ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ
www.becomz.com

วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555

หมอสุพัฒน์ร่อนจดหมาย แฉเบื้องหลังคดี2ผัวเมีย สุเทพโต้ไม่เคยฮุบที่ดิน

หลังจากตกเป็นข่าวมานาน ท้ายสุด พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ได้เปิดใจเป็นครั้งแรก โดยเขียนจดหมายฝากนายเอก เลาหะวัฒนะ บุตรชายซึ่งเข้าไปเยี่ยมในเรือนจำจังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 8 ต.ค.นี้
นายเอกเปิดเผยว่า คุณพ่อมีสถาพร่างกายปกติดี ไม่มีอาการเครียดใด ๆ ทั้งสิ้น มีเพียงความกังวลใจที่ไม่มีโอกาสเปิดเผยถึงข้อเท็จจริงในเรื่องราวที่เกิด ขึ้น ดังนั้นคุณพ่อจึงเขียนจดหมายระบายความในใจฝากมา เพื่อให้นำไปเผยแพร่ต่อสาธารณชนได้รับทราบข้อมูลอีกด้าน
สำหรับเนื้อหาของจดหมายมีรายละเอียดดังนี้
กรณีที่หมอตกเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้สื่อและประชาชนจะมีข้อสงสัยว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทำไมหมอไม่มาพูดหมอมีพฤติกรรมต้องการให้แม่ตายตามคลิปในโทรทัศน์หรือมี พฤติกรรมเลวร้ายตามที่พี่สุเทพกล่าวหาจริงหรือไม่
1.การที่ไม่ออกมาพูดตั้งแต่แรก เนื่องจากไม่เชื่อว่าพี่สุเทพจะนำหมอไปเกี่ยวกับนายสามารถเป็นเรื่องราว เพราะโดยส่วนตัวไม่เคยมีเรื่องขัดใจอะไรที่รุนแรงกับครอบครัว นายสว่าง นายสามารถเลย มีแต่เคยให้ความช่วยเหลือ ทางการเงินกับนายสว่าง และช่วยเหลือให้บุตรสาวเข้าทำงาน รพ.ตำรวจ
สิ่งที่สำคัญคือ ทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจาก หมอได้ร้องคุ้มครองชั่วคราวต่อศาล หากท่านได้ดูคลิปคุณแม่จะเห็นว่าคุณแม่บอกว่า “มันเอาเงินแม่ไปจนหมดที่ดินก็เอาไปขาย ถ้าขายหมดมันมาฆ่าแม่แน่” คำพูดทั้งหมด เป็นคำพูดที่แม่พูดกับหมอเมื่อหมอไปพบแม่ตามลำพัง คุณแม่มักจะว่าชื่อลูกสลับกัน เนื่องจากเป็นโรคสมองเสื่อมรุนแรง หมอจึงได้ไปร้องขอต่อศาลขอเป็นผู้อนุบาลมารดา
ในระหว่างกระบวนการพิจารณาคดี พี่สุเทพ และนายสุคนธ์ (ลูกเลี้ยง)ได้นำนางถนิมไปพิมพ์มือ โอนขายที่ดินเป็นเงิน 200 ล้านและโอนย้ายถ่ายเทเงินดังกล่าวไปจนหมด เป็นเหตุให้ศาลท่านอายัดทรัพย์สินของนางถนิมทั้งหมด มิให้มีการโอนย้ายถ่ายเทอีก ทำให้ทางสุเทพ ซึ่งมีปัญหาด้านการเงินมาโดยตลอดเดือดร้อน พี่สุเทพเคยเป็นผู้จัดการบริษัทโฆษณา มีความเชี่ยวชาญด้านสื่อเป็นอย่างมาก และที่พี่สุเทพเคยให้สัมภาษณ์ว่าหมอเคยเตือนว่าพี่สุเทพชอบเดินข้ามเส้นหมาย ถึง ตลอดชีวิตของพี่สุเทพที่ผ่านมา มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนฉ้อฉล คดโกง มาโดยตลอดทำให้ต้องมีคดีแพ่งและอาญาตลอดมา ถูกไล่ออกจากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เพราะทุจริต 400 ล้าน มิใช่ลาออกมาดูแลแม่ตามที่พูด(มีหลักฐานเอกสารชัดเจน จากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้)ถูกฟ้องคดีอาญา ยักย้ายถ่ายโอนทรัพย์สิน โรงงานว่านหางจระเข้ที่เพชรบุรี ถูกสำนักงานสวัสดิภาพพิทักษ์เด็กและเยาวชนฟ้องนายสุเทพ กู้เงินและถ่ายโอนเงิน 4 ล้านกว่า และอีกหลายคดี
เมื่อปี 2540 แม่ถนิมมีอาการสมองเสื่อม คนรอบข้างรวมทั้งพี่สุเทพ เริ่มยักย้ายถ่ายโอนเงินในบัญชีคุณแม่ไปใช้ (มีหลักฐาน-อยู่ในศาล)
ปี 2545 คุณแม่พบว่าเงินหมดบัญชี ได้มอบอำนาจให้หมอไปตรวจสอบเงินในบัญชี พบว่าคนรอบข้างได้ยักย้ายถ่ายโอนเงินจากบัญชี โดยเฉพาะพี่สุเทพ เอาเงินไปถึง 2 ล้านบาท คุณแม่เมื่อทราบเรื่อง ร้องไห้เสียสติ ต้องเข้าโรงพยาบาล
คุณแม่มอบอำนาจให้หมอดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องแต่หมอเห็นว่าทุกคนล้วน เป็นคนใกล้ชิด โดยเฉพาะพี่สุเทพจึงแจ้งกับทุกคนว่า พอได้แล้วนะ หยุดได้แล้ว ปี2553 พี่สุเทพยังคงพิมพ์มือคุณแม่ไปโอนที่ดิน ที่เป็นบ้านของคุณแม่และพ่อ ที่ซอยเย็นอากาศเป็นของตนเองจนคุณแม่ฝังใจว่ามันโอนเงินโอนที่แม่ไปจนหมดแม่ ต้องตายแน่
จุดสำคัญที่หมอไปร้องขอเป็นผู้อนุบาลเพราะพี่สุเทพไปพาแม่ถนิมไปรักษาโรค ที่เป็น ซื้อยาให้แม่กินเองซื้อยาที่คุณแม่เคยมีผลข้างเคียง (แอสไพริน) ให้กินแทนยา PLAVIX ที่มีราคาสูง ทำให้แม่ถนิมมีเลือดออกในกระเพาะช็อกจนต้องเข้า ICU เมื่อพาไปพบแพทย์ก็ปกปิดประวัติ เพื่อไม่ให้มีการบันทึกใบเวชระเบียน ทำให้แพทย์
กุญแจบ้านและโฉนดที่ทุกแปลง สุเทพได้ขนย้ายไปเก็บไว้เอง หมอไม่เคยไปเฝ้าบ้านดังกล่าวเลยสักครั้งแต่ปี 2548 ที่คุณแม่เป็นโรคสมองเสื่อมรุนแรงและต้องการกลับไปเฝ้าบ้านเย็นอากาศเพราะ กลัวพี่สุเทพจะนำบ้านไปขาย หากติดตามข่าวตั้งแต่ต้นจะเห็นว่า พี่สุเทพเป็นคนนำกุญแจบ้านไปไขให้นายสว่างเข้าไปดูรถ นายสว่างก็เป็นลูกน้องของพี่สุเทพล้วนมีคดีติดตัวนับสิบคดี รวมทั้งคดีฆ่าคนตายด้วยนายสามารถก็มีคดีอาญาลักทรัพย์และยาบ้าติดตัวอยู่
น.ส.วิลสา ได้ไปให้การเป็นพยานในคดีอนุบาลแม่ถนิมพี่สุเทพได้พยายามผูกเรื่องให้เข้ามา เกี่ยวข้องเพื่อทำลายคนอื่น รวมทั้ง น.ส.สุธาสิณี หลานของตนเองแท้ๆ
การที่หมอมีอาวุธปืนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากหมอเป็นนักกีฬายิงปืนมาตั้งแต่ 2533 ทดสอบอาวุธปืนได้เหรียญทองของตำรวจ นอกจากนี้ยังเป็นประธานกีฬายิงปืนสี่เหล่ามี-ห้า ถึงสี่สมัยสามารถตรวจสอบได้
การพิจารณาว่าหมอเป็นผู้ผิดโดยจับตัวไปขังคุกไม่ให้ประกัน แล้วแจ้งข้อหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ให้โอกาสนำพยานหลักฐานมาแสดงนั้น ไม่เป็นการยุติธรรม การพิจารณาว่าใครเป็นคนดี-เลว ต้องดูพฤติกรรมเดิม หมอพร้อมให้ตรวจสอบประวัติว่ามีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือไม่ รับราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอด ทุ่มเทความรู้และเรี่ยวแรงเพื่อผู้ป่วยหรือไม่ได้รับการยอมรับจากบุคลากรใน องค์กรเลือกให้เป็นประธานองค์กรแพทย์จริงหรือไม่
การนำพฤติกรรมของพี่หรือบุคคลในครอบครัวมาเปิดเผยเป็นเรื่องน่าละอาย หากคุณพ่อยังอยู่ (คุณพ่ออาศัยอยู่กับหมอจนเสียชีวิตในปี 2544) คงจะเสียใจ คำสั่งคุณพ่อคุณแม่ที่จะขอใช้ทรัพย์สินที่หามาได้ จนกว่าชีวิตจะหาไม่สิ้นชีวิตแล้วลูกค่อยเอาไปแบ่งกัน ที่ทุกคนรู้ดีก็ถูกฝ่าฝืน ทุกคนแก่งแย่งทรัพย์สินของพ่อแม่ ไม่เคยคิดหากินด้วยตนเอง ทั้งๆที่พ่อ-แม่ให้ความรู้สูง ๆ รู้สึกเสียใจที่ต้องเปิดเผยพฤติกรรมของพี่ชายแท้ แต่เพื่อปกป้องตนเอง ชื่อเสียงที่สร้างมาตลอดชีวิต พี่ชายแท้ๆที่คลานตามกันมาทำลายน้องทำลายหลานแท้ๆ เพื่อให้ได้สิ่งเดียวคือเงิน คติพจน์ของคุณสุเทพคือเงินซื้อได้ทุกอย่าง ไม่มีหน่วยงานไหนปฏิเสธเพียงแค่บ่นว่าไม่พอ
นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ
ขอรับรองว่าเป็นลายมือของ น.พ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ
สมพงษ์ แสงมณี
หัวหน้าฝ่ายควบคุมและรักษาการ
8 ต.ค.2555
หมายเหตุ
พี่สุเทพมีโรงงานว่านหางจระเข้ขนาดใหญ่สร้างบนที่ดินที่หมอยกให้โดยไม่คิด เงินแม้แต่บาทเดียว มีคนงานไทยและพม่าเป็นจำนวนมาก คศิธรเป็นเด็กที่มารดาเก็บมาเลี้ยงมีส่วนในการยักยอกเงินของนางถนิม เป็นลูกจ้างนายสุเทพไปให้ดูแลที่ดินหลังโรงงานและแปลงใกล้เคียงนายกะลาเป็น ลูกน้องเก่าของพี่สุเทพ มีพฤติกรรมก้าวร้าว มีคดีฆ่าคนตายเคยติดคุกเพชรบุรี มีหมายจับคดีลักทรัพย์ พิสูจน์แล้วสิ่งที่กะลาพูดทั้งหมดเป็นเรื่องที่สุเทพสร้างขึ้น เพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่ตนเองกระทำ
อีกด้านหนึ่ง นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ตอบโต้ทันทีกรณีน้องชายเขียนจดหมายโจมตี โดยระบุว่า ที่ดินดังกล่าวอยู่ย่านงามวงศ์วาน ซึ่งแม่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ท่านจะยกให้ใครก็ได้เป็นสิทธิของท่าน ซึ่งเรื่องนี้หมอทราบดี แต่หมอก็ไปแจ้งความดำเนินคดีกับตน และคดีนี้ยังอยู่ในชั้นศาล อย่างไรก็ตาม หากตนไปหลอกหรือบังคับให้แม่โอนที่ดินดังกล่าวให้ เจ้าหน้าที่กรมที่ดินคงต้องมีการตรวจสอบ และศาลคงตัดสินไปนานแล้ว ทุกอย่างแม่มีสติดีอยู่ ท่านรู้ว่าทำอะไร
ส่วนกรณีที่ตนถูกปลดออกจาก บอร์ดองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) เพราะทุจริตเงิน 400 ล้านบาทนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะหากเป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา คงจะถูกฟ้องร้องไปนานแล้วเช่นกัน แต่ที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไร เข้าใจว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ คงไม่มีทางออก จึงพยายามเบี่ยงตัวเองออกจากคดี
ผู้สื่อข่าวว่าถามว่า คนงานพม่าที่ชื่อกะลาเคยเป็นลูกน้องเก่า นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่ยอมว่าเคยเห็นหน้า เพราะสมัยก่อนแม่บ่นคิดถึงน้องชาย ตนจึงขับรถพาไปหาที่ไร่ทุกวันอาทิตย์ ทำกับข้าวไปกินกัน หมอก็ป้อนข้าวแม่ 2-3 คำ ก็พากลับบ้าน  และเมื่อครั้งนายกะลาถูกตำรวจจับ หมอประกันตัวออกมายังโทรศัพท์ให้ตนไปรับตัวที่ ตม.เพราะบ้านอยู่ใกล้ ดังนั้นจะบอกว่ากะลาเป็นลูกน้องคงไม่ใช่
เมื่อถามถึงอาการป่วยของแม่ ที่หมอสุพัฒน์ระบุว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์ถึงขั้นเรียกชื่อลูกผิด นายสุเทพ กล่าวว่า แม่เรียกชื่อลูกทุกคนถูกหมดยกเว้นหมอคนเดียวที่แม่มีเจตนาที่จะไม่เรียก เพราะหมอไม่เคยมาหาแม้บ้านและที่ทำงานจะอยู่ใกล้กัน แม้แต่ข้าว ขนมก็ไม่ซื้อไปให้แม่ แม่จึงเสียใจ และไม่ยอมเรียกชื่อ ถึงเรียกก็นานๆ ครั้ง
"ยืนยันแม่ไม่ได้เป็นโรคอัลไซเมอร์ แต่เป็นความดัน ซึ่งหมอก็ยังให้ยากดความดันมาตลอด เรื่องนี้หลักฐานอยู่ในเวชระเบียนหมด ซึ่งจะมาพูดเล่นไม่ได้ มันเป็นหลักฐาน และข้อมูลของหมอแต่ละท่านในการรักษาผู้ป่วยอยู่แล้ว ผมในฐานะพี่ชายไม่อยากตอบโต้อะไร ไม่อยากเอาเรื่องน้องชายอะไรทั้งนั้น แค่นี้ก็เป็นกรรมของน้องชายที่แสนสาหัส" นายสุเทพ กล่าว

Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ 095-219-0106

Popular Posts

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Blog Archive

Followers

Blog Archive