เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (22 ส.ค.) กลุ่มเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมด้วยเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ และเครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพ มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา จำนวนกว่า 30 คน เข้าพบ นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมสรรพสามิต เพื่อสนับสนุนนโยบายที่กระทรวงการคลังเสนอให้คณะรัฐมนตรีปรับขึ้นภาษี เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยให้มีผลบังคับใช้ทันที
โดยนายจะเด็จ เชาว์วิไล ที่ปรึกษาเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปิดเผยว่า เครือข่ายต้องการสนับสนุนนโยบายของกรมสรรพสามติดังกล่าว เพราะมาตรการราคาที่เพิ่มขึ้นจะช่วยลดแรงจูงใจในการเข้าถึงแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเยาวชนและผู้มีรายได้น้อย อีกทั้งยังส่งผลดีต่อสุขภาพ ลดการบาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิต ที่มีสาเหตุมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น
ด้าน นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ทำให้สรรพสามิตยาสูบปรับเพิ่มค่าแสตมป์ ยาเส้น ยาสูบ และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประเภทต่างๆ มีผลทำให้ราคาขายปลีกยาสูบปรับเพิ่มขึ้นซองละ 3-14 บาท นอกจากนี้ได้ปรับภาษีสุรากลั่น ชนิดสุราขาว จากเดิมลิตรละ 120 บาทต่อฤทธิ์แอลกอฮอล์ เป็น 150 บาท ชนิดสุราผสม จากเดิม 300 บาท เป็น 350 บาท และชนิดสุราพิเศษ ประเภทบรั่นดี ปรับเพิ่มตามมูลค่าจาก 48 เป็น 50 รวมถึงค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน รวมทั้งสนับสนุนมาตรการควบคุมการบริโภคของประชาชนด้วย
ทั้งนี้ จะทำให้กรมสรรพสามิตมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 13,000 ล้านบาท มาจากยาสูบ 10,000 บาท สุรา 3,000 ล้านบาท ในส่วนเบียร์และไวน์นั้น ได้ปรับภาษีเต็มเพดานไปแล้ว กำลังศึกษาว่าจะขยายเพดานอีกหรือไม่ โดยหากต้องขยายเพดานต้องแก้กฎหมายก่อน ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลขึ้นภาษีเพื่อนำเงินไปชดเชย โครงการประชานิยมนั้น ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะค่าธรรมเนียมดังกล่าวไม่ได้ปรับขึ้นมากว่า 34 ปีแล้ว เป็นเพียงการปรับตามสภาวะเศรษฐกิจ.
โดยนายจะเด็จ เชาว์วิไล ที่ปรึกษาเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปิดเผยว่า เครือข่ายต้องการสนับสนุนนโยบายของกรมสรรพสามติดังกล่าว เพราะมาตรการราคาที่เพิ่มขึ้นจะช่วยลดแรงจูงใจในการเข้าถึงแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเยาวชนและผู้มีรายได้น้อย อีกทั้งยังส่งผลดีต่อสุขภาพ ลดการบาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิต ที่มีสาเหตุมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น
ด้าน นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ทำให้สรรพสามิตยาสูบปรับเพิ่มค่าแสตมป์ ยาเส้น ยาสูบ และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประเภทต่างๆ มีผลทำให้ราคาขายปลีกยาสูบปรับเพิ่มขึ้นซองละ 3-14 บาท นอกจากนี้ได้ปรับภาษีสุรากลั่น ชนิดสุราขาว จากเดิมลิตรละ 120 บาทต่อฤทธิ์แอลกอฮอล์ เป็น 150 บาท ชนิดสุราผสม จากเดิม 300 บาท เป็น 350 บาท และชนิดสุราพิเศษ ประเภทบรั่นดี ปรับเพิ่มตามมูลค่าจาก 48 เป็น 50 รวมถึงค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน รวมทั้งสนับสนุนมาตรการควบคุมการบริโภคของประชาชนด้วย
ทั้งนี้ จะทำให้กรมสรรพสามิตมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 13,000 ล้านบาท มาจากยาสูบ 10,000 บาท สุรา 3,000 ล้านบาท ในส่วนเบียร์และไวน์นั้น ได้ปรับภาษีเต็มเพดานไปแล้ว กำลังศึกษาว่าจะขยายเพดานอีกหรือไม่ โดยหากต้องขยายเพดานต้องแก้กฎหมายก่อน ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลขึ้นภาษีเพื่อนำเงินไปชดเชย โครงการประชานิยมนั้น ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะค่าธรรมเนียมดังกล่าวไม่ได้ปรับขึ้นมากว่า 34 ปีแล้ว เป็นเพียงการปรับตามสภาวะเศรษฐกิจ.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น