วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ครม.ไฟเขียวขยายเวลารับมอบรถยนต์คันแรก
วันนี้ ( 30 ก.ค.) นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. สัญจร ที่จังหวัดสุรินทร์ ได้เห็นชอบการขยายเวลาการรับส่งมอบรถยนต์และเอกสารหลักฐานของราชการออกไป สำหรับโครงการรถยนต์ใหม่คันแรกโดยให้ผ่อนผันการส่งมอบรถยนต์ใหม่ในโครงการออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ผู้ที่จะขอใช้สิทธิฯ ต้องทำการซื้อหรือจองรถยนต์ภายในวันที่ 31 ธ.ค.55 และต้องยื่นคำขอใช้สิทธิฯ และเอกสารประกอบการใช้สิทธิฯ ภายในวันที่ 31 ธ.ค.55 หรือภายในระยะเวลา 90 วันนับจากวันรับมอบรถยนต์ ที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สาขา
สำหรับเอกสารที่ต้องนำมายื่น คือ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ถ้ามี) สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ขอใช้สิทธิฯ ใบจองรถยนต์ ตั้งแต่วันที่ครม.มีมติถึงวันที่ 31 ธ.ค.55 และเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมที่ต้องนำมายื่นหลังจากได้รับส่งมอบรถแล้วภายใน 90 วัน ได้แก่ หนังสือสัญญายินยอมสละสิทธิ์การโอนรถยนต์ใหม่คันแรก สำเนาหลักฐานการซื้อขายรถยนต์ สำเนาใบเสร็จรับเงินหรือสำเนาสัญญาซื้อขาย สำเนาเอกสารการรับมอบรถยนต์ สำเนาคู่มือจดทะเบียน โดยหากผู้ขอใช้สิทธิฯ ไม่ดำเนินการตามนำเอกสาร มายื่น ณ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สาขาภายในระยะเวลาที่ กำหนด ให้ถือว่าผู้ขอใช้สิทธิฯ ไม่ประสงค์จะขอรับเงินคืนตามโครงการรถยนต์ใหม่คันแรกและจะเรียกร้องสิทธิฯ และค่าเสียหายใด ๆ กับทางราชการไม่ได้
ฆาตกรรมวิปริตแทงสาวใหญ่วิญญาณเฮี้ยนบอกลูก
เมื่อเวลา 19.00 น.วันนี้ (31 ก.ค. ) พ.ต.ต.ธีรกุล แสงฤทธิ์หลง พงส.สภ.ท่าช้าง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งพบศพหญิงสาวถูกทำร้ายทิ้งกลางทุ่งนา หมู่3 ต.พระนอน อ.นครหลวง จึงพร้อมด้วยพล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.สุเทพ ชนะสิทธิ์ ผกก.กก.สส. ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา หน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ ไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นกลางทุ่งนาห่างถนนสายนครหลวง-ท่าเรือ 300 เมตร ต้องเดินลัดเลาะไปตามท้องร่องสวน ได้กลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ก่อนพบศพนางนาง สุขพา อายุ 56 ปี มีบ้านพักอาศัยอยู่ ต.สามไถ อ.นครหลวง เสียชีวิตอยู่ในป่าหญ้า สภาพศพเน่าเปื่อยจนเห็นกระดูกบางส่วน หนอนไต่เต็มตัว สวมเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีขาวดำ กางเกงขายาวสีน้ำเงินถูกรูดออกมาพร้อมกางเกงในกองที่หัวเข่า มีบาดแผลถูกแทงเข้าท้องน้อยและอวัยวะเพศหลายแผล
สอบสวนนายชัยโย สุขพา อายุ 27 ปี บุตรชายผู้ตาย ให้การน้ำตานองหน้าว่า มีอาชีพรับเหมาต่อเติมบ้านพักอาศัยอยู่กับมารดาและภรรยา โดยมารดาไปๆมาๆ กับบ้านนายดำ สามีใหม่ซึ่งมีนิสัยชอบดื่มสุรามักจะให้มารดามาขอเงินตนเป็นประจำ และมักทำร้ายมารดาอยู่เสมอ ตนพยายามบอกให้เลิกราแต่มารดาก็ไม่ยอมเลิก ก่อนเกิดเหตุมารดาบอกว่าจะไปช่วยงานแต่งในกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนหายตัวไป ตนได้ออกติดตามและสอบถามคนรู้จักแล้วไม่มีใครพบเห็นไปสอบถามสามีใหม่ก็เห็นบ้านปิดประตูเงียบ จึงคิดว่ามารดาคงหายไปกับนายดำ
กระทั่งกลางดึกที่ผ่านมา ตนเห็นเงาดำของหญิงสาวมาเกาะเสาบ้าน เหมือนจะมาบอกอะไรบางอย่างแต่พุดไม่ได้ตนคิดว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับมารดาแน่นอน พอรุ่งเช้ามาจึงได้ออกติดตามหาจนกระทั่งมาพบมารดาเสียชีวิตกลางทุ่งนาหลังบ้านนายดำ จึงคิดว่านายดำเป็นผู้ต้องสงสัยที่สุด อยากให้ตำรวจติดตามตัวนายดำมาดำเนินคดีโดยเร็ว
ผลการสืบสวนล่าสุดตำรวจพบว่านายดำพาลูกติดอีก2 คนหลบหนีไปแล้ว โดยนำโทรศัพท์มือถือไปขายกับเพื่อนบ้าน จึงสันนิษฐานว่าทั้งคู่อาจทะเลาะอย่างรุนแรง ขณะที่นายดำอาจอยู่ในสภาพเมามายและโกรธแค้นนางนาง จนถึงขั้นฆาตกรรมโหดเมียตัวเองก็เป็นไปได้ ตำรวจจะเร่งติดตามตัวตามบ้านญาตินายดำเพื่อนำตัวมาสอบสวนและดำเนินคดีต่อไป
วางบึ้มโรงแรมซีเอสปัตตานีป่วนเมือง
วันนี้ (31 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุระเบิด ขึ้นที่ลานจอดรถด้านหลังโรงแรมซีเอส ปัตตานี ส่งผลให้ตัวโรงแรมได้รับความเสียหาย กระจกของชั้นที่พักแตกกระจาย รายงานข่าวแจ้งว่า ยังไม่พบผู้เสียชีวิต โดยในเบื้องต้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเศษกระจกบาดจำนวน 1 ราย ขณะที่แขกนักท่องเที่ยวที่มาพัก ได้ถูกอพยพไปในที่พื้นปลอดภัยแล้ว
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้สนธิกำลังกันเข้าควบคมุสถานการณ์ มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์ในทันทีหลังเกิดเหตุพร้อมกับส่งชุดเก็บกู้ลงพื้นที่ ควบคุมดูแลเหตุการณ์ดังกล่าว
สำหรับโรงแรมแห่งนี้ ส่วนใหญ่จะมีนักข่าวและสื่อต่างประเทศที่มาทำข่าว ความไม่สงบในพื้นที่พักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากและเคยเกิดเหตุระเบิดมาครั้ง 1 แล้ว มีผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ได้รับบาดเจ็บในครั้งนั้นด้วยรายงานความคืบหน้าจะได้แจ้งให้ทราบต่อไป
ต่อมาจนท.เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด บริเวณถนนเจริญประดิษฐ์ ซอย 5 หลังโรงแรมซี เอส ปํตตานี แรงระเบิดทำให้ไฟลุกไหม้หลังโรงแรม จนกระแสไฟฟ้าดับทั่วทั้งเขตเทศบาลเมืองปัตตานี และพบรถกระบะตอนเดียวพังเสียหายทั้งคัน ขณะที่หมู่บ้านออมทรัพย์กว่า 10 หลังที่ตั้งอยู่หลังโรงแรมได้รับความเสียหายกระจกแตก ชาวบ้านหลายครัวเรือนต้องอพยพไปอยู่ที่อื่น ส่วนกระจกห้องโรงแรมแตกเสียหายเกือบทุกห้อง ตัวตึกบางส่วนมีรอยร้าว พนักงานโรงแรมถูกสะเก็ตกระจกได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย5 คน โชคดีไม่มีใครบาดเจ็บสาหัสเพราะหลบหนีได้ทัน เบื้องต้นได้สั่งอพยพแขกในโรงแรมและสั่งปิดชั่วคราวไม่มีกำหนดเพื่อความปลอดภัย
ตรวจสอบรถยนต์คันเกิดเหตุเป็นรถกระบะ อีซูซุ ดีแมค ตอนเดียวสีน้ำเงิน เลขทะเบียน ธล 8099 กรุงเทพมหานคร ที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบดักใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงพนักงานส่งไก่ของบริษัทแห่งหนึ่งจากจังหวัดสงขลาเสียชีวิตทั้ง 3 คน ในพื้นที่ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานีเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา และขโมยรถไป
ทางด้าน พ.อ. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีเหตุระเบิดบริเวนด้านหลังโรงแรมเอสซี จ.ปัตตานีเป็นเหตุให้ไฟฟ้าดับทั้งเมืองนั้นว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ได้ว่าเหตุระเบิดดังกล่าวเป็นการระเบิดรถยนต์หรือคาร์บอมบ์หรือไม่ เนื่องจากอยู่ระหว่างการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดฉก.อโณทัย ทั้งนี้เบื้องต้นได้รับรายงานว่าจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณนอกรั้วทางด้านหลังโรงแรม และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์และได้กันประชาชนออกมาอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว
โฆษกกองทัพบก กล่าวต่อว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ต้องการแสดงให้เห็นว่า พวกเขาสามารถก่อเหตุได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งนี้มาตรการการป้องกันที่เข้มงวดของทางโรงแรมและเจ้าหน้าที่ ทำให้ไม่มีความสูญเสียเกิดขึ้น เนื่องจากคนร้ายไม่สามารถเข้ามาลอบวางระเบิดในเขตโรงแรมได้
"แก้ว"ไล่ยำมวยแอลจีเรียลิ่วรอบ2อลป.
การแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น รุ่น 49 กก.ชาย รอบแรก โอลิมปิก "ลอนดอนเกมส์" 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันอังคารที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา แก้ว พงษ์ประยูร ขุนพลเสื้อกล้ามไทย วัย 32 ปี จากจังหวัดกำแพงเพชร ขึ้นเวทีดวลกำปั้นกับ มูฮาเหม็ด ฟลิสซี นักชกจากแอลจีเรีย วัย 22 ปี
ยกแรก แก้ว ที่เสียเปรียบช่วงชกสั้นกว่า ยังชกได้ไม่เข้าฟอร์ม เนื่องจากมีอาการเกร็งและตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ดี ด้วยความเก๋าประสบการณ์ ทำให้ แก้ว ออกหมัดเข้าเป้าได้จะแจ้งกว่า ฟลิสซี หลังจบยกที่ 1 แก้ว มีคะแนนนำ 7-6 หมัด
เข้าสู่ยกที่ 2 แก้ว เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น ไม่เกร็งเหมือนในยกแรก ทำให้ชกได้เข้าฟอร์ม ออกหมัดเข้าเป้าสวย ๆ หลายหมัด ทำให้ยกนี้ แก้ว ทำคะแนนนำห่างออกไปเป็น 14-9 หมัด (คะแนนยก 2 แก้วได้ 7 หมัด ฟลิสซีได้ 3 หมัด)
ส่วนในยกสุดท้าย แก้ว ที่คะแนนนำเยอะ พยายามเต้นฟุตเวิร์คหลบหลีก ไม่เข้าคลุกวงในกับคู่ต่อสู้ อาศัยความเก๋าคุมเกมเอาไว้ได้แบบสบาย ๆ ชกครบ 3 ยก แก้ว เอาชนะไปได้อย่างสวยงาม 19-11 หมัด ผ่านเข้าสู่รอบที่ 2 ต่อไป (คะแนนยก 3 แก้วได้ 5 หมัด ฟลิสซีได้ 2 หมัด)
สำหรับในรอบหน้า แก้ว พงษ์ประยูร จะขึ้นชกกับ คาร์ลอส กุยโป ปิลาตาซี นักมวยจากเอกวาดอร์ ที่เอาชนะ โจเซ เด ลา นีเว ลินาเรส จากสเปน 14-11 หมัด ในวันเสาร์ที่ 4 ส.ค. เวลา 21.00 (ตามเวลาท้องถิ่น) หรือ 03.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
เข้าสู่ยกที่ 2 แก้ว เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น ไม่เกร็งเหมือนในยกแรก ทำให้ชกได้เข้าฟอร์ม ออกหมัดเข้าเป้าสวย ๆ หลายหมัด ทำให้ยกนี้ แก้ว ทำคะแนนนำห่างออกไปเป็น 14-9 หมัด (คะแนนยก 2 แก้วได้ 7 หมัด ฟลิสซีได้ 3 หมัด)
ส่วนในยกสุดท้าย แก้ว ที่คะแนนนำเยอะ พยายามเต้นฟุตเวิร์คหลบหลีก ไม่เข้าคลุกวงในกับคู่ต่อสู้ อาศัยความเก๋าคุมเกมเอาไว้ได้แบบสบาย ๆ ชกครบ 3 ยก แก้ว เอาชนะไปได้อย่างสวยงาม 19-11 หมัด ผ่านเข้าสู่รอบที่ 2 ต่อไป (คะแนนยก 3 แก้วได้ 5 หมัด ฟลิสซีได้ 2 หมัด)
สำหรับในรอบหน้า แก้ว พงษ์ประยูร จะขึ้นชกกับ คาร์ลอส กุยโป ปิลาตาซี นักมวยจากเอกวาดอร์ ที่เอาชนะ โจเซ เด ลา นีเว ลินาเรส จากสเปน 14-11 หมัด ในวันเสาร์ที่ 4 ส.ค. เวลา 21.00 (ตามเวลาท้องถิ่น) หรือ 03.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ช้างกระทืบชายเมาใกล้งานนายกฯตักบาตร
ล
วันนี้(29 ก.ค.55) ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น.ที่ผ่านมา ก่อนที่นางสาวยิงลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเป็นประธานในพิธีตักบาตรบนหลังช้างที่บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์ พบว่ามีชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 50 ปี ท่าทางคล้ายคนเมาสุราและสติไม่สมประกอบ ถอดเสื้อใส่กางเกงขาสั้นสีเทา ปีนขึ้นบนต้นไม้บริเวณหลังรูปปั้นช้างข้างอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดี ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ลงมา
หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวได้เดินเข้าไปในวัดจุมพลสุทธาวาสใกล้บริเวณงาน ก่อนที่จะเข้าหยอกล้อกับช้าง ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ชายคนดังกล่าวได้คลานเข้าไปหยอกช้างที่ควาญช้างผูกไว้กับเพื่อนช้างอีกหลายเชือกภายในวัด โดยช้างดังกล่าวไม่ได้เข้าไปร่วมงานตักบาตรบนหลังช้างแต่อย่างใด
ระหว่างนั้นเองช้างดังกล่าวน่าจะเกิดความรำคาญจึงใช้งวงรัดตัวชายคนดังกล่าว ก่อนที่จะโยนขึ้นสูงและร่วงลงมาพร้อมเข้ากระทืบซ้ำทันที ก่อนที่ควาญช้างจะเห็นเหตุการณ์และเข้าระงับช้าง แต่ก็ไม่ทันการชายคนดังกล่าวแน่นิ่งคาที่หายใจรวยริน บริเวณร่างกายกระดูกหักหลายแห่ง และมีเลือดไหลบริเวณใบหน้าและคาง รวมทั้งตามร่างกาย ก่อนที่เจ้าหน้าที่กูภัยสุรินทร์ จะนำตัวส่งโรงพยายาบาลสุรินทร์เพื่อช่วยชีวิต ขณะที่เจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลก็พยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิตอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ เนื่องจากชายทนพิษบาดแผลจากที่ถูกช้างทำร้ายไม่ไหวและเสียชีวิตดังกล่าว
ศาลสั่งประหารชีวิต 3 ดาบตำรวจกาฬสินธุ์ ฆ่าโหดโจ๋ตัดตอนค้ายา
ที่ห้องพิจารณา 813 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (30 ก.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาคดีความผิดต่อชีวิต อ.3252/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง ฟ้อง ด.ต.อังคาร คำมูลนา อายุ 48 ปี ด.ต.สุดธินัน โนนทิง อายุ 43 ปี ด.ต.พรรณศิลป์ อุปนันท์ อายุ 42 ปี พ.ต.ท.สำเภา อินดี อายุ 51 ปี อดีต สวป.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.อ.มนตรี ศรีบุญลือ อายุ 62 ปี อดีต ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และ พ.ต.ท.สุมิตร นันท์สถิต อายุ 45 ปี อดีต รอง ผกก. สภ.เมืองกาฬสินธุ์เป็นจำเลยที่ 1- 6 ตามลำดับในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย และเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ
โดยอัยการโจทก์ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 9 ก.ย.52 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค.47 จำเลยทั้งหมด โดยจำเลยที่ 1-3 และ จำเลยที่ 6 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ร่วมกันเจตนาฆ่านายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์รถ จยย. ขณะนำตัวออกจาก สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ด้วยการบีบรัดคอจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต จากนั้นพวกจำเลย ได้ปิดบังเหตุแห่งการตายของนายเกียรติศักดิ์ โดยร่วมกันย้ายศพจากท้องที่เกิดเหตุ ไปแขวนคอไว้ที่กระท่อมนา บ้านบึงโดน หมู่ที่ 5 ต.แสนชาติ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด
จากนั้น ระหว่างวันที่ 30 ก.ค. 47-27 เม.ย. 48 จำเลยที่ 4-6 ร่วมกันข่มขู่พยาน เพื่อให้การอันเป็นเท็จ โดยให้พยานระบุว่า ในวันที่ผู้ตายถูกทำร้ายยังพบเห็นผู้ตายที่ตลาดโต้รุ่ง เชื่อว่าพวกจำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 1–3 กระทำผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต ฐานย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย จำคุกคนละ 1 ปี เมื่อรวมโทษแล้วคงให้โทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1-3 สถานเดียว ส่วนจำเลยที่ 5 กระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ ลงโทษจำคุก 7 ปี สำหรับจำเลยที่ 6 กระทำผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษ จำคุกตลอดชีวิต และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีฆ่าอำพรางศพคดีนี้พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ทำการสอบสวน เนื่องจากญาติผู้เสียชีวิตร้องเรียนว่า การเสียชีวิตของนายเกียรติศักดิ์ อาจมีเงื่อนงำ ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศสงครามกับยาเสพติด กระทั่งเกิดคดีในลักษณะของการฆ่าตัดตอนผู้ต้องหาคดียาเสพติดหลายคดี
