วันนี้ 30 ต.ค. ที่สตูดิโอ บริษัท โอม มหารวย จำกัด นายภุชงค์ สิริธัญผล ประธานบริษัทโอม มหารวยฯ พร้อมด้วยผู้บริหารบริษัทฯ แถลงข่าวชี้แจงกรณีที่พระใบฎีกาเทียนชัย สุภัทโท เจ้าอาวาส วัดแม่ตะไคร้ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ให้ตรวจสอบ นายสมพงษ์ กันภัย หรือ อาจารย์หนู กันภัย เจ้าสำนักสักยันต์ชื่อดัง โดยอ้างว่ามีการยักยอกเงินบริจาคที่มาจากการบูชาวัตถุมงคลเพื่อนำมาสร้างหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศของวัดแม่ตะไคร้เป็นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท โดยกล่าวว่า ตนจะขอชี้แจงของที่มาที่ไปเงินที่นำไปสร้างหลวงปู่ทวด และประเด็นที่มีการกล่าวหาเรื่องใครอมเงินทำบุญ 300 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯเป็นเพียงสื่อกลางประชาสัมพันธ์เท่านั้น
นายภุชงค์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสถานีโทรทัศน์ของตนทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้บูชาวัตถุมงคลที่เป็นของอาจารย์หนู ซึ่งเริ่มต้นจากตนได้มีโอกาสรู้จักอาจารย์หนูที่ต้องการหาเงินมาไปจัดสร้างหลวงปู่ทวดที่วัดแม่ตะไคร้ และได้ลงทุนทำวัตถุมงคลเหรียญ 5 แถว จากนั้นจึงให้ตนช่วยประชาสัมพันธ์ผ่านรายการของบริษํทเพื่อหารายได้สมทบทุน ขณะนั้นได้กำหนดให้เช่า เหรียญละ 999 บาท โดยแบ่งเงินดังกล่าวคนละครึ่ง เพราะบริษัทต้องมีค่าใช้จ่ายในการโฆษณาให้ ส่วนเงินที่แบ่งให้อาจารย์หนูจะนำไปบริจาคสร้างหลวงปู่ทวดเป็นจำนวนเท่าใดนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ แต่ต่อเกิดเหตุอุทกภัยและการชุมนุมทางการเมืองทำให้ตนต้องขอลดรายได้ที่แบ่งให้อาจารย์หนูเหลือเพียงเหรียญละ 300 บาท ซึ่งอาจารย์หนูก็ไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ปัญหาเริ่มเกิดขึ้นเมื่อปี 2554 ที่ได้สอบถามอาจารย์หนูถึงความคืบหน้าการสร้างหลวงปู่ทวด แต่พบว่าไม่คืบหน้าเพราะหลวงพ่อเทียนชัยได้นำเงินไปสร้างสิ่งก่อสร้างอื่น และวางตัวไม่เหมาะสม ทำให้อาจารย์หนูหยุดให้เงินกับหลวงพ่อเทียนชัย และนำเงินก่อสร้างหลวงปู่ทวดไปมอบให้กับผู้ควบคุมการก่อสร้างแทน นับจากนั้นก็พบว่าทั้ง 2 คนทะเลาะกันมาโดยตลอด
นายภุชงค์ กล่าวต่อว่า บริษัทฯตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินดังกล่าว แต่กลับได้รับผลกระทบด้านชื่อเสียงจากการร้องเรียนครั้งนี้ ซึ่งบริษัทฯไม่ได้มีการทำสัญญาเรื่องดังกล่าวกับทางวัด เพราะไม่ใช่ประธานการก่อสร้าง แต่อาจารย์หนูมีการทำสัญญาก่อสร้างหลวงปู่ทวดกับผู้รับเหมาซึ่งเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลาการก่อสร้างที่ต้องแล้วเสร็จในวันที่ 3 มี.