“สุกำพล” ยัน "มาร์ค" ไม่ผ่านการเกณฑ์ทหารจริง มั่นใจคำสั่งปลดไม่ผิด ป.อาญา ม.157 ท้าแจงหลักฐานซักฟอกในเวทีสภา พร้อมปัดสอบ "กรณ์-ศิริโชค" หนีทหาร
วันนี้ (15 พ.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อขอให้ดำเนินการไต่สวนกรณีที่มีคำสั่งปลดออกจากราชการทหารและเรียกคืนเบี้ยหวัดเงินบำนาญว่า หากมีการฟ้องร้องก็ต้องสู้กัน ทั้งนี้มั่นใจว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ได้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ตามที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหา ซึ่งถ้าพรรคประชาธิปัตย์ฟ้องก็ขอให้ฟ้องไปไม่มีปัญหา ขอยืนยันว่าดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนที่ถูกต้อง
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ากระทรวงกลาโหมกำลังดำเนินการสอบสวนนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เรื่องการหนีทหารด้วยนั้น พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมไม่เคยมีความคิดเรื่องนี้ และตนไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ เรื่องนี้ไม่ได้ออกมาจากกระทรวงกลาโหม และตนไม่เคยตรวจสอบบุคคลทั้งสอง เพราะกระทรวงกลาโหมจะตรวจสอบเฉพาะคนที่มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาเท่านั้น ไม่ทราบว่าใครเป็นคนกุข่าว และไม่รู้สึกหนักใจ ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่ง หรือจะฟ้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่ขอร้องว่าอย่าพูดโกหกกันมากอ้างเรื่องต่าง ๆ ว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ให้ลงโทษแล้ว ถ้าไปอ่านให้ดี เป็นคนละเรื่อง พูดไม่ตรงประเด็น ซึ่งตนไม่กลัว และพิสูจน์ได้ว่านายอภิสิทธ์ไม่ได้ผ่านการเกณฑ์ทหารจริง รวมทั้งการใช้เอกสารเท็จในการเป็นทหาร ถ้าแน่ใจต้องมาถามกันที่สภาจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ต้องรออกทีวี ขอให้ออกสภาเลยดีกว่า โดยมาชี้แจงกันตามหลักฐาน นายอภิสิทธิ์กล้านำเอกสารมายื่นหรือไม่ เพราะหลักฐานไม่มีความจริง
“วันนี้เรื่องต่าง ๆ ค่อนข้างชุกเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการเดินขบวนชุมนุม การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล การยื่นถอดถอนนายอภิสิทธิ์ อยากให้เกิดแล้วจบกันตรงนี้ไปเลย ผมขอย้ำว่าไมได้แกล้ง อยากให้คนกลางช่วยดูว่า ผมกลั่นแกล้งหรือไม่ ผมเตรียมข้อมูลต่าง ๆ ที่คิดว่า น่าจะถูกอภิปราย ตั้งแต่เรื่องการถอดถอนนายอภิสิทธิ์ ซึ่งเรื่องนี้อยากให้ฝ่ายค้านถามตน จะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร ผมมีสิทธิ์ออกคำสั่งหรือไม่ ผมไม่อยากตอบเรื่องนี้แล้ว อยากเก็บไว้ตอบในสภาฯทีเดียว การที่ผมลงนามคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา การลงนามก่อนหรือหลังยื่นอภิปรายมีค่าเท่ากัน ไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ขอให้ไปดูที่สาเหตุหลักว่าคืออะไร นายอภิสิทธิ์หนีทหาร และใช้เอกสารเท็จจริงหรือไม่ อย่าพูดถึงประเด็นรอง หาว่าผมแกล้งอย่างโน่นอย่างนี้หรือมีคนอยู่เบื้องหลัง เพราะความจริงก็คือความจริง วันอภิปรายฯจะได้เห็นกัน ขอให้ถามมา เรื่องนี้เป็นเรื่องของลูกผู้ชาย คนที่สอนทหารให้เป็นทหาร แต่ใช้เอกสารเท็จในการเป็นทหาร ถ้าผมเป็นนักเรียน จปร. อยู่ตรงนั้น ผมก็ไม่พอใจ ส่วนสัสดีที่เคยช่วยกันไว้ก็ไปกล่าวหาว่า ออกเอกสารเท็จให้ ผมจะพิสูจน์ให้ดูว่าเป็นอย่างไร” รมว.กลาโหม ระบุ
เมื่อถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่า พล.อ.นิพนธ์ ธีระพงษ์ อดีตเจ้ากรมสื่อสารทหารบก ที่เคยถูกดำเนินการให้ถอดยศ แต่คณะกรรมการกฤษฎีการะบุว่าไม่สามารถทำได้ เพราะพล.อ.นิพนธ์ เกษียณอายุราชการไปแล้ว พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนสามารถดำเนินการได้ เพราะขณะนี้นายอภิสิทธิ์อายุ 46 ปี เป็นทหารนอกประจำการ ต้องไปดูคำจำกัดความให้ดีว่าทหารมีกี่ชนิด และตนยังสามารถควบคุมได้หรือไม่
ส่วนที่นำกรณีดังกล่าวไปเทียบเคียงกับกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้นไม่ถูกต้อง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณเข้ามารับราชการตำรวจอย่างถูกต้อง แต่ในส่วนของนายอภิสิทธิ์นั้น ยศที่ได้ไป คือทรัพย์สินของกระทรวงกลาโหมถือเป็นสิ่งมีค่าของกระทรวงกลาโหม นายอภิสิทธิ์ได้ไปไม่ถูกต้องจึงต้องดำเนินการปลดและทวงเอายศคืนมา ถ้าทำถูกต้องตนจะไม่ทวง เรื่องนี้หากตนทำไม่ถูกต้องพร้อมขอโทษและขอขมา ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์หนังสือขอความเป็นธรรมมานั้น ตนจะดำเนินการตอบไปว่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องยืดยาวไม่จบสักทีเพราะมีคนไม่จริงจังทำเรื่องนี้สักทีจึงไม่จบ เพราะมีการช่วยเหลือกัน แต่วันนี้ตนจริงจังในเรื่องนี้
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ากระทรวงกลาโหมกำลังดำเนินการสอบสวนนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เรื่องการหนีทหารด้วยนั้น พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมไม่เคยมีความคิดเรื่องนี้ และตนไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ เรื่องนี้ไม่ได้ออกมาจากกระทรวงกลาโหม และตนไม่เคยตรวจสอบบุคคลทั้งสอง เพราะกระทรวงกลาโหมจะตรวจสอบเฉพาะคนที่มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาเท่านั้น ไม่ทราบว่าใครเป็นคนกุข่าว และไม่รู้สึกหนักใจ ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่ง หรือจะฟ้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่ขอร้องว่าอย่าพูดโกหกกันมากอ้างเรื่องต่าง ๆ ว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ให้ลงโทษแล้ว ถ้าไปอ่านให้ดี เป็นคนละเรื่อง พูดไม่ตรงประเด็น ซึ่งตนไม่กลัว และพิสูจน์ได้ว่านายอภิสิทธ์ไม่ได้ผ่านการเกณฑ์ทหารจริง รวมทั้งการใช้เอกสารเท็จในการเป็นทหาร ถ้าแน่ใจต้องมาถามกันที่สภาจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ต้องรออกทีวี ขอให้ออกสภาเลยดีกว่า โดยมาชี้แจงกันตามหลักฐาน นายอภิสิทธิ์กล้านำเอกสารมายื่นหรือไม่ เพราะหลักฐานไม่มีความจริง
“วันนี้เรื่องต่าง ๆ ค่อนข้างชุกเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการเดินขบวนชุมนุม การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล การยื่นถอดถอนนายอภิสิทธิ์ อยากให้เกิดแล้วจบกันตรงนี้ไปเลย ผมขอย้ำว่าไมได้แกล้ง อยากให้คนกลางช่วยดูว่า ผมกลั่นแกล้งหรือไม่ ผมเตรียมข้อมูลต่าง ๆ ที่คิดว่า น่าจะถูกอภิปราย ตั้งแต่เรื่องการถอดถอนนายอภิสิทธิ์ ซึ่งเรื่องนี้อยากให้ฝ่ายค้านถามตน จะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร ผมมีสิทธิ์ออกคำสั่งหรือไม่ ผมไม่อยากตอบเรื่องนี้แล้ว อยากเก็บไว้ตอบในสภาฯทีเดียว การที่ผมลงนามคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา การลงนามก่อนหรือหลังยื่นอภิปรายมีค่าเท่ากัน ไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ขอให้ไปดูที่สาเหตุหลักว่าคืออะไร นายอภิสิทธิ์หนีทหาร และใช้เอกสารเท็จจริงหรือไม่ อย่าพูดถึงประเด็นรอง หาว่าผมแกล้งอย่างโน่นอย่างนี้หรือมีคนอยู่เบื้องหลัง เพราะความจริงก็คือความจริง วันอภิปรายฯจะได้เห็นกัน ขอให้ถามมา เรื่องนี้เป็นเรื่องของลูกผู้ชาย คนที่สอนทหารให้เป็นทหาร แต่ใช้เอกสารเท็จในการเป็นทหาร ถ้าผมเป็นนักเรียน จปร. อยู่ตรงนั้น ผมก็ไม่พอใจ ส่วนสัสดีที่เคยช่วยกันไว้ก็ไปกล่าวหาว่า ออกเอกสารเท็จให้ ผมจะพิสูจน์ให้ดูว่าเป็นอย่างไร” รมว.กลาโหม ระบุ
เมื่อถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่า พล.อ.นิพนธ์ ธีระพงษ์ อดีตเจ้ากรมสื่อสารทหารบก ที่เคยถูกดำเนินการให้ถอดยศ แต่คณะกรรมการกฤษฎีการะบุว่าไม่สามารถทำได้ เพราะพล.อ.นิพนธ์ เกษียณอายุราชการไปแล้ว พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนสามารถดำเนินการได้ เพราะขณะนี้นายอภิสิทธิ์อายุ 46 ปี เป็นทหารนอกประจำการ ต้องไปดูคำจำกัดความให้ดีว่าทหารมีกี่ชนิด และตนยังสามารถควบคุมได้หรือไม่
ส่วนที่นำกรณีดังกล่าวไปเทียบเคียงกับกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้นไม่ถูกต้อง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณเข้ามารับราชการตำรวจอย่างถูกต้อง แต่ในส่วนของนายอภิสิทธิ์นั้น ยศที่ได้ไป คือทรัพย์สินของกระทรวงกลาโหมถือเป็นสิ่งมีค่าของกระทรวงกลาโหม นายอภิสิทธิ์ได้ไปไม่ถูกต้องจึงต้องดำเนินการปลดและทวงเอายศคืนมา ถ้าทำถูกต้องตนจะไม่ทวง เรื่องนี้หากตนทำไม่ถูกต้องพร้อมขอโทษและขอขมา ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์หนังสือขอความเป็นธรรมมานั้น ตนจะดำเนินการตอบไปว่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องยืดยาวไม่จบสักทีเพราะมีคนไม่จริงจังทำเรื่องนี้สักทีจึงไม่จบ เพราะมีการช่วยเหลือกัน แต่วันนี้ตนจริงจังในเรื่องนี้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น