ยิง “เต่า ท่าทราย”คาดแก๊งยา-ทะเลาะวิวาท
วันนี้ ( 30 ก.ค. ) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนายวิรัช ดิลกศรี อายุ 37 ปี หรือ “เต่า ท่าทราย” ถูกยิงด้วยอาวุธปืน เสียชีวิต และนายวิสันต์ สุริวงศ์ 37 ปี ถูกยิงเข้าที่บริเวณไหปลาร้าด้านซ้าย ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณถนนรัชดาภิเษกฝั่งขาออกเข้า ก่อนถึงทางขึ้นสะพานข้ามแยกตัดถนนลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักรเมื่อเช้าวันที่ 29 ก.ค. ว่า คดีนี้ถือเป็นการกระทำที่อุกอาจ ตนได้เรียกฝ่ายสืบสวน สน.สุทธิสาร และสน.ห้วยขวาง มาร่วมประชุมกับ บก.สส. เพื่อคลี่คลายคดี จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหากับกลุ่มผู้เสียหายไปเที่ยวในผับ จากนั้นเมื่อมีเรื่องและมีการออกมายิงกัน โดยสาเหตุที่ตั้งไว้คือ 1.เรื่องยาเสพติด เพราะทั้งผู้ตายและผู้ก่อเหตุพัวพันกับยาเสพติด 2.ทะเลาะวิวาท เนื่องจากมีการทะเลาะกันในห้องน้ำของผับมีการตบกัน 3.คือ นาย “เต่า ท่าทราย” มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับหลายกล่มทั้งกลุ่มในกรุงเทพ กลุ่มดอนเมือง กลุ่มนนทบุรี
พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวต่อว่า สำหรับการปล่อยปะละเลยให้มีสานบันเทิงเปิดเกินเวลาออกจากผับอื่น ไปต่อผับในพื้นที่ห้วยขวางตี5 จึงมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ ผกก.สน.ห้วยขวาง มาช่วยราชการ บช.น. 30 วัน และให้ รอง ผบก.น.1 รักษาการณ์ตั้งแต่วันนี้ เชื่อว่าคดีดังกล่าวจะมีความคืบหน้าแน่นอน
ด้านพล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบช.น. ดูแลงานสืบสวน เปิดเผยภายหลังประชุมติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า เบื้องต้นตั้งเป้ายาเสพติดทั้งผู้ตายและคู่กรณี เหตุวิวาทในวันดังกล่าวและวันอื่นๆ ซึ่งคนตายมีเรื่องวิวาทกับหลายๆกลุ่ม ในวันเกิดเหตุผู้ตายขอซื้อยาไอซ์มาเสพ แต่คนที่พูดด้วยไม่ให้จนทะเลาะกัน ซึ่งเป็นคำพูดจากปากญาติผู้ตาย ซึ่งผู้ตายก็เชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มผู้ค้าด้วย สำหรับรูปพรรณคนร้ายสูงใหญ่มัดผมออกมานอกหมวกกันน็อคไม่สามารถสเกตซ์ภาพได้ แต่พอมีแนวทาง อย่างไรก็ตามรูปพรรณไม่ตรงกับที่มีการทะเลาะวิวาทก่อนหน้านี้ โดยรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ไม่ได้ติดทะเบียน มีการติดตามแต่ไม่ทัน โดยมีพยานในรถหลายปากก็สอบปากคำแล้ว ส่วนอาวุธปืนเป็นขนาด .40 หรือ 10 มม. เป็นอาวุธปืนที่มีราคา และค่อนข้างหาซื้อยาก โดยก่อนหน้านี้ผู้ตายมีการกระทบกระทั่งกับหลายกลุ่มหลายครั้ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารถกระบะคันเกิดเหตุที่ผู้ตายขับ เป็นของลูกน้อง ซึ่งก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผกก.สส.บก.น.2 ยึดไปตรวจสอบ ก่อนคืนมาในวันที่ 28 กรกฎาคม ก่อนเกิดเหตุ ถือว่าเป็นเรื่องการยิงผิดตัวหรือไม่ รอง ผบช.น.กล่าวว่า ยังไม่ตัดประเด็นนี้ทิ้ง ถือว่ามีส่วน เพราะเป็นเรื่องของยาเสพติดและอาวุธปืนเหมือนกัน
////////////////////////////////////////////
แถลงข่าวจับยาบ้าและยาไอซ์เกือบสองล้านบาท
วันนี้(31 ก.ค.) ที่สถานีตำรวจทางหลวงตรัง ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง ร.ต.อ.ไพโรจน์ ประสิทธิ์ รองสารวัตรทางหลวงตรัง พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ฯร่วมกันแถลงผลการตั้งด่านตรวจค้นที่บริเวณหน้าหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงปะเหลียน ระหว่างกม.ที่40-41 ตำบลลิพัง อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ซึ่งสามารถจับผู้ต้องหาลักลอบขนยาบ้าและยาไอซ์ได้จำนวน 2 คน คือ นายจำเนียร เพ็งดำ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/2 ม.1 ตำบลป่าแก่บ่อหิน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล และนายพล ป้าเทพ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62/6 หมู่ 4 ตำบลป่าแก่บ่อหิน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้าจำนวน 4,000 เม็ด ยาไอซ์จำนวน 99.65 กรัม มูลค่ายาเสพติดประมาณ 1.5 ล้านบาท นอกจากนั้นยังตรวจยึดรถยนต์กระบกสองตอน ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำตาล ป้ายทะเบียน กง-1873 พัทลุงจำนวน 1 คัน ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่ายืมจากเพื่อนมา และโทรศัพท์มือถือที่ใช้ติดต่อนายจ้างจำนวน 2 เครื่อง
ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า ในช่วงเย็นของวันที่ 30 ก.ค. ที่ผ่านมา จะมีรถยนต์กระบะในลักษณะดังกล่าว ซุกซ่อนยาเสพติดอยู่ในรถและใช้เส้นทางผ่านบริเวณหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงปะเหลียน ระหว่างกม.ที่40-41 ตำบลลิพัง อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง หลังรับแจ้งจึงทำการตั้งด่านตรวจสกัด และเมื่อรถคันดังกล่าววิ่งผ่านมา โดยมีนายจำเนียรฯเป็นคนขับและนายพลฯเป็นคนนั่งด้านข้างจึงเรียกให้ตรวจสอบ และพบของกลางยาบ้า ยาไอซ์ ซุกซ่อนอยู่ใต้พวงมาลัยรถกระบะ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยึดไว้เป็นของกลาง และควบคุมผู้ต้องหามาดำเนินคดี
จากการสอบสวนในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยทางด้านนายพลฯ หนึ่งในผู้ต้องหาอ้างว่า ตนมีอาชีพกรีดยาพารา แต่ช่วงนี้ราคายางลดลง ทำให้รายได้ไม่พอจ่ายประกอบกับมีหนี้สิน ดังนั้นจึงหันมารับจ้างขนยาเสพติด เนื่องจากมีรายได้ดี ได้ค่าจ้างตกครั้งละ 5,000 บาทต่อคน และทำมาแล้ว 2 ครั้ง โดยได้รับการว่าจ้างให้ไปรับยาในพื้นที่อำเภอปะเหลียน ตรังแล้วนำมาโยนทิ้งไว้ข้างทางในพื้นที่ตำบลทุ่งหว้า จ.สตูล ก่อนที่จะมีคนมารับอีกช่วงหนึ่ง
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท1 ยาบ้าและยาไอซ์ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนที่จะควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปะเหลียน เพื่อที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
เฮทั้งชาติ! "น้องแต้ว" ฮึด คว้าเหรียญเงิน "ลอนดอนเกมส์"
ยกน้ำหนัก แข่งขันที่สนามเอ็กเซล ทัพนักกีฬาไทยมีลุ้นหยิบเหรียญรางวัล จากรุ่น 58 กก. หญิง หลังจากพลาดหวังมาในรุ่น 48 กก. หญิง โดยสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ส่ง 2 จอมพลังขึ้นชิงชัย ได้แก่ “แต้ว” พิมศิริ ศิริแก้ว วัย 23 ปี จากจ.ขอนแก่น ดีกรี 2 เหรียญทองแดง รายการชิงชนะเลิศแห่งโลก เมื่อปีที่แล้ว และ 3 เหรียญทอง รายการชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และ “ปุ๊กลุก” รัตติกาล กุลน้อย สาวน้อยวัย 19 จากจ.สุรินทร์ เจ้าของ 2 เหรียญทองแดง ในรายการชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย เมื่อเดือน เม.ย. ซึ่งในครั้งนั้นลงชิงชัยในรุ่น 63 กก.