ค. 2556 นอกจากนี้ตนขอเปิดเผยรายละเอียดการรับจ่ายเงินที่ได้จากการบูชาวัตถุมงคล เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน โดยเฉพาะประเด็นที่หลวงพ่อเทียนชัยระบุว่าถูกโกง 300 ล้านบาท นั้นไม่เป็นความจริง เพราะรายได้ที่บริษัทฯทยอยมอบให้อาจารย์หนูมีรวมกว่า 90 ล้านบาท ไม่รวมยอดเงินที่บริษัทฯจ่ายให้ทางวัดเพื่อนำไปสร้างหลวงปู่ทวดให้เสร็จอีกประมาณ 20 ล้านบาท หลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายเกิดทะเลาะกัน ส่วนอาจารย์หนูจะนำรายได้ทั้งหมดไปมอบให้วัดเป็นเงินเท่าไหร่ บริษัทไม่ทราบแน่ชัดแต่เท่าที่ทราบคือประมาณ 30 ล้านบาท ขณะที่ราคาประเมินการก่อสร้างหลวงปู่ทวดเบื้องต้นประมาณการไว้ที่ 18 ล้านบาท แต่หากรวมค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ รวมการก่อสร้างฐานด้วยจะมีราคาเกือบ 30 ล้านบาท ดังนั้นเงิน 300 ล้านบาทที่กล่าวถึงนั้นข้อเท็จจริงมีไม่ถึง
“เรื่องนี้อาจารย์หนูคงไม่ได้ทำผิดกฎหมายเพราะเหรียญที่เปิดให้บูชาเป็นเหรียญที่อาจารย์หนูใช้เงินสร้างเอง ไม่ได้นำเงินของวัดมาสร้างแม้แต่บาทเดียว แต่ผิดที่บริจาคเงินให้วัดแค่เงินสร้างหลวงปู่ ตอนนี้ตนเรียกว่าน้ำตาตกใน เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยแต่กลับต้องเสียชื่อเสียง ที่ออกมาชี้แจงเพราะต้องการปกป้องครอบครัวเท่านั้น” นายภุชงค์ กล่าว
นายภุชงค์ ยังกล่าวว่า ขณะนี้องค์หลวงปู่ทวดสร้างใกล้เสร็จแล้วเหลือการเก็บรายละเอียดและก่อสร้างฐานอีกเล็กน้อย ส่วนการให้เช่าบูชาวัตถุมงคลยังคงมีการประชาสัมพันธ์อยู่แต่ไม่ได้ระบุว่าจะทำไปสร้างวัดแม่ตะไคร้เพราะสร้างเสร็จแล้ว แต่รายได้หลังจากนี้จะนำไปบริจาคเพื่อสร้างสาธารณะประโยชน์ของวัดอื่น ๆ ทั้งนี้ เห็นว่าการยื่นเรื่องตรวจสอบขณะนี้เป็นเพียงความขัดแย้งของหลวงพ่อเทียนชัยและอาจารย์หนู.
นายภุชงค์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสถานีโทรทัศน์ของตนทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้บูชาวัตถุมงคลที่เป็นของอาจารย์หนู ซึ่งเริ่มต้นจากตนได้มีโอกาสรู้จักอาจารย์หนูที่ต้องการหาเงินมาไปจัดสร้างหลวงปู่ทวดที่วัดแม่ตะไคร้ และได้ลงทุนทำวัตถุมงคลเหรียญ 5 แถว จากนั้นจึงให้ตนช่วยประชาสัมพันธ์ผ่านรายการของบริษํทเพื่อหารายได้สมทบทุน ขณะนั้นได้กำหนดให้เช่า เหรียญละ 999 บาท โดยแบ่งเงินดังกล่าวคนละครึ่ง เพราะบริษัทต้องมีค่าใช้จ่ายในการโฆษณาให้ ส่วนเงินที่แบ่งให้อาจารย์หนูจะนำไปบริจาคสร้างหลวงปู่ทวดเป็นจำนวนเท่าใดนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ แต่ต่อเกิดเหตุอุทกภัยและการชุมนุมทางการเมืองทำให้ตนต้องขอลดรายได้ที่แบ่งให้อาจารย์หนูเหลือเพียงเหรียญละ 300 บาท ซึ่งอาจารย์หนูก็ไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ปัญหาเริ่มเกิดขึ้นเมื่อปี 2554 ที่ได้สอบถามอาจารย์หนูถึงความคืบหน้าการสร้างหลวงปู่ทวด แต่พบว่าไม่คืบหน้าเพราะหลวงพ่อเทียนชัยได้นำเงินไปสร้างสิ่งก่อสร้างอื่น และวางตัวไม่เหมาะสม ทำให้อาจารย์หนูหยุดให้เงินกับหลวงพ่อเทียนชัย และนำเงินก่อสร้างหลวงปู่ทวดไปมอบให้กับผู้ควบคุมการก่อสร้างแทน นับจากนั้นก็พบว่าทั้ง 2 คนทะเลาะกันมาโดยตลอด
