ร้อนไม่หยุดปมแบน "เหนือเมฆ 2 " ในโลกไซเบอร์ยังร้อน แฉ 6 กลุ่มนักโพสต์-นักทวีต จี้ "ช่อง 3-ทีมละคร" แถลงสาเหตุหยุดออนแอร์ชัด อย่าปล่อยคลุมเครือ "ตู่-นพพล" โพสต์เผ็ด "...ไอ้ที่ออกมาพูดก็ระดับปลายแถวเกินกว่าจะรู้ตื้นลึกหนาบาง...” ขณะที่ ผกก.ดังเหน็บรัฐบาลปิดกั้นสื่อ
ยังกลายเป็นประเด็นร้อน กรณีสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 มีคำสั่งฟ้าผ่าหยุดออนแอร์ ละครเนื้อหาล้อการเมือง "เหนือเมฆ 2 ตอน มือปราบจอมขมังเวทย์" ท่ามกลางกระแสข่าวที่ยังคลุกฝุ่นไม่ชัดเจน แพร่สะพัดในโลกไซเบอร์ต่างๆ นานา ว่าสาเหตุเกิดจากนักการเมืองคนแดนไกลไม่พอใจโทรศัพท์บีบสั่งแบน หรือนักการเมืองซีกรัฐบาลไม่พอใจ ซึ่งดูเหมือนจะพุ่งประเด็นหรือโยนเผือกร้อนๆ ใส่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
แม้ล่าสุดทั้งนายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนายกฯ และหลายคนในพรรคเพื่อไทยออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาร้อนๆ ว่า การสั่งแบนละครเรื่องดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ไม่เกี่ยวข้องกับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และไม่เกี่ยวข้องกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เพราะไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะทำแบบนั้น มีแต่จะตกเป็นเป้าถูกโจมตีเปล่าๆ
ขณะที่ แซนด์-ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ หลานและหนึ่งในทีมงานของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็เขียนทวิตเตอร์ว่า ละครเรื่องดังกล่าวทั้งนายกฯ และทีมงานไม่เคยได้ดู ไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องเป็นอย่างไร ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ พร้อมเรียกร้องให้ช่อง 3 ใช้เวทีครอบครัวข่าวชี้แจงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
ขณะที่ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ ก็ดาหน้าออกมาถล่มรัฐบาลตามฟอร์ม พร้อมเรียกร้ององค์กรนั่นองค์กรนี้ออกมาตรวจสอบ
และแม้ล่าสุด พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. จะออกมาระบุว่า ได้คุยกับผู้บริหารระดับสูงของช่อง 3 แล้ว ซึ่งชี้แจงว่าเนื้อหาของละครขัดมาตรา 37 จึงต้องงดออกอากาศ แต่ไม่ได้บอกว่าเนื้อหาตรงส่วนไหนขัดมาตราดังกล่าว
พร้อมระบุว่า การที่ช่อง 3 งดออกอากาศละครเหนือเมฆ 2 คิดว่าช่อง 3 คงพิจารณาดีแล้วว่าตัวเนื้อหาละครไม่เหมาะสม และโดยส่วนตัวไม่เห็นว่ารัฐบาลเข้าไปยุ่งหรือกำกับสื่อ แต่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการปรับตัวของสื่อ ซึ่งเกิดจากระบบตรวจสอบที่เคยผิดพลาดกรณีไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ทำให้ช่อง 3 มีการตรวจสอบที่เข้มงวด และตรวจสอบก่อนจะผิดพลาดอีก ซึ่งสิ่งที่ต้องทำของช่อง 3 ขณะนี้คือ ต้องชี้แจงกับประชาชนว่าทำไมต้องจบละครเรื่องเหนือเมฆ 2 เร็ว
สำหรับมาตรา 37 ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ระบุว่า ห้ามออกอากาศเนื้อหารายการที่มีลักษณะล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทำซึ่งเข้าลักษณะลามกอนาจารหรือมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง
จะเห็นว่าแม้ฝ่ายรัฐบาลจะออกมาชี้แจงแล้ว ฝ่าย กสทช.จะออกมาชี้แจงแล้ว แต่กระแสในโลกอินเทอร์เน็ต กลับไม่ได้ลดดีกรีความร้อนแรงลงเลย ยังมีการโพสต์ หรือทวีตแสดงความเห็นกันตลอด โดยพอจะแยกกลุ่มนักโพสต์และนักทวีตได้เป็น 6 กลุ่มดังนี้