2 สาวไทยสแนทช์ไม่สวย
เริ่มต้นด้วยท่าสแนทช์ พิมศิริ ครั้งแรกยกผ่านไปได้แบบสบาย 100 กก. ก่อนจะออกมายกในครั้งที่ 103 กก. ซึ่งกรรมการให้ผ่าน 2 คน และไม่ผ่าน 1 คน จากนั้นผู้ตัดสินชี้ขาดออกมาแก้คำตัดสินให้ไม่ผ่าน เนื่องจากเห็นว่าระหว่างยกเหล็กค้างมีอาการข้อศอกยุบ ต้องออกมาแก้ตัวครั้งที่ 3 ด้วยน้ำหนักเดิม แต่จังหวะดึงเหล็กขึ้นเหนือศีรษะล็อคแขนไม่อยู่จึงตัดสินใจทิ้งเหล็ก ทำให้สถิติดีที่สุดท่านี้อยู่ที่ 100 กก. ส่วน รัตติกาล ครั้งแรกเรียก 98 กก. ยกไม่ผ่าน, ครั้งที่ 2 เพิ่มน้ำหนักเป็น 100 กก. ยังยกไม่ขึ้นเหมือนเดิม ก่อนออกมาแก้ตัวสำเร็จในครั้งที่ 3 ยกผ่านที่ 100 กก. ได้อันดับ 8 ในท่าสแนทช์ ส่วน พิมศิริ ที่ทำสถิติเท่ากัน แต่น้ำหนักตัวมากกว่าได้ที่ 9 ส่วนอันดับ 1 หลี ซิวหยิง (จีน) 108 กก. พร้อมทำลายสถิติโอลิมปิกเดิมของ เฉิน หยางซิง เพื่อนร่วมชาติที่ทำไว้ 107 กก. ในศึก “เอเธนส์เกมส์ 2004”, อันดับ 2 ยูลิยา คาลินา (ยูเครน) 106 กก., อันดับ 3 โบยานกา คอสโตวา (อาร์เซอร์ไบจาน) 105 กก.
“พิมศิริ” แก้ตัวบี้คว้าเงินสุดมัน
กลับมาวัดพลังต่อในท่าคลีนแอนด์เจิร์ก 2 จอมพลังไทย เรียกเหล็กบี้กับนักกีฬาจากจีน, เบลารุส, เกาหลีเหนือ รวมทั้งยูเครน อย่างสุดสนุก โดย “พิมศิริ” รวบรวมพลังกลับมาสู้ใหม่ยกผ่านครั้งแรก 131 กก. ก่อนจะออกมายกครั้งที่ 2 ด้วยความมั่นใจยกผ่านไปแบบสบาย 136 กก. จากนั้นครั้งที่ 3 เรียก 140 กก. แม้จะยกไม่ผ่าน แต่ก็เพียงพอจะคว้าเหรียญเงินไปครอง น้ำหนักรวม 236 กก. และเป็นเหรียญรางวัลแรกของทัพนักกีฬาไทยในลอนดอนเกมส์ด้วย ขณะที่ รัตติกาล ยกครั้งแรกผ่านที่ 130 กก., ครั้งที่ 2 ยกได้ 134 กก. และครั้งที่ 3 เรียก 136 กก. เพื่อลุ้นแย่งเหรียญทองแดงกับ ยูลินา คาลินา (ยูเครน) ทว่ายกไม่ผ่าน ทำให้ได้เพียงอันดับ 4 ทำน้ำหนักรวมได้ 234 กก. โดยแพ้ ยูลินา ที่ได้เหรียญทองแดงไปทำ 235 กก. เพียง 1 กก. เท่านั้น ส่วนเหรียญทองเป็นของ หลี ซิวหยิง (จีน) ยกคลีนแอนด์เจิร์กได้ 138 กก., น้ำหนักรวม 246 กก. ทำลายสถิติโอลิมปิกของ เฉิน หยางซิง ที่ทำไว้ 244 กก. ในศึกเอเธนส์เกมส์ ลงได้ด้วย
ยอดอัดฉีดทะลุ 10 ล้าน
นักกีฬาที่ได้เหรียญเงินจะได้รับเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ 6 ล้านบาท มอบเป็นเงินสด 50 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นสวัสดิการในรูปแบบเงินเดือนแบ่งจ่าย 5 ปี ขณะที่เอกชนยอดเงินอัดฉีดของภาคเอกชนอีกกว่า 4.62 ล้านบาท รวมยอดอัดฉีดล่าสุดทั้งหมด 10.62 ล้านบาท นอกจากนี้กองทุนฯ ยังมอบเงินให้ผู้ฝึกสอนอีก 20 เปอร์เซ็นต์ของนักกีฬา และสมาคมกีฬารับ 30 เปอร์เซ็นต์
ยังเหลือลุ้นชาย 3 รุ่น
สำหรับโปรแกรมแข่งขันยกน้ำหนักยังเหลือนักกีฬาชายลงสนามอีก 3 คน ในรุ่น 69 กก., 77 กก. และ 85 กก. โดยรุ่นต่อไป ได้แก่ รุ่น 69 กก. ชาย โดยไทยส่ง “ตุ๊ก” อรรถพล แดงจันทึก ลงชิงชัยโยถูกจัดอยู่ในกลุ่มบี จะมีขึ้นในวันที่ 31 ก.ค. เวลา 16.00น. ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ คณะนักกีฬา และเจ้าหน้าที่ทีมยกน้ำหนักจะเดินทางกลับถึงประเทศไทย ในวันที่ 5 ส.ค. เวลา 15.30 น. และจะเดินทางกลับ จ.เชียงใหม่ ต่อในเวลา 18.40 น. อย่างไรก็ตาม กำหนดการเดินทางทางกลับ จ.เชียงใหม่ อาจมีการเปลี่ยนแปลงต้องรอตัดสินใจอีกครั้ง
"ฉัตร์ชัย" ไม่พลาดอัดนักชกตุรกีขาดลอย
การแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น กีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 30 “ลอนดอนเกมส์ 2012” ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา รุ่น 52 กก. รอบ 32 คน “สด” ฉัตร์ชัย บุตรดี ขึ้นสังเวียนพบกับ เซลซุค เอเกอร์ จากตุรกี ซึ่งผลปรากฎว่า ยกแรก ฉัตร์ชัย ดักชกทำคะแนนได้อย่างสุดยอด ออกนำไปก่อน 11-2 ยกสองนักชกตุรกีเร่งออกหมัดได้อย่างสูสี แต่ “สด” ก็ยังดักชกทำคะแนนได้เช่นกัน จบยกสอง แต้มมาอยู่ที่ 19-9 เข้าสู่ยกสุดท้าย นักชกจาก จ.สระแก้ว ยกโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ครบ 3 ยก ฉัตร์ชัยเอาชนะไปได้ 24-10 ผ่านเข้ารอบ 16 คนสุดท้าย ไปพบกับ รามิเรซ คาร์ราซาน่า นักชกดาวรุ่งวัย 19 ปี จากคิวบา ที่ชนะ ซูซ่า คัตซูอากิ จากญี่ปุ่น 19-7 ในวันที่ 3 ส.ค. เริ่มแข่งขันคู่แรกเวลา 19.30 น.
