วันนี้ (9 ต.ค.) ร.ต.ท.ประวัติ ศรีเทพ พงส.(สบ1) สภ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุคนร้ายก่อเหตุใช้รถปิกอัพพยายามลากตู้เซฟเอทีเอ็มของธนาคาร กรุงเทพ จำกัด มหาชน เหตุเกิดที่หน้าบางสวรรค์เซนเตอร์ เลขที่ 162 หมู่ 3 ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.พระแสง , พ.ต.ท.ชิงชัย ภู่รัตโอภา รอง ผกก.สส. , ร.ต.ท.บุญฤทธิ์ สุดทองคง รอง สว.สส. , และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน
ที่เกิดเหตุเป็นร้านมินิมาร์ทตั้งอยู่ริมถนนสายบางสวรรค์-ปลายพระยา พบตู้เซฟขนาด 60x60 ซม. วางอยู่กลางถนนห่างจากตู้เอทีเอ็มหน้ามินิมาร์ทประมาณ 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงได้กั้นที่เกิดเหตุก่อนประสานเจ้าหน้าที่ธนาคาร และ ตำรวจพิสูจณ์หลักฐานเข้าตรวจสอบ นอกจากนั้นพบว่าตู้เอทีเอ็มถูกคนร้ายงัดกรอบหน้าจนพังได้รับความเสียหายและ กระแสไฟฟ้าถูกตัด ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรบริเวณใกล้เคียง พบว่าก่อนเกิดเหตุได้มีรถปิกอัพ ไม่ทราบยี่ห้อแน่ชัด เบื้องต้นคาดว่าเป็นโตโยต้า ถอยเข้ามาจอดที่หน้าตู้เอทีเอ็ม จากนั้นได้มีคนร้ายเป็นชาย สวมโหม่งปิดบังใบหน้า สวมเสื้อสีขาว กางเกงยีน สูงประมาณ 160-170 ซม.เดินลงมาจากรถ ก่อนเข้าไปใช้ชะแลงงัดกรอบตู้เอทีเอ็มจนหลุดแล้วใช้สายสลิงตะขอเกี่ยวกับหู ตู้เซฟ แล้วส่งสัญญาณให้คนขับรถออกรถอย่างรวดเร็ว จนทำให้ตู้เซฟหลุดออกจากตู้เอทีเอ็ม แต่แรงกระชากไม่สามารถทำให้ตู้เซฟเปิดออกมาได้ เมื่อคนร้ายเห็นว่าไม่สำเร็จจึงได้พากันขับรถหลบหนีออกไป และจากการตรวจสอบพบว่าเงินสดประมาณ 1.2 ล้านบาทยังอยู่ครบ
ทางด้าน พ.ต.อ.ประชุม กล่าวว่า ล่าสุดได้ประชุมร่วมกับชุดสืบสวนภูธรจังหวัดและศูนย์สืบสวนภาค 8 เพื่อร่วมกันวิเคราะห์ เชื่อว่าคนร้ายที่ลงมือมีความชำนาญและทราบกลไกการทำงานของระบบตู้เอทีเอ็ม เป็นอย่างดี โดยผู้ลงมือมีไม่ต่ำกว่า 2 คน อย่างไรก็ตามได้รายงานเหตุการณ์ให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นแล้ว และจะเร่งสืบสวนเพื่อหารูปพรรณของรถและคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างเร่งด่วนเนื่อง จากคาดว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุยังคงวนเวียนอยู่ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานีและใกล้เคียง
พล.ต.ต. เกียรติพงษ์ ขาวสำอางค์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าวถึงความคืบหน้าว่า ล่าสุดได้เบาะแสรูปพรรณคนร้ายและรถที่ใช้ก่อเหตุแล้ว โดยพบว่ารถที่ก่อเหตุเป็นยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ ขณะก่อเหตุไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ส่วนคนร้ายนั้น ได้ประสานไปยังศูนย์สืบสวนสอบสวน ภาค 8 ในการนำพฤติกรรมคนร้ายไปเปรียบเทียบกับกลุ่มประวัติอาชญากรรมที่เคยก่อเหตุ ในลักษณะดังกล่าว โดยเชื่อว่าผู้ก่อเหตุเป็นมืออาชีพและเชี่ยวชาญเรื่องระบบตู้เอทีเอ็ม
