วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
สาวซิ่งอัลติสชนราวเหล็กขอบทางดับสยอง
สาวเมาซิ่งอัลติส ป้ายแดง กลับจากนั่งดื่มกินกับเพื่อนย่านธนิยะ ขับส่ายไปมาชนแท็กซี่ แล้วพยายามหนีจนเสียหลักพุ่งชนราวเหล็กริมถนน เสียบทะลุห้องโดยสารกระแทกตัวดับสยอง
เมื่อเวลา 03.00 น.วันนี้(17ก.ค.) ร.ต.อ.ชนินทร ง่วนสน พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ปทุมวัน รับแจ้งอุบัติเหตุรถเก๋งพุ่งชนราวกั้นขอบทางทำให้ผู้ขับขี่เสียชีวิต บริเวณถนนพระรามที่ 4 ฝั่งขาเข้า ตรงข้ามกับสภากาชาดไทย แขวงและเขตปทุมวัน จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนพระรามที่ 4 ฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าแยกสามย่าน ในช่องทางขวาสุด เจ้าหน้าที่พบรถโตโยต้าอัลติส สีดำ ทะเบียนป้ายแดง พ 3096 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้าพุ่งชนกับราวเหล็กกั้นขอบทางใต้สะพานไทย-ญี่ปุ่น จนราวเหล็กเสียบทะลุไฟหน้าเข้าไปถึงห้องโดยสาร ตรวจสอบภายในรถพบศพ น.ส.อนาวรณ์ ปกป้อง อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80/2 หมู่ที่ 6 ต.หันนางาม อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู สภาพศพนอนหงายอยู่บนเบาะคนขับ สวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงยีนส์ ถูกรั้วราวเหล็กกั้นกระแทกเข้าที่กลางลำตัวเป็นที่น่าสยดสยอง เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างงัดเอาร่างผู้ตายออกมาจากซากรถ ก่อนนำศพส่งสถาบันนิติเวช
ต่อมามีนายวราวุธ ตั้งใจอยู่ อายุ 47 ปี เดินทางมายังที่เกิดเหตุ พร้อมให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ผู้ตายเพิ่งซื้อรถคันดังกล่าวมาได้ 3 เดือน ตอนนี้ยังไม่ได้ทำงานอะไรเนื่องจากกำลังรอสอบเข้าเป็นตำรวจอยู่ โดยก่อนเกิดเหตุผู้ตายกับตนได้ไปนั่งดื่มกินกับในซอยธนิยะ เพื่อปรึกษาเรื่องที่มีปัญหาทะเลาะกับแฟน จนกระทั่งร้านปิดก็แยกย้ายกันกลับ หลังจากนั้นตนก็ขับรถมาถึงจุดเกิดเหตุก็พบว่าผู้ตายขับรถเสียหลักพุ่งชนราวเหล็กกั้นขอบทางจนเสียชีวิตดังกล่าว
ด้านพยานในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นกลุ่มคนขับแท็กซี่ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นผู้ตายขับรถมาบนถนนสุรวงศ์ด้วยความเร็วสูงและขับส่ายเหมือนคนเมา จากนั้นก็ไปเฉี่ยวชนกับรถแท็กซี่ที่จอดรอผู้โดยสารอยู่ด้านหน้าร้านแฟมิลี่มาร์ท ก่อนขับหลบหนีเลี้ยวซ้ายที่แยกอังรีดูนังต์ เข้ามาในถนนพระรามที่ 4 ก่อนจะเสียหลักปีนขึ้นฟุตบาทใต้สะพานลอยไทย-ญี่ปุ่น และพุ่งชนราวเหล็กกั้นขอบทางจนเสียชีวิตดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะอยู่ในอาการมึนเมาสุราอย่างหนักจนไม่สามารถควบคุมรถได้ทำให้รถเสียหลักปีนขึ้นฟุตบาทพุ่งชนราวเหล็กกั้นสะพานจนทำให้เสียชีวิตดังกล่าว.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น