ปู ร่วมพิธี เซ่นไหว้ศาลปะกำ เพื่อความเป็นศิริมงคลหมอช้าง พร้อมพา “น้องไปป์”ร่วมชมการแสดงช้าง
วันนี้(30 ก.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังศูนย์คชศึกษา อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นสถานที่อนุรักษ์และให้การดูแลช้างที่เป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองและเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด โดยได้ร่วมพิธีบวงสรวงเซ่นไหว้ศาลปะกำ เพื่อความเป็นสิริมงคลตามความเชื่อของชาวกูยก่อนที่จะออกไปคล้องช้าง ซึ่งเป็นพิธีการแสดงความเคารพก่อนออกจับช้างป่า และ เป็นพิธีกรรมโบราณที่มีมากว่า 50ปีแล้ว ทั้งนี้พิธีกรรมดังกล่าว ทำเพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับหมอช้าง เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง เป็นที่เคารพนับถือ ซึ่งได้ทำพิธีกรรมดังกล่าวเป็นไปตามประเพณี โดยในสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เคยเข้าร่วมพิธีเซ่นไหว้ศาลปะกำด้วยเช่นกัน ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาช้างตามแนวทางพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ และให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งจัดหาที่อยู่ให้ช้างและแก้ปัญหาช้างเร่ร่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรีจุดธูปกราบไหว้ศาลปะกำเสร็จ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ได้มอบรูปถ่ายพ.ต.ท. ทักษิณ ขึ้นขี่ช้างในสมัยที่ลงพื้นที่ทัวร์นกขมิ้นให้กับนายกรัฐมนตรีเป็นที่ระลึก จากนั้นได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์โครงกระดูกช้าง และการแสดงช้าง "ไทยต้องเป็นหนึ่งในอาเซียนด้วยพลัง ครม." ซึ่งช้างเชือกหนึ่งได้วาดภาพดอกไม้และเขียนคำว่า "LOVEปู" มอบให้กับนายกรัฐมนตรีด้วย ขณะเดียวกันระหว่างการแสดงช้าง "น้องไปป์" ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชาย ได้มาร่วมชมการแสดงด้วย แต่ยืนดูคนละจุดกับนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นเวลาปฏิบัติราชการ
วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
กระทิงปิ๋ว!แพ้ฮอนดูรัสร่วงรอบแรก,ทีมจีบีคว้าชัย
ทีมจีบีเก็บ3แต้มเชือดยูเออี 3-1
การแข่งขันฟุตบอลชายโอลิมปิคเกมส์ 2012 รอบแรก กลุ่ม A นัดที่ 2 ที่สนามเวมบลีย์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ “เจ้าภาพ” สหราชอาณาจักร พบกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเกมนี้ “ทีมจีบี” นำก่อนจากการโหม่งของ ไรอัน กิกส์ ในนาทีที่ 17 แต่ถึงนาทีที่ 60 ยูเออี ช็อกแฟนเจ้าถิ่น ตามตีเสมอเป็น 1-1 จากการยิงของ ราเชด ไอซา แต่หลังจากนั้น สหราชอาณาจักร มายิงเพิ่มได้ 2 ลูกจาก สกอตต์ ซินแคลร์ นาที 73 และ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ในนาทีที่ 76 จบเกม “เจ้าภาพ” เอาชนะไป 3-1 คว้า 3 คะแนนได้สำเร็จ
การแข่งขันฟุตบอลชายโอลิมปิคเกมส์ 2012 รอบแรก กลุ่ม A นัดที่ 2 ที่สนามเวมบลีย์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ “เจ้าภาพ” สหราชอาณาจักร พบกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเกมนี้ “ทีมจีบี” นำก่อนจากการโหม่งของ ไรอัน กิกส์ ในนาทีที่ 17 แต่ถึงนาทีที่ 60 ยูเออี ช็อกแฟนเจ้าถิ่น ตามตีเสมอเป็น 1-1 จากการยิงของ ราเชด ไอซา แต่หลังจากนั้น สหราชอาณาจักร มายิงเพิ่มได้ 2 ลูกจาก สกอตต์ ซินแคลร์ นาที 73 และ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ในนาทีที่ 76 จบเกม “เจ้าภาพ” เอาชนะไป 3-1 คว้า 3 คะแนนได้สำเร็จ
ส่วนอีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน เซเนกัล ที่เหลือ 10 คน ชนะ อุรุกวัย 2-0 ส่งผลให้กลุ่มนี้ สหราชอาณาจักร และ เซเนกัล มี 4 คะแนนเท่ากัน ส่วน อุรุกวัย มี 3 แต้ม ต้องไปตัดสินการเข้ารอบในเกมสุดท้าย ขณะที่ ยูเออี ยังไม่มีคะแนน ตกรอบแน่นอนแล้ว
โสมขาวเชือดสวิสมีลุ้นเข้ารอบ
ส่วนเกมในกลุ่ม B ที่สนาม ซิตี ออฟ โคเวนทรี สเตเดี้ยม ในเมืองโคเวนทรี เกาหลีใต้ เอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 2-1 ส่วนอีกคู่ เม็กซิโก ชนะ กาบอง 2-0 ส่งผลให้กลุ่มนี้ เม็กซิโก กับ เกาหลีใต้ มี 4 คะแนนเท่ากัน ขณะที่ สวิตเซอร์แลนด์ กับ กาบอง มีทีมละ 1 คะแนน ยังคงมีลุ้นเข้ารอบทุกทีม
ส่วนเกมในกลุ่ม B ที่สนาม ซิตี ออฟ โคเวนทรี สเตเดี้ยม ในเมืองโคเวนทรี เกาหลีใต้ เอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 2-1 ส่วนอีกคู่ เม็กซิโก ชนะ กาบอง 2-0 ส่งผลให้กลุ่มนี้ เม็กซิโก กับ เกาหลีใต้ มี 4 คะแนนเท่ากัน ขณะที่ สวิตเซอร์แลนด์ กับ กาบอง มีทีมละ 1 คะแนน ยังคงมีลุ้นเข้ารอบทุกทีม
บราซิลเชือดเบลารุสลิ่วเข้า8ทีม
เกมในกลุ่ม C นัดที่ 2 ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา บราซิล ทีมเต็ง 1 พบกับ เบลารุส โดยเกมนี้ เบลารุส ขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 8 จากการโหม่งของ เรนาน เบรสซาน แต่หลังจากนั้น พลพรรค “แซมบ้า” มายิงคืน 3 ลูกรวดจาก อเล็กซานเดร ปาโต นาที 15, เนย์มาร์ นาที 65 และ ออสการ์ นาทีที่ 90 จบเกม บราซิล ชนะ 3-1 เก็บ 3 คะแนนสำเร็จ
เกมในกลุ่ม C นัดที่ 2 ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา บราซิล ทีมเต็ง 1 พบกับ เบลารุส โดยเกมนี้ เบลารุส ขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 8 จากการโหม่งของ เรนาน เบรสซาน แต่หลังจากนั้น พลพรรค “แซมบ้า” มายิงคืน 3 ลูกรวดจาก อเล็กซานเดร ปาโต นาที 15, เนย์มาร์ นาที 65 และ ออสการ์ นาทีที่ 90 จบเกม บราซิล ชนะ 3-1 เก็บ 3 คะแนนสำเร็จ
อีกคู่ในกลุ่มเดียวกับ อียิปต์ เสมอ นิวซีแลนด์ 1-1 ส่งผลให้ตารางคะแนนในกลุ่ม C เวลานี้ บราซิล นำเป็นจ่าฝูง มี 6 คะแนน ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายแน่นอนแล้ว ส่วน เบลารุส มี 3 คะแนน ขณะที่ อียิปต์ กับ นิวซีแลนด์ มีทีมละ 1 คะแนน
กระทิงปิ๋ว,ปลาดิบลิ่วรอบ8ทีม
ส่วนเกมในกลุ่ม D ที่สนาม เซนต์ เจมส์ ปาร์ก ในเมืองนิวคาสเซิล สเปน หนึ่งในทีมเต็งแชมป์ ซึ่งพลิกล็อกแพ้ ญี่ปุ่น มาในเกมแรก เจอกับ ฮอนดูรัส ผลปรากฏว่า “กระทิงดุ” พลาดท่าพ่าย 0-1 โดย ฮอนดูรัส ได้ประตูชัยจาก เจอร์รี เบงต์สัน ในนาทีที่ 7
ส่วนเกมในกลุ่ม D ที่สนาม เซนต์ เจมส์ ปาร์ก ในเมืองนิวคาสเซิล สเปน หนึ่งในทีมเต็งแชมป์ ซึ่งพลิกล็อกแพ้ ญี่ปุ่น มาในเกมแรก เจอกับ ฮอนดูรัส ผลปรากฏว่า “กระทิงดุ” พลาดท่าพ่าย 0-1 โดย ฮอนดูรัส ได้ประตูชัยจาก เจอร์รี เบงต์สัน ในนาทีที่ 7
ส่วนอีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน “ปลาดิบ” ญี่ปุ่น ยังคงโชว์ฟอร์ม เฉือนเอาชนะ โมร็อกโก 1-0 จากประตูชัยของ เคนสุเกะ นากาอิ ในนาทีที่ 84 ส่งผลให้กลุ่มนี้ ญี่ปุ่น มี 6 คะแนน เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายแน่นอนแล้ว ส่วน ฮอนดูรัส มี 4 คะแนน โมร็อกโก มี 1 คะแนน ขณะที่ สเปน แพ้รวด 2 นัดยังไม่มีคะแนน ตกรอบแรกแน่นอนแล้ว
รถเก๋งเสยรถตู้ตายทันที 2 ศพ
วันนี้ ( 29 ก.ค.) เวลา 20.00 น. พ.ต.ท.มนัส เดิมกะยอม สารวัตรเวร สภ.มะขาม จ.จันทบุรี แจ้งเกิดอุบัติเหตุบนถนนหลวงหมายเลข 317 จันทบุรี-สระแก้ว บ้านนาไทร ต.ปัถวี อ.มะขาม จ.จันทบุรี ในที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บอยู่ในรถตู้ จึงประสานงานไปยังหน่วยกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี ช่วยลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย ซึ่งเป็นผู้โดยสารรถตู้ประจำทางสายจันทบุรี – พัทยา ส่งโรงพยาบาลมะขาม เพื่อให้แพทย์ทำการรักษาเป็นการเร่งด่วน
โดยรถตู้โดยสาร หมายเลขทะเบียน ป้ายเหลือง 15-3867 กทม. ประสานงากับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนเงิน หมายเลขทะเบียน 3 ฬ-5687 กท. มีผู้เสียชีวิตถูกอัดก็อบบี้อยู่ภายในรถ 2 ราย หน่วยกู้ภัยฯ จึงได้ช่วยกันนำร่างของผู้เสียชีวิต ทราบ ชื่อ นายสมศักดิ์ พันทาง อายุ 44 ปี ชาว จ.ราชบุรี คนขับ และศพหญิงไม่ทราบชื่อ
จากการสอบสวนนายณัฐวุฒิ ชอบชา อายุ 28 ปี คนขับรถตู้โดยสาร ให้การว่า ขณะเกิดเหตุ ได้ขับรถออกจาก อ.สอยดาว จ.จันทบุรี เดินทางไปส่งผู้โดยสารที่ พัทยา จ.ชลบุรี ระหว่างทางได้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคาดว่าถนนลื่น ได้มีรถของคู่กรณี ขับเสียหลักหมุนเข้าใส่ในระยะกระชั้นชิด จึงพุ่งชนประสานงากันอย่างแรง จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ให้แพทย์รักษาอาการคนเจ็บแล้วจะสอบปากคำเพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุต่อไป
ไฟใต้ยังโหมไม่หยุดระเบิดรถตชด.เจ็บสาหัส4นาย
วันนี้ (29 ก.ค.) เมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยะลา รับแจ้งเหตุระเบิด ด่านตรวจขุนไว เส้นทางเข้าตัวเมืองยะลา ถนนสิโรรส เทศบาลนครยะลา อ.เมือง ที่เกิดเหตุเป็นศูนย์รถฮีโน่ ห่างจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าประมาณ 800 เมตร พบรถตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) สภาพเป็นรูพรุน ตรวจสอบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็น เจ้าหน้าที่ ตชด. 4 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสถูก นำส่งโรงพยาบาล หน้าบริษัทมีเศษกระถางแตก เศษกระจก ตกเกลื่อน นอกจากนี้ยังพบเศษระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนัก 5 กก. เจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน
เบื้องต้นทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนทั้ง 4 นาย กำลังออกตรวจพื้นที่ ด้วยรถกระบะ พอผ่านมายังจุดที่คนร้ายวางระเบิดไว้ คนร้ายจึงกดชนวนระเบิดทันที ทำให้รถเกิดความเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
สตช.เลือกรองผบช.คุณสมบัติเหมาะสม22ตำแหน่งขึ้นผบช.