ที่เกิดเหตุเป็นร้านมินิมาร์ทตั้งอยู่ริมถนนสายบางสวรรค์-ปลายพระยา พบตู้เซฟขนาด 60x60 ซม. วางอยู่กลางถนนห่างจากตู้เอทีเอ็มหน้ามินิมาร์ทประมาณ 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงได้กั้นที่เกิดเหตุก่อนประสานเจ้าหน้าที่ธนาคาร และ ตำรวจพิสูจณ์หลักฐานเข้าตรวจสอบ นอกจากนั้นพบว่าตู้เอทีเอ็มถูกคนร้ายงัดกรอบหน้าจนพังได้รับความเสียหายและ กระแสไฟฟ้าถูกตัด ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรบริเวณใกล้เคียง พบว่าก่อนเกิดเหตุได้มีรถปิกอัพ ไม่ทราบยี่ห้อแน่ชัด เบื้องต้นคาดว่าเป็นโตโยต้า ถอยเข้ามาจอดที่หน้าตู้เอทีเอ็ม จากนั้นได้มีคนร้ายเป็นชาย สวมโหม่งปิดบังใบหน้า สวมเสื้อสีขาว กางเกงยีน สูงประมาณ 160-170 ซม.เดินลงมาจากรถ ก่อนเข้าไปใช้ชะแลงงัดกรอบตู้เอทีเอ็มจนหลุดแล้วใช้สายสลิงตะขอเกี่ยวกับหู ตู้เซฟ แล้วส่งสัญญาณให้คนขับรถออกรถอย่างรวดเร็ว จนทำให้ตู้เซฟหลุดออกจากตู้เอทีเอ็ม แต่แรงกระชากไม่สามารถทำให้ตู้เซฟเปิดออกมาได้ เมื่อคนร้ายเห็นว่าไม่สำเร็จจึงได้พากันขับรถหลบหนีออกไป และจากการตรวจสอบพบว่าเงินสดประมาณ 1.2 ล้านบาทยังอยู่ครบ
ทางด้าน พ.ต.อ.ประชุม กล่าวว่า ล่าสุดได้ประชุมร่วมกับชุดสืบสวนภูธรจังหวัดและศูนย์สืบสวนภาค 8 เพื่อร่วมกันวิเคราะห์ เชื่อว่าคนร้ายที่ลงมือมีความชำนาญและทราบกลไกการทำงานของระบบตู้เอทีเอ็ม เป็นอย่างดี โดยผู้ลงมือมีไม่ต่ำกว่า 2 คน อย่างไรก็ตามได้รายงานเหตุการณ์ให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นแล้ว และจะเร่งสืบสวนเพื่อหารูปพรรณของรถและคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างเร่งด่วนเนื่อง จากคาดว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุยังคงวนเวียนอยู่ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานีและใกล้เคียง
พล.ต.ต. เกียรติพงษ์ ขาวสำอางค์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าวถึงความคืบหน้าว่า ล่าสุดได้เบาะแสรูปพรรณคนร้ายและรถที่ใช้ก่อเหตุแล้ว โดยพบว่ารถที่ก่อเหตุเป็นยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ ขณะก่อเหตุไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ส่วนคนร้ายนั้น ได้ประสานไปยังศูนย์สืบสวนสอบสวน ภาค 8 ในการนำพฤติกรรมคนร้ายไปเปรียบเทียบกับกลุ่มประวัติอาชญากรรมที่เคยก่อเหตุ ในลักษณะดังกล่าว โดยเชื่อว่าผู้ก่อเหตุเป็นมืออาชีพและเชี่ยวชาญเรื่องระบบตู้เอทีเอ็ม
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น