นายภุชงค์ กล่าวต่อว่า บริษัทฯตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินดังกล่าว แต่กลับได้รับผลกระทบด้านชื่อเสียงจากการร้องเรียนครั้งนี้ ซึ่งบริษัทฯไม่ได้มีการทำสัญญาเรื่องดังกล่าวกับทางวัด เพราะไม่ใช่ประธานการก่อสร้าง แต่อาจารย์หนูมีการทำสัญญาก่อสร้างหลวงปู่ทวดกับผู้รับเหมาซึ่งเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลาการก่อสร้างที่ต้องแล้วเสร็จในวันที่ 3 มี.ค. 2556 นอกจากนี้ตนขอเปิดเผยรายละเอียดการรับจ่ายเงินที่ได้จากการบูชาวัตถุมงคล เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน โดยเฉพาะประเด็นที่หลวงพ่อเทียนชัยระบุว่าถูกโกง 300 ล้านบาท นั้นไม่เป็นความจริง เพราะรายได้ที่บริษัทฯทยอยมอบให้อาจารย์หนูมีรวมกว่า 90 ล้านบาท ไม่รวมยอดเงินที่บริษัทฯจ่ายให้ทางวัดเพื่อนำไปสร้างหลวงปู่ทวดให้เสร็จอีกประมาณ 20 ล้านบาท หลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายเกิดทะเลาะกัน ส่วนอาจารย์หนูจะนำรายได้ทั้งหมดไปมอบให้วัดเป็นเงินเท่าไหร่ บริษัทไม่ทราบแน่ชัดแต่เท่าที่ทราบคือประมาณ 30 ล้านบาท ขณะที่ราคาประเมินการก่อสร้างหลวงปู่ทวดเบื้องต้นประมาณการไว้ที่ 18 ล้านบาท แต่หากรวมค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ รวมการก่อสร้างฐานด้วยจะมีราคาเกือบ 30 ล้านบาท ดังนั้นเงิน 300 ล้านบาทที่กล่าวถึงนั้นข้อเท็จจริงมีไม่ถึง
“เรื่องนี้อาจารย์หนูคงไม่ได้ทำผิดกฎหมายเพราะเหรียญที่เปิดให้บูชาเป็นเหรียญที่อาจารย์หนูใช้เงินสร้างเอง ไม่ได้นำเงินของวัดมาสร้างแม้แต่บาทเดียว แต่ผิดที่บริจาคเงินให้วัดแค่เงินสร้างหลวงปู่ ตอนนี้ตนเรียกว่าน้ำตาตกใน เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยแต่กลับต้องเสียชื่อเสียง ที่ออกมาชี้แจงเพราะต้องการปกป้องครอบครัวเท่านั้น” นายภุชงค์ กล่าว
นายภุชงค์ ยังกล่าวว่า ขณะนี้องค์หลวงปู่ทวดสร้างใกล้เสร็จแล้วเหลือการเก็บรายละเอียดและก่อสร้างฐานอีกเล็กน้อย ส่วนการให้เช่าบูชาวัตถุมงคลยังคงมีการประชาสัมพันธ์อยู่แต่ไม่ได้ระบุว่าจะทำไปสร้างวัดแม่ตะไคร้เพราะสร้างเสร็จแล้ว แต่รายได้หลังจากนี้จะนำไปบริจาคเพื่อสร้างสาธารณะประโยชน์ของวัดอื่น ๆ ทั้งนี้ เห็นว่าการยื่นเรื่องตรวจสอบขณะนี้เป็นเพียงความขัดแย้งของหลวงพ่อเทียนชัยและอาจารย์หนู.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น