วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
“เสธ.อ้าย”ลั่นคนน้อยยกเลิกชุมนุมทันที
“เสธ.อ้าย” ลั่น24พ.ยคนมาน้อยยกเลิกชุมนุมทันที แฉมีหลักฐานใครเอี่ยวหมิ่นสถาบัน ย้ำพร้อมรับผิดชอบเอง โวยรัฐบาลใช้พ.ร.บ.มั่นคงคุกคามเสรีภาพ
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 พ.ย. พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) พร้อมด้วยพล.อ.ณัฐชัย เพิ่มทรัพย์ รองประธาน ผู้ดูแลด้านความปลอดภัยในพื้นที่การชุมนุมของ อพส. พล.อ.ปฐมพงศ์ เกษรศกุร์ แนวร่วม อพส. และนายประยงค์ ไชยศรี ทนายความกลุ่ม อพส. ร่วมกันแถลงการชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า
พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า จะนำหลักฐานที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการจาบจ้วงสถาบันมาเปิดเผยต่อประชาชนที่มาเข้าร่วมชุมนุมแบบโดยไม่มีการตัดต่อ และหากเกิดเหตุอะไรจะรับผิดชอบด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังพบว่า รัฐบาลเตรียมจะทำการทุจริตด้วยการกู้เงิน จำนวน 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งพอ ๆ กับงบประมาณประเทศ 1 ปี ส่วนการที่รัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรปี 2551 ถือเป็นการเรียกให้มีผู้เข้าร่วมการชุมนุมมากขึ้น และเป็นการขัดขวางสิทธิการชุมนุมของประชาชน จึงขอตั้งข้อสังเกตกรณีที่รัฐบาลขนตำรวจจำนวนมากจากทั่วทุกภาครวมถึงภาคใต้มาควบคุมความเรียบร้อย เป็นการกระทำเกินไปหรือไม่ เพราะตนประกาศไว้ชัดเจนแล้วว่า การชุมนุมครั้งนี้ไม่มีความรุนแรง ดังนั้น ควรนำกำลังไปดูแลพื้นที่ภาคใต้ที่มีความรุนแรง และการกระทำดังกล่าวของรัฐบาล หวังปกป้องตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
พล.อ.บุญเลิศ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ขึ้นปราศรัยในวันที่ 24 พ.ย. ยอมรับว่าอยู่ระหว่างการคัดกรอง แต่จะไม่ใช้คนมาก และตนอาจจะเป็นคนที่พูดมากที่สุด และหากคนมาน้อยไม่ถึง 5-6 หมื่น จะยุติการชุมนุมทันที ส่วนไม้เด็ดในการชุมนุมไม่ขอเปิดเผย แต่ยอมรับว่าการล่ารายชื่อ เพื่อยื่นถอดถอนรัฐบาล ถือเป็นแนวทางหนึ่งที่จะดำเนินการ ทั้งนี้ หากเกิดสถานการณ์ความรุนแรงขึ้นในการชุมนุม เชื่อว่าการ์ดจะควบคุมได้ พร้อมทั้งสื่อมวลชนต้องช่วยรายงานเหตุการณ์ดังกล่าว แต่มั่นใจว่าว่า จะไม่มีเหตุความรุนแรง
ด้าน พล.อ.ณัฐชัย กล่าวว่า ได้ประสานงานกับตำรวจดูแลพื้นที่การชุมนุมตลอดเวลา โดยพื้นที่ด้านนอกจะอยู่ภายใต้ความดูแลของตำรวจ ส่วนพื้นที่ด้านในจะเป็นความรับผิดชอบของการ์ดอพส. ดังนั้น หากเกิดเหตุอะไรในพื้นที่ด้านนอก ตำรวจต้องเป็นผู้รับผิดชอบ แต่หากมีกลุ่มคนเสื้อแดงแอบแฝงเข้ามาในพื้นที่การชุมนุม เพื่อสร้างสถานการณ์ การ์ดของอพส.จะจัดการด้วยมาตรการหนักไปหาเบา
ขณะที่ นายประยงค์ กล่าวว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยกคำร้องที่มีผู้กล่าวหาว่าการชุมนุมของอพส. ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ถือว่าการชุมนุมเป็นสิทธิ์ที่ทำได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 และรัฐบาลไม่มีสิทธิ์ประกาศ พ.ร.บ.ดังกล่าว จึงถือว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 เพราะคำสั่งของศาลมีผลผูกพันธุ์กับรัฐบาล คณะรัฐมนตรี และทุกองค์กร ดังนั้น การชุมนุมครั้งนี้ ถือว่าสามารถทำได้ ส่วนการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงใน 3 เขตของกทม.นั้น หากมีการขัดขวางประชาชนเดินทางเข้าร่วมชุมนุมนอกเขตพื้นที่ที่ได้ประกาศไว้ ถือเป็นการละเมิดสิทธิการชุมนุมของประชาชน ส่วนการประกาศห้ามเด็กอายุต่ำว่า 18 ปีเข้าร่วมชุมนุมโดยอ้าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและเยาวชนปี 46 มองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง รัฐบาลควรส่งเสริมให้เด็กมีส่วนร่วมทางการเมืองไม่ใช่ปิดกัน และหากมองย้อนกลับไปในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 52-53 ได้ใช้เด็กและคนชราเป็นโล่กำบังกลับไม่มีการพูดถึง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ดังนั้น ยืนยันว่าไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนห้ามเด็กอายุต่ำว่า 18 เข้าร่วมชุมนุม
ด้าน พล.อ.ปฐมพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการใช้วิชามารแอบแฝงอ้างตัวเป็นตำรวจยึดทรัพย์ของประชาชนที่เดินทางมาเข้าร่วมการชุมนุม และการที่ระดมตำรวจมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ก่อเหตุในในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อเหตุได้ง่ายขึ้นด้วย ทั้งนี้ หากมีการปิดกั้นประชาชนเข้าร่วมชุมนุมด้วยรั้วลวดหนามหรือแท่งปูน ผู้ชุมนุมต้องฝ่าไปได้ เพราะเราเคยผ่านกันมามากกว่านี้แล้ว.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น