“ที่น่าสังเกตว่าทำไมไม่มีการตรวจสารเสพติด หรือตรวจฉี่ ทั้งผู้หญิงคนนี้มีสภาพเมายา เหมือนให้กินยาและถูกยุมาทำร้าย แต่สงสัยว่าตำรวจรู้ได้อย่างไรว่าไม่ได้ต้องการทำร้ายผม แต่ก็แปลกใจที่มาทำร้ายคนของผมทั้ง 2 คน ทั้งๆที่คณะแต่งตัวเหมือนกันหมด ผมก็ไม่อยากจะต่อ แต่มันคงไม่จบ ต้องขอความเป็นธรรมให้ผมบ้าง ขอเรียกร้องไปยัง พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงษ์ ผบ.ตร. ต้องสอบสวนเรื่องนี้ เพราะผมไปทำงานในนามคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร และอยู่บนโรงพักหาดใหญ่ ต่อหน้านายตำรวจเป็น10 แต่กลับไม่ปลอดภัยถูกทำร้าย แล้วตำรวจจะดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนได้อย่างไร” นายชูวิทย์ กล่าวและว่า จะทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้รับทราบถึงความไม่ปลอดภัยของสมาชิกที่ไปทำหน้าที่
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ตนเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีเบื้องหลังคือการทำงานของตน โดยเฉพาะการเปิดเผยเรื่องบ่อน และซ่องโดยเฉพาะในพื้นที่หาดใหญ่ เพราะสภาพอย่างนี้อาจจะมีคนว่าจ้างมา เพราะนั่งมอเตอร์ไซค์ไม่ซื้อมีดพร้าที่ตลาด นอกจากนี้ขอตั้งข้อสังเกตว่า ที่ตำรวจอ้างว่าผู้หญิงคนนี้สติไม่ดีได้มีการลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานหรือไม่ แล้วให้เงินถึง 500 บาทสำหรับต่างจังหวัดถือว่ามากพอสมควร ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่พัทยามีแฟนเป็นฝรั่ง แต่กลับมาติดยาที่หาดใหญ่ แต่งกายเสื้อผ้าบูติค ทำเล็บมือเล็บเท้า และเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่ด้วยตัวเอง และยังเช็คประวัติภูมิลำเนาได้อย่างรวดเร็วมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในตอนท้าย นายชูวิทย์ยังได้เปิดคลิปเสียงชายคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นชาวหาดใหญ่โทรมาที่ทำการพรรครักประเทศไทยหลังเกิดเหตุการณ์ โดยระบุว่าตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของโรงพัก ได้เตรียมการจัดแจงสถานที่ไว้รอต้อนรับคณะของนายชูวิทย์มาหลายวัน รวมทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่าเป็นการจัดฉาก ต้องการให้ฟันหัวนายชูวิทย์ พร้อมทั้งรู้ว่าได้มีการให้เงินหญิงคนดังกล่าวไปซื้อมีดด้วย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น