วันนี้( 8 มิ.ย.) พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สํานักปฎิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ เปิดเผยความคืบหน้าการขยาย ผลการตรวจสอบการนําเข้าและเก็บรักษารถจดประกอบหลีกเลี่ยงภาษีว่า ได้เรียกประชุมชุดเจ้าหน้าที่สืบสวน โดยได้สั่งการให้พนักงาน สอบสวนตรวจสอบพยานหลักฐานที่ยึดได้จากการเข้าค้น 4 จุด ประกอบด้วยบริษัท เจเอ็มดับบิว บริษัท ทีเอเอ็น เอ็กซเพลส บริษัท พอใจออโตคลาส และบ้านพักของ นางพรพิมล เคหะฐาน เจ้าของบริษัท ธรรมะ มอเตอร ริช จํากัด โดยในส่วนของคอมพิวเตอร์ที่ยึดไว้เป็นหลักฐาน ได้ส่งให้เจ้าหน้าที่สํานักเทคโนโลยีและการสื่อสารแกะข้อมูลทั้งหมด คาดว่าจะสามารถรวบรวบ พยานหลักฐานทั้งหมดภายใน 2 สัปดาห์
ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึง มาตรการการขอให้กรมศุลกากรแจ้งเตือนให้สกัดหากมีการนํารถจด ประกอบออกไปตามด่านชายแดนทั่วประเทศว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ประกอบการที่อาจจะมีการส่งรถออกไปเก็บในประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตามการแจ้งเตือนของดีเอสไอถือเป็นมาตรการป้องปรามไม่ให้คนกลุ่มนี้กล้าขยับตัว และในวันที่ 9 มิ.ย ดีเอสไอจะสนธิกําลังเข้าตรวจ คนสถานที่เป้าหมายที่คาดว่าเป็น สถานที่ที่ใช้ประกอบการรถหรูหลายจุด เพื่อตรวจค้นรถตองสงสัยหลีกเลี่ยงภาษีในพื้นที่ กทม และเขตปริมณฑล ส่วนสํานวนของ สภ.กลางดง คาดว่าจะส่งมอบให้ดีเอสไอได้ภายในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ เพื่อประชุมร่วมกับอีก 5 หน่วยงาน
ขณะที่แหล่งข่าวจากชุดสืบสวนของดีเอสไอ เปิดเผยว่า สําหรับสาเหตุที่ ทําให้เกิดเพลิงลุกไหม้การขนรถยนต์เที่ยวดังกล่าวมีการสืบสวนพบข้อเท็จจริงว่า อาจเกิดจากการวางเพลิงเนื่องจากมีการขัดผลประโยชน์ ระหว่างกลุ่มผู้นําเข้ารถจดประกอบและรถในตลาดเกรย์มาร์เก็ต ซึ่งที่ผ่านมามีการขายตัดราคากันอย่างดุเดือด
ส่วนแหล่งข่าวจากคณะกรรมาธิการ คมนาคม เปิดเผยว่า มีข้อมูลจาก การนําเข้ารถยนต์ที่เป็นของกลุ่มผู้ ประกอบการอิสระส่วนใหญ่แบ่งรถจดประกอบจํานวน 8,000 คัน/ปี รถ นักเรียนนอก 200-300 คัน/ปี และรถยนต์ใหม่นําเข้าทั้งคันโดยกลุ่มเกรย์มาร์เก็ต 10,000 คัน/ปี ซึ่งผู้นําเข้าจะต้องไปวิ่งเต้นกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเพื่อนํารถออกจากด่านศุลกากร โดยเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้ กําหนดราคาให้กับผู้นําเข้าต้อง สําแดงใบอินวอยซ์ในราคาเท่าใด พร้อมกําหนดอัตราภาษีที่ต้องชําระจากนั้นจึงจะกําหนดอัตราค่าใช้จ่ายหรือที่เรียกว่า”เงินได้โต๊ะ”ให้กับเจ้าหน้าที่ระดับชั้นปฏิบัติการ รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงและนักการเมือง โดยเฉลี่ยการจ่ายจะอยู่ที่ประมาณหลักแสนบาทถึงหลักล้านบาท ขึ้นอยู่กับประเภทรถยนต์
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่าจากนั้นผู้นําเข้ารถยนต์ดังกล่าวจะต้องเลือกว่า จะส่งให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรมม(สมอ.)ตรวจหรือ จะนําไปติดตั้งก๊าซเพื่อขอทะเบียน จากกรมการขนส่งทางบก แต่ขณะนี้ได้พบประเด็นใหม่ที่ต้องตรวจสอบขยายผลว่ากฎหมายได้กําหนดให้ส่งรถยนต์ที่มีถังน้ำมันความจุตั้งแต่ 15 ลิตรให้สมอ.ตรวจเพราะจัดเป็นรถยนต์ที่ต้องใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงจะมี เพียงรถยนต์ที่ถังนํ้ามันความจุได้ไม่เกิน 15 ลิตร เท่านั้นที่จัดเป็นรถใช้ก๊าซ ซึ่งจะใช้น้ำมันใน สตาร์ทเท่านั้นแต่ที่ผ่านมากลับพบว่ารถยนต์ประเภทดังกล่าวไม่มีการส่งให้ สมอ.ตรวจ แต่กลับให้ขนส่งจดทะเบียนเป็นรถใช้ก๊าซ ที่สําคัญกรมการขนส่งทางบกไม่มีมาตรการติดตามว่ารถยนต์หรูและรถซุปเปอรคาร์ที่มาจดทะเบียนเป็นรถยนต์ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง และต่อมาภายหลังเมื่อได้เลขทะเบียนแล้วก็ไปถอดถังก๊าซออกแล้วล้างเล่มกลับมาใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงเท่านั้นจึงกลายเป็นช่องโหว่ที่ทำให้เกิดการหลีกเลี่ยงภาษี
ทั้งนี้รายงานข่าวยังระบุถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินของปปง.ในคดีรถหรูเลี่ยงภาษีว่า ได้พบหลักฐานสําคัญการโอนเงินจากกลุ่มเกรย์มาเก็ตไปยังบัญชีสวนตัวของเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะกรมศุลกากรซึ่งหลักฐานดังกล่าวได่มีการส่งประกอบสํานวนให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง(ป.ป.ช.) ชุดที่มีนายภักดี โพธิศิริ เป็นประธาน คณะอนุกรรมการไต่สวนแล้ว อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 10 มิ.ย.นี้คณะกรรมการธิการคมนาคมฯจะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวจากสภ.กลางดง และจะติดตามความคืบหน้าในการทําคดีของดีเอสไอโดยจะมีหนังสือเรียกให้ดีเอสไอเข้าชี้แจงการทําคดีเป็นระยะๆต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น