1.กลุ่มแฟนละครตัวจริงเสียงจริง ที่ต้องการดูละคร กลุ่มนี้จะต่อว่ารัฐบาล ต่อว่าช่อง 3 และให้กำลังใจทีมละคร โดยมีเป้าหมายเพราะอยากดูละครให้จบจริงๆ
2.กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคการเมืองฝั่งข้ามรัฐบาลและเป็นแฟนละครด้วย กลุ่มนี้จะต่อว่ารัฐบาล และช่อง 3 เป็นหลัก เข้าทำนองอยากดูละครมาก แต่พอมีปัญหาก็ได้ที่ถล่มรัฐบาล และช่อง 3 ไปในตัว (เพราะก่อนหน้านี้พรรคที่ตัวเองสนับสนุนมีปัญหากับผู้ประกาศข่าวชื่อดังของช่องนี้)
3.กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามรัฐบาลล้วนๆ กลุ่มนี้ไม่ได้ดูละครช่อง 3 หรือละครเรื่องนี้ด้วยซ้ำ แต่ได้ทีกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ขอผสมโรงด้วย
4.กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลและเป็นแฟนละคร กลุ่มนี้จะออกแนวๆ ต่อว่าช่อง 3 เพราะทำให้อดดูละคร และแก้ข้อกล่าวหาแทนรัฐบาล ว่าไม่ได้แทรกแซง
5.กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลเพียวๆ อันนี้ไม่ได้ดูละครหรอก แต่ออกมาแก้ข้อกล่าวหาแทนรัฐบาล และอัดฝ่ายโจมตีรัฐบาล กับถล่มช่อง 3 แบบหนักๆ โดยยกเหตุผลต่างๆ นานา มาแสดง อาทิ จะมาบีบสั่งแบนอะไรก็ตอนใกล้จะจบ มีแต่จะโดนด่าเปล่าๆ หรือหนักขึ้นไปก็ยกปมร้อนกรณี ประธานชมรมนักกฎหมายพิทักษ์ผลประโยชน์รัฐ ร้องทุกข์ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ตรวจสอบช่อง 3 ที่ได้รับการขยายอายุสัมปทานออกไปอีก 10 ปี เมื่อปี 53
แถมพ่วงต่อว่าทีมละคร ที่เอาแต่ออกมาทวีต –โพสต์ขอความเห็นใจ แต่ไม่ยอมบอกสาเหตุชัดๆ รวมทั้งเรียกร้องให้ทั้งช่อง 3 และทีมละครออกมาแถลงความจริงให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย อย่าปล่อยให้คลุมเครือแบบนี้
6.กลุ่มคนรักช่อง 3 หรือแฟนคลับช่อง 3 (แฟนช่องไม่ใช่แฟนละครเรื่องใดเรื่องหนึ่ง) อันนี้จะให้กำลังใจช่อง 3 แม้จะน้อยใจนิดๆ บ่นหน่อยๆ ที่มาแบนละคร แต่เพราะเป็นแฟนคลับของช่อง 3 จริงๆ อันนี้ไม่มีปัญหา เพราะดูละครแรงปรารถนา แทนก็ได้ สนุกดี ณเดชน์ ก็หล่อ คิมเบอร์ลี ก็สวย หยวนๆ
ล่าสุด ตู่-นพพล โกมารชุน ผู้กำกับและนักแสดงอาวุโส ซึ่งรับบทเป็น “ดร.เมฆา” ในละครเรื่อง “เหนือเมฆ 2” โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กข้อความสุดเผ็ดร้อน "...ไอ้ที่ออกมาพูดก็ระดับปลายแถวเกินกว่าจะรู้ตื้นลึกหนาบาง...”
ขณะที่ ยุทธนา มุกดาสนิท ผู้กำกับภาพยนตร์และละครชื่อดัง ออกมาแสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า “ประชาธิปไตยแบบปูแดงกรรเชียง!!!!! จำเอาไว้แล้วกัน ปิดกั้นสื่อ ปิดกั้นภาพสะท้อนที่แตกต่างขอร่วมประณามรัฐเผด็จการครับ!!!”
ส่วน อรรถพร ธีมากร ดาราหนุ่มและผู้กำกับชื่อดัง โพสต์ในเฟซบุ๊ก ระบุว่า "นี่เป็นกรณีศึกษาหนึ่งของสังคมไทยระหว่างผู้มีอำนาจกับคนทำงานสื่อ สะท้อนสังคม เรามีแค่มือกับสมอง เค้ามีอำนาจ นี่คือ สังคมประชาธิปไตยของสังคมไทยในยุคนี้คับ ขอคารวะ"
นอกจากนี้ มีผู้ใช้ชื่อว่า Aken01 ได้โพสต์วิดีโอเพลงที่ดัดแปลงจากเพลง "เกิดมาก็แค่รักกัน" ของวงบิ๊กแอสส์ ที่ดัดแปลงโดย DRZO Devil Resonate ซึ่งเนื้อหาของเพลงมีเนื้อเสียดสีการแบนละคร "เหนือเมฆ" ลงในยูทูปด้วย
ประเด็นร้อนของการแบนละคร “เหนือเมฆ 2 ตอน มือปราบจอมขมังเวทย์" ความจริงเป็นอย่างไร และเรื่องนี้จะจบลงตรงไหน คงต้องติดตามกันต่อไป (คิดซะว่าเหมือนกำลังดู "ละคร" เรื่องหนึ่งน่ะ)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น