วันที่ 28 ก.ค. เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ พล.ต.อ.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิพล รองผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จตช. ร่วมประชุมการดำเนินการสรรหาข้าราชการตำรวจระดับรองผบช.ในสังกัด สง.ผบ.ตร.และในสังกัดตร.ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและเหมาะสมที่จะได้รับการพิจารณาเลื่อนดำรงตำแหน่งระดับผบช. โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจากนั้น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวสั้นๆ ภายหลังจากการประชุมว่า วันนี้เป็นการพิจารณาตำแหน่งผู้ที่เหมาะสมจำนวน 22 ตำแหน่ง รวม รองผบช. ได้เลื่อนขึ้นตามหลักอาวุโสร้อยละ 33 ของตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 8 คน
วันที่ 28 ก.ค. เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ พล.ต.อ.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิพล รองผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จตช. ร่วมประชุมเพื่อสรรหาข้าราชการตำรวจระดับรองผบช.ในสังกัด สำนักงานผบ.ตร.และในสังกัดตร.ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและเหมาะสมได้รับการพิจารณาเลื่อนดำรงตำแหน่งระดับผบช. โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า วันนี้เป็นการพิจารณาตำแหน่งผู้ที่เมีความหมาะสม 22 ตำแหน่ง รวม รองผบช. ได้เลื่อนขึ้นตามหลักอาวุโสร้อยละ 33 ของตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 8 คน
ขณะที่มีรายงานระบุว่า ประชุมการดำเนินการสรรหาข้าราชการตำรวจระดับรองผบช.ในสังกัด สำนักงานผบ.ตร.และในสังกัดตร.ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและเหมาะสมได้รับการพิจารณาเลื่อนดำรงตำแหน่งระดับผบช.นั้น ที่ประชุมเห็นชอบตามนโยบายตามที่ผบ.ตร.เสนอบัญชีรายชื่อผู้เหมาะสมและได้นำรายชื่อจากทุกหน่วย เพื่อนำบัญชีรายชื่อมาพิจารณา โดยมีไม่ต่ำกว่า 2 เท่าของจำนวนตำแหน่ง
ทั้งนี้ ในวันที่ 29 ก.ค. เวลา 15.00 น ที่ห้องประชุม 2 อาคาร 1 ตร. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จะนำรายชื่อผู้เหมาะสม เข้าที่ประชุมคณะกรรมการคัดเลือกอีกครั้ง มีนายนนทิกร กาญจนะจิตรา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นประธาน พร้อมด้วยรองผบ.ตร. และ จตช. รวม 8 ท่าน ร่วมประชุมเพื่อดเลือกรายชื่อมาดำรงตำแหน่งระดับ รองผบ.ตร. – ผบช. พร้อมกับสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งระหว่างกองบัญชากาและคาดว่าจะมีการคัดเลือกกว่า 100 รายชื่อ โดยเป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 กฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับ สว.ถึง จตช. และรองผบ.ตร. พ.ศ.2549
ทั้งนี้ ในวันที่ 29 ก.ค. เวลา 15.00 น ที่ห้องประชุม 2 อาคาร 1 ตร. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จะนำรายชื่อผู้เหมาะสม เข้าที่ประชุมคณะกรรมการคัดเลือกอีกครั้ง มีนายนนทิกร กาญจนะจิตรา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นประธาน พร้อมด้วยรองผบ.ตร. และ จตช. รวม 8 ท่าน ร่วมประชุมเพื่อดเลือกรายชื่อมาดำรงตำแหน่งระดับ รองผบ.ตร. – ผบช. พร้อมกับสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งระหว่างกองบัญชากาและคาดว่าจะมีการคัดเลือกกว่า 100 รายชื่อ โดยเป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 กฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับ สว.ถึง จตช. และรองผบ.ตร. พ.ศ.2549
สำหรับรายชื่อรองผบช. 22 ตำแหน่งที่ได้เลื่อนขึ้นประกอบด้วย พล.ต.ต.วัฒนา สักกวัตร รอง ผบช.ภ.5 นรต.รุ่น 29 พล.ต.ต.สุชีพ หนูนาง รอง ผบช.ภ.7 นรต.รุ่น 29 พล.ต.ต.สมโชค เจริญพร รองผบช.สกพ.นรต.รุ่น 29 พล.ต.ต.วรเทพ เมธาวัธน์ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.กวี สุภานันท์ รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.สุวิระ ทรงเมตตา รอง ผบช.รร.นรต. พล.ต.ต.ณรงค์ กาญจนะ รองจตร.(สบ7) พล.ต.ต.จุตติ ธรรมมโนวานิช รองผบช.ภ.7 พล.ต.ต.สุรพงษ์ เขมะสิงคิ รองผบช.ศชต. พล.ต.ต.สฤษฎ์ชัย อเนกเวียง รองผบช.ศชต. พล.ต.ต.เชิด ชูเวช รองผบช.ก. พล.ต.ต.นเรศ นันทโชติ พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ รองผบช.สทส. พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผบช.สกพ. พล.ต.ต.พจน์ ไทยกล้า รองผบช.ภ.6 พล.ต.ต.ธีระศักดิ์ กลิ่นพงษา รองผบช.ภ. 4 คนสนิท พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม พล.ต.ต.คำรบ ปัญญาแก้ว รองผบช.ภ. 7 พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงศ์ รองผบช.ภ.7 พล.ต.ต.พิสัณห์ จุลดิลก รองผบช.ภ. 8 พล.ต.ต.สุรพล ธนโกเศศ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.จิตต์เจริญ เวลาดีวงณ์ รองผบช.สยศ.ตร.
