ เพื่อศึกษาทบทวนความเหมาะสมของค่าตอบแทนบุคคลากรในภาครัฐทั้งหมด เราอยากเห็นค่าตอบแทนสะท้อนถึงผลงาน ความทุ่มเทในการทำงาน และการดูแลประชาชน ซึ่งรัฐบาลจะร่วมกันดูแลระบบการประเมินผลของราชการ ให้การเลื่อนตำแหน่งต่าง ๆ เป็นธรรม ไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง เพื่อส่งเสริมข้าราชการทีเป็นคนดี คนเก่ง มีความก้าวหน้าทั้งในสายงานและเติบโตเป็นผู้บริหารระดับสูงในอนาคตภายใต้ระบบราชการแห่งคุณธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ยังได้ฝากให้ข้าราชการยึดพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานเนื่องในวันข้าราชการพลเรือนประจำปี 2556 เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2556 มาเป็นหลักในการปฏิบัติราชการ เพื่อร่วมกันทำให้ระบบราชการไทยมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อที่สุดท้ายจะได้ร่วมกันขับเคลื่อนความเจริญของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้ พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานเนื่องในวันข้าราชการพลเรือนเมื่อวันที่ 31 มี.ค.2556 มีใจความว่า “งานของแผ่นดินนั้น เป็นงานส่วนรวมมีผลที่กว้างขวาง เกี่ยวข้องกับบ้านเมือง และบุคคลทุกคน ทุกฝ่าย เมื่อเป็นงานส่วนรวม และมีผลเกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก ปัญหาข้อขัดแย้งต่าง ๆ อันเนื่องมาจากความคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็ย่อมเกิดมีขึ้นบ้างเป็นปกติธรรมดา ข้าราชการผู้ปฏิบัติบริหารงานของแผ่นดินตลอดจนทุกคนทุกฝ่ายที่เกียวข้องจึงต้องมีใจที่หนักแน่นและเปิดกว้าง รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง แม้กระทั่งคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างมีสติ ใช้ปัญญา และเหตุผล เป็นเครื่องปฏิบัติวินิจฉัย โดยถือว่าความคิดเห็น และคำวิพากษ์วิจารณ์นั้นคือการระดมสติปัญญา และประสบการณ์อันหลากหลายจากทุกคนทุกฝ่ายเพื่อประโยชน์แก่การปฏิบัติ บริหารงาน และการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้งานทุกส่วนทุกด้านของแผ่นดินสำเร็จผล เป็นความเจริญมั่นคงแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง”
“ขุนค้อน” ฟันธงร่างแก้รธน.ผ่านฉลุย
เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน ( วิปฝ่ายค้าน ) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมรัฐสภา ถึงความเป็นกลางทางการเมืองของนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ได้ลงชื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) ว่า เรื่องนี้เป็นเครื่องหมายคำถามอยู่ว่าหากปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุมด้วย จะขัดผลประโยชน์และเหมาะสมหรือไม่ นายนิคมทำได้ 2 แนวทางคือ 1.หากยืนยันเป็นผู้ร่วมเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็อาจจะขอแสดงความจำนงไม่ทำหน้าที่ประธานการประชุม และ 2.หากประสงค์จะทำหน้าที่ประธานการประชุมก็ควรถอนชื่อการเสนอร่างแก้ไขฯ เพื่อหลีกเลี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อน ความไม่เป็นกลางและข้อครหาในการปฏิบัติหน้าที่
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา กล่าวว่า เป็นสิทธิของส.ว.ในการร่วมลงชื่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายนิคมสวมหมวก 2 ใบอยู่แล้วในฐานะส.ว.และประธานวุฒิสภา ตนคิดว่าไม่กระทบบกับการทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ไม่ทำให้การประชุมมีปัญหา เพราะสมาชิกทุกคนมีวุฒิภาวะ พูดคุยกันด้วยเหตุผล ขณะเดียวกันไม่ทราบว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไปติดอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญที่ต้องพิจารณา แต่ตนเชื่อว่าขั้นตอนการพิจาณาของรัฐสภาไม่น่าจะมีปัญหาและมั่นใจว่าจะประกาศใช้ได้ เพราะถ้าไม่มั่นใจคงไม่ยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามายังรัฐสภา.