วันนี้ ( 4 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายวิจารณ์เรื่องโครงการรับจำนำข้าว ว่า เรื่องตัวเลขต้องรอให้ปิดรอบการขายก่อน จึงจะตอบได้ ส่วนกรณีที่นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ระบุว่าถ้ารัฐบาลไม่ล้มเลิกโครงการนี้ อาจทำให้รัฐบาลพังนั้น ตนได้พูดคุยกับนายวีระพงษ์ในเรื่องนี้แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งเกิดจากการที่นายวีระพงษ์ ไปฟังข้อมูลจากทางเดียว ที่ข้อมูลอาจไม่ตรงกัน และทำให้เกิดการเข้าใจผิด ซึ่งวันนี้ (4 ต.ค.) ตนได้ให้นายโอฬาร ไชยประวัติ ประธานผู้แทนการค้าไทยออกมาชี้แจง ในฐานะที่เป็นผู้จัดทำโครงการดังกล่าว ตนอยากให้ไปถามเกษตรกรว่าโครงการนี้มีประโยชน์หรือไม่ สำหรับการที่ประเทศเวียดนามขอบคุณรัฐบาลไทยที่ทำให้เวียดนามส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ซึ่งเกิดจากผลพวงโครงการรับจำนำข้าวในราคาสูงของรัฐบาลไทยนั้น ตรงนี้ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดีของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศมากกว่า ซึ่งต้องมองภาพรวมทั้งหมด อย่าไปจับตรงนั้นตรงนี้มาต่อกัน
อีกด้านหนึ่ง ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะโฆษกสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา นายอดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา คณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ( นิด้า ) ผู้ร้องที่ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยับยั้งหรือยุติโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 43 และ 81 (1) หรือไม่ ได้มายื่นเอกสารประกอบคำร้องเพิ่มเติมแล้ว หลังจากที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้แจ้งกลับไปว่าเอกสารยังไม่ครบถ้วนตามข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย โดยนายอดิศร์ ได้มายื่นสำเนาเอกสารจำนวน 9 ชุด รวมทั้งยังมีบทความที่เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวของนายเมธี ครองแก้ว อดีต กรรมการ ป.ป.ช. และบทวิจัยเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวซึ่งเอกสารที่ส่งมาเพิ่มเติมด้วย อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในการประชุมในวันพุธที่ (10 ต.ค. )ทันหรือไม่
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น