สำหรับรายชื่อที่คาดว่าจะได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ พล.ต.ต.นเรศ นันทโชติ รองผบช.น. นรต.รุ่น 37เพื่อนร่วมรุ่น วปอ. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขึ้นเป็นผบช.ภ. 1 พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.ภ.1 หลานเขย คุณหญิง พจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โยก เป็นผบช.ภ. 2 พล.ต.ต.เชิด ชูเวช รองผบช.ก สายตรง พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร.กลับคืนถิ่นขึ้นเป็น ผบช.ภ. 3 พล.ต.ต.กวี สุภานันท์ รองผบช.ภ. 4 สายตรงพล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นเป็นผบช.ภ. 4 พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวานิช รอง ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.(นรต. 30) ได้แรงหนุนจากเพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ขึ้นเป็น ผบช.ภ. 8 พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รองผบช.น. (นรต. 321) ได้แรงหนุนจากเพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.ท.วินัย ขึ้นเป็นผบช.ภ. 9 พล.ต.ต.สฤษฎ์ชัย อเนกเวียง รองผบช.ศชต.( นรต.30) มือทำงานของพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผบ.ตร.ขึ้นเป็น ผบช.ส. พล.ต.ต.สุวิระ ทรงเมตตา รองผบช.รร.นรต.( นรต. 37) ขึ้นเป็นผบช.ศ. พล.ต.ต.ชัยยง กีรติขจร จตร. (สบ8) เป็น ผบช.กตร. พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผบช.สกพ. มือทำโผ ลูกหม้อ สกพ. เป็นผบช.สกพ. พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภ. 3 (นรต. 30) และเป็นคนสนิท คุณหญิง พจมาน ณ ป้อมเพชร เป็นผบช.สตม. พล.ต.ต.สุรพงษ์ เขมะสิงคิ รองผบช.ศชต. (นรต. 29) กลับถิ่นเก่าขึ้นเป็นผบช.ตชด. พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผบช.ภ. 2 (นรต.32) โยกเป็นผบช.สพฐ. พล.ต.ต.พจน์ ไทยกล้า รองผบช.ภ. 6 สายตรง พ.ต.ท.ทักษิณ คาดว่าจะเป็นผบช.ประจำประสานนายกรัฐมนตรี
พล.ต.ต.สุรพล ธนโกเศศ รอง ผบช.สตม. (นรต.28) สายตรงพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พล.ต.ต.จิตต์เจริญ เวลาดีวงณ์ รองผบช.สยศ.ตร.เด็กในสาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต รมต.กลาโหม พล.ต.ต.ธีระศักดิ์ กลิ่นพงษา รองผบช.ภ. 4 อดีต นายเวร พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรมคาดว่าได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการประจำ.
พล.ต.ต.สุรพล ธนโกเศศ รอง ผบช.สตม. (นรต.28) สายตรงพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พล.ต.ต.จิตต์เจริญ เวลาดีวงณ์ รองผบช.สยศ.ตร.เด็กในสาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต รมต.กลาโหม พล.ต.ต.ธีระศักดิ์ กลิ่นพงษา รองผบช.ภ. 4 อดีต นายเวร พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรมคาดว่าได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการประจำ.
ลักไก่ปลูกต้นกระท่อม ข้างทางกลางเมืองกรุง
เมื่อเวลา 13.00น. วันที่ 28 ก.ค. พ.ต.อ.สาโรจน์ ซุ่นทรัพย์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.อุทัย กวินเดชาธร ผกก.กก.สส.บก.น.4 และพ.ต.ท.ชัยรัตน์ หิรัญบูรณะ สว.กก.สส.บก.น.4 นำ สนธิกำลังตำรวจป้องกันปราบปราม สน.บางชัน และเจ้าหน้าที่กทม. นำกำลังเข้าตรวจค้น ภายในชุมชนเกาะดอน ซอยรามคำแหง 110 แขวงและเขตสะพานสูง กทม. พบต้นกระท่อมขนาดใหญ่จำนวนหลาย 10 ต้น และพบร่องรอยการเก็บใบ และเพาะชำกิ่งเพื่อขยายพันธุ์ จึงเข้าตัดโค่นทำลาย และรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ด้าน พ.ต.อ.สาโรจน์ กล่าวว่า จากการตรวจค้นพบว่ามีต้นกระท่อม กว่า 10 ต้น จึงนำเลื่อยยนต์ตัดทำลายและสืบหาตัวเจ้าของมาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป.
ซิ่งบิ๊กไบค์ประกบยิงหนุ่มใหญ่ดับคาปิกอัพ บนถนนรัชดาฯ
วันนี้ (29 ก.ค.) ร.ต.ต.ธีรพล พงศรี พนักงานสอบสวน (สบ.1) สน.สุทธิสาร รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต บริเวณเชิงทางขึ้นสะพานข้ามแยกรัชดาตัดถนนลาดพร้าว ขาออกมุ่งหน้าลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร จึงรายงานผู้บังคับบัญชาไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รองผบก.น.2 พ.ต.อ.วิบูลยุทธ สันทัดเวชผกก.สน.สุทธิสาร แพทย์ รพ.รามาธิบดี เจ้าหน้ากองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณ ช่องทางขวา ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีรัชดาภิเษก 30 เมตร เชิงทางขึ้นสะพานข้ามแยกรัชดาภิเษกตัดถนนลาดพร้าว พบรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ รุ่นพรีแลนด์เนอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน ถล 534 กทม ถูกยิงเข้าที่กระจกข้างซ้ายแตกละเอียด ส่วนบริเวณพื้นถนน มีศพ นาย วิรัส ดิลกศรี อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 / 330 ม.8 ต.บึงบอน อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี สภาพศพนอนหงาย สวมเสื่อกล้ามสีขาง กางเกงยีนขายาวสีน้ำเงิน มีบาดแผลถูกยิงเข้า บริเวณไหปลาร้า แขนซ้าย ชายโครงด้ายซ้าย และบริเวณหลัง ด้วยอายุปืนขนาด 9 มิลลิเมตร จำนวน 9 นัด ห่างไปเล็กน้อยปลอกกระสุนปืนขนาดตกอยู่จำนวน 2 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อนตรวจสอบ ส่วนผู้บาดเจ็บ 1 ราย ทราบชื่อคือนาย วิสันต์ สุริวงศ์ 37 ปี ถูกยิงเข้าที่บริเวณไหปลาล้าด้านซ้าย เจ้าหน้าที่ได้นำส่งรพ.เปาโลเมโมเรียล เบื้องต้นยังไม่สามารถให้การได้
ด้าน พ.ต.อ.วิบูลยุทธ เปิดเผยว่า จากการสอบสวน พยานที่เห็นเหตุการณ์ซึ่งเป็นคนขับแท็กซี่ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ พบเห็นรถคันเกิดเหตุขับอยู่ช่องกลาง โดยมีรถเก๋งฮอนด้า รุ่นแจ็ส สีขาวขับตามมาเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วเป็นรถของกลุ่มเพื่อนผู้ตาย ขณะถึงบริเวณ สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ได้มีรถจักรยานยนต์ แบบบิ๊กไบค์ สีดำ แจ็คเก็ตสีแขนยาวสีดำ คนขับสวมหมวกกันน็อคแบบเต็มใบสีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับตามประกบขึ้นมาก่อนจะใช้อาวุธปืนสั้น ยิงเข้าไปบริเวณฝั่งของผู้ตาย ก่อนจะขับขึ้นสะพานหลบหนีไป ส่วนรถยนต์ฮอนด้าแจ็ส หลังเกิดเหตุคาดว่าจะขับตามรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไป โดยหลังเกิดเหตุคาดว่าคนขับคงพยายามที่จะขับต่อไปก่อนที่จะจอดเพื่อลงมาดูเพื่อนที่บริเวณดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายพร้อมเพื่อน รวม5 คนเป็นชาย 2คนผู้หญิง 1 คน ได้ไปเที่ยวผับชื่อดังแห่งหนึ่ง ใกล้แยกเหม่งจ๋าย ก่อนจะมาต่อกันที่ผับอีกแห่งย่านสุทธิสาร โดยระหว่างนั้นผู้ตายมีอาการเมา และพยายามจะเข้าไปขอซื้อของบางอย่างจากผู้ค้ารายหนึ่งแต่ผู้ค้าไม่ยอมขายให้ ทำให้ผู้ตายโมโหจึงตบไปที่ใบหน้าของชายคนดังกล่าว หลังจากนั้นคาดว่าชายผู้นั้นน่าจะดักรอและประกบตามผู้ตายมาก่อนจะใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและเพื่อน ก่อนจะหลบหนีไป
ไม่ยอมคืนเงินอดีตขรก.บำนาญเดือดชัก9มม.ยิงผัวเมียสาหัส
เมื่อเวลา 00.15 น.วันที่ 29 ก.ค. พ.ต.ท.อธิคม อภิชยนุกูลกิจ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.สุทธิสาร ได้รับแจ้งเหตุยิงกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณหน้าร่มฉัตรอพาร์ตเม้นต์ ภายในซอยรัชดาภิเษก 13 ถนนรัชดาภิเษก แขวง-เขตดินแดง จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.วิบูลยุทธ สันทัดเวช ผกก. พ.ต.ท.ธงชนะ หาญกิตติกาญจนา รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.เสน่ห์ วันทอง พ.ต.ต.ดวงโชติ สุวรรณจรัส สว.สส. และเจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุพบร่างนายบัว ขวัญเอี่ยม อายุ 73 ปี มีบาดเเผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่บริเวณต้นคอขวา 1 นัด ไหล่ขวา 1 นัด เอวขวา 1 นัด และที่สะบักหลังซ้าย 1 นัด นอนหายใจรวยรินจมกองเลือด ใกล้กันพบนางอรุณ ร่มฤดี อายุ 60 ปี ภรรยานายบัว แม่บ้านอพาร์ตเม้นต์ มีแผลแตกที่ศีรษะจากการถูกตีด้วยด้ามปืน และถูกยิงกระสุนเฉี่ยวเอวซ้าย 1 นัด เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวทั้งคู่ส่ง รพ.ราชวิถี
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวนายวินัย ศาสตรานนท์ อายุ 62 ปี อดีตข้าราชการบำนาญกรมทางหลวง ผู้ก่อเหตุ ไว้ได้ในสภาพมีกลิ่นสุราคละคลุ้ง จึงนำตัวไปสอบสวนที่โรงพัก
ด้าน พ.ต.ท.ธงชนะ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นนายบัวกำลังยืนคุยกับนางอรุณ จึงเข้าไปทวงเงินที่นางอรุณติดค้างไว้ ทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง หลังจากนั้นนายวินัยได้ชักอาวุธปืนขนาด 9 มม.ยี่ห้อซีแซด ซึ่งพกติดตัวออกมาจากเอว และใช้ด้ามปืนฟาดไปที่กลางหน้าผากนางอรุณจนแตกเลือดอาบใบหน้า นายบัวจึงคว้าไม้ที่วางอยู่ใกล้ๆ ฟาดใส่นายวินัยหลายครั้ง จึงถูกนายวินัยกระหน่ำยิง 7 นัดซ้อน ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นแจ้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นดำเนินคดีต่อไป.
สัมมนาเพื่อไทยไม่มีข้อสรุป ทางออกแก้รัฐธรรมนูญ
วันนี้ ( 29 ก.ค.) ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน พัทยา มีการสัมมนาพรรคเพื่อไทยเป็นวันที่สอง เป็นการเปิดให้ตัวแทนรายภาคนำข้อเสนอและความเห็นของที่ประชุมกลุ่มย่อยตามรายภาค ตามที่พรรคได้ตั้งคำถามใน 3 หัวข้อ คือ บทบาทส.ส.ต่อการสนับสนุนรัฐบาล ต่อการทำงานสภาและการทำงานกับประชาชนมาอภิปรายและสรุปในภาพรวม โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย ผอ.พรรคเพื่อไทยและนายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรครับฟังข้อเสนอแนะและชี้แจงข้อซักถาม
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นนำเสนอผลการหารือของภาคอีสานอย่างดุเดือด ว่า คนอีสานสะท้อนผ่านมายังส.ส.ว่าต้องการประชาธิปไตยและความยุติธรรมและได้เลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามาเพื่อทำในสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นพวกตนต้องการประชาธิปไตยและความยุติธรรม เรื่องรัฐธรรมนูญเราไม่อยากแพ้ พรรคจะทำอย่างไรไม่ให้พวกเราแพ้ เวลาที่พวกตนเสนอเรื่องประชาธิปไตย พรรคก็ต้องเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่พรรคไม่รู้ ไม่ฟัง รัฐมนตรีไม่เข้าประชุมพรรค ส.ส.เข้าหาก็ยากและหัวใจสำคัญวันนี้ต้องเร่งแก้ปัญหาราคายางพารา ข้าวและมันสำปะหลัง ที่วันนี้ล้มเหลว ทุกจังหวัดเป็นอย่างนี้หมด
ขณะที่นายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ ส.ส.อุดรธานี กล่าวว่า ปัญหาหนึ่งคือเรื่องข้าราชการที่คนร่วมต่อสู้ไม่ได้ดีแต่คนเปลี่ยนสีกลับได้ดี โดยเฉพาะ 3 กระทรวงใหญ่ มหาดไทย คมนาคมและศึกษาธิการ เรื่องใหญ่สุดคือกรรมการกองทุนสตรี พรรคให้ส.ส.ส่งชื่อผู้ที่เหมาะสม แต่สุดท้ายคนที่ได้คือคู่แข่งพรรคเรา เพราะข้าราชการไม่ใช่ของเรา เช่นเดียวกับนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อและแกนนำกลุ่ม นปช.กล่าวว่า การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการทหาร ในเดือน ต.ค.นี้มีข่าวว่าทหารที่มีส่วนในการปราบปรามประชาชนจะได้รับการโปรโมทในตำแหน่งที่สูงขึ้น ซึ่งมวลชนคงไม่ชอบใจ นอกจากนี้เห็นด้วยว่าอีสานเป็นภาคใหญ่มีส.ส.จำนวนมาก หากเป็นไปได้ขอให้พรรคพิจารณาเพิ่มเก้าอี้รัฐมนตรีให้ส.ส.อีสานเพิ่มเพื่อประโยชน์ในเรื่องการทำงาน
ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย กล่าวว่า ภาคเหนือยืนยันว่าต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยวิธีการให้มีส.ส.ร.ตามที่พรรคได้รณรงค์หาเสียงและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายรัฐบาลไว้ต่อรัฐสภาไว้ และภาคเหนือมีมติไม่ถอนพ.ร.บ.ปรองดอง ออกจากวาระประชุมสภา
นอกจากนี้ภาคเหนือมีความเป็นห่วงโครงการรับจำนำข้าว มันสำปะหลังและยางพารา จะเข้าพบรัฐมนตรีเพื่อสะท้อนปัญหาก็พบยาก หรือกรณีมีการทุจริตงบประมาณแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เมื่อทราบมาแล้วจะสื่อให้ทราบอย่างไรขอให้พรรคจัดระบบตรงนี้ด้วย นอกจากนี้ไม่เห็นด้วยกับโครงสร้างใหม่ 19 โซนกลุ่มจังหวัด
อย่างไรก็ตามจากการสัมมนาพรรคเพื่อไทยใน 2 วันนี้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่าพรรคจะเลือกใช้แนวทางใดในการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 โดยนายภูมิธรรม ได้กล่าวสรุปในตอนท้ายก่อนปิดการสัมมนา โดยยืนยันว่า จะไม่ถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองและร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญออกจากสภา ส่วนจะดำเนินการ มีขั้นตอนอย่างไรต้องคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลและส.ส.ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันต่อไป
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อกรณีที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา มีท่าทีจะถอนร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ที่อยากจะให้มีการถอนเรื่องดังกล่าวออกจากวาระการประชุมสภาฯ ซึ่งตนอยากเรียกร้องให้นายสมศักดิ์ แสดงความกล้าหาญในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ เรียกผู้เสนอร่างพ.ร.บ.ทั้ง 4 ฉบับมาพูดคุยเป็นการภายใน ซึ่งการอ้างว่าการถอนต้องเป็นมติจากที่ประชุมนั้นเป็นเพียงพิธีกรรม เพราะข้อเท็จจริงมีการคุยนอกรอบและตกลงกัน ถ้าจะปฏิเสธความรับผิดชอบและโยนสู่สภาฯนั้น อยากจะถามว่าในวันที่บรรจุ นายสมศักดิ์ก็รู้เห็นเป็นใจที่บรรจุเข้าวาระประชุม จึงอยากให้มี่ความจริงใจอย่าเล่นละคร
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ส่วน กรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สไกป์มายังงานเลี้ยงของพรรคเพื่อไทย ในระหว่างการสัมมนาพรรค ที่จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 28 ก.ค.นั้น คิดว่าการสไกป์ครั้งนี้ชัดเจน บ่งบอกตัวตนว่าคือผู้บงการรัฐบาลนี้ ตอกย้ำว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นแค่นอมินีและหุ่นเชิด และทักษิณเป็นเจ้าของพรรคและรัฐบาลชุดนี้เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด
"จงรัก"หนุน"นิคม"นั่งประธานวุฒิสภาคนใหม่
วันนี้ ( 29 ก.ค.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ สว.สรรหา กล่าวว่า สว.สรรหา กับสว.เลือกตั้ง ต่างถือว่าเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยเหมือนกันตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและทุกวันนี้ก็ไม่เห็นมีการแตกแยกกันตามที่มีบางคนเข้าใจ ตนอยู่ในสภาก็เห็นทุกคนรักใคร่สนิทสนมกัน เวลาจะพูดคุยกันก็ไม่เห็นมีใครมาพูดว่าคนนี้มาจากการเลือกตั้งหรือคนนั้นมาจากการสรรหา เพราะฉะนั้นอย่าเข้าใจผิดว่ามีการแบ่งแยกกัน ไม่มีหรอกแต่อาจมีบางคนที่มีความเห็นทางการเมืองแตกต่างกันไป ซึ่งก็เป็นธรรมดาในระบอบประชาธิปไตยที่มีความเห็นแตกต่างได้
“ สว.สรรหาคนหนึ่งอาจมีความคิดเห็นทางการเมืองอย่างหนึ่ง แต่จะไปเหมาว่าสว.สรรหาคนอื่นๆอาจมีความคิดเห็นเหมือนกันนั้น เป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกันหากสว.เลือกตั้งมีความเห็นทางการเมืองอย่างหนึ่ง ก็จะเหมารวมว่าสว.เลือกตั้งทุกคนมีความคิดเห็นเหมือนกัน ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน” พล.ต.อ.จงรัก กล่าว
สว.สรรหา กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาเรื่องประธานวุฒิสภาคนใหม่นั้น เห็นว่าขึ้นอยู่กับคุณสมบัติความรู้ความสามารถมากกว่าที่มาของผู้ที่จะมาเป็น ไม่ต้องคำนึงถึงที่มาว่าต้องมาตากการสรรหาหรือมาจากการเลือกตั้ง ใครก็ได้ที่มีความเหมาะสมก