รัสเซียออกโรงประณามสหรัฐอย่างรุนแรงว่า "รับไม่ได้" หลังวอชิงตันเผยรายงานข่าวกรองของตัวเองว่า รัฐบาลซีเรียเป็นฝ่ายใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนกว่า 1,400 ศพ และส่ง "สัญญาณ" ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่องการโจมตีทางทหาร
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 31 ส.ค. นายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชวิช โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงว่า สหรัฐไม่แสดงหลักฐานที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนต่อประชาคมโลกว่า ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย คือผู้บงการให้มีการใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน 1,429 ศพ ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 426 ศพ เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ดังนั้น ถ้อยคำปากเปล่าถือว่าไม่มีน้ำหนักพอและฟังไม่ขึ้น ผลการตรวจสอบจากสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) เท่านั้นที่เชื่อถือได้และเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่สุด
นอกจากนี้ แม้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ยืนยันว่าจะไม่มีการส่งกำลังทหารเข้าไปในซีเรีย แต่การเผยถึงการพิจารณาเรื่องการใช้ปฏิบัติการโจมตีใน "วงแคบ" ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีในวงจำกัดหรือมีข้อกำหนดมากแค่ไหน รวมถึงแม้สหรัฐจะยืนยันว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นจะไม่ "ซ้ำรอย" ภารกิจในอิรักเมื่อ 10 ปีก่อน มอสโกประเมินแล้วเห็นว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน และมีแต่จะทำให้กระบวนการสร้างสันติภาพด้วยวิธีทางการทูตต้องหยุดชะงัก
ในเวลาไล่เลี่ยกัน นายบัน คี-มูน เลขาธิการยูเอ็น กล่าวว่า คณะผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเคมีของยูเอ็นเสร็จสิ้นภารกิจในซีเรียแล้ว แต่ผลการวิเคราะห์อย่างเป็นทางการอาจต้องรอนานถึง 2 สัปดาห์ เนื่องจากต้องกระจายส่งตัวอย่างไปตามห้องทดลองหลายแห่งในยุโรป ทางยูเอ็นจึงขอ "ความร่วมมือ" จากทุกฝ่าย โดยเฉพาะสหรัฐ รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส และจีน ซึ่งเป็น 5 ประเทศสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) บันยืนยันด้วยว่า ระหว่างนี้จะไม่มีการรายงาน "ผลเบื้องต้น" ใดๆทั้งสิ้น
รายงานล่าสุดระบุว่า ทีมงานของยูเอ็นส่วนหนึ่งเดินทางออกจากซีเรียไปแล้วตั้งแต่วันศุกร์ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งจะเดินทางกลับในช่วงเช้า ตามเวลาท้องถิ่นของวันเสาร์ที่ 31 ส.ค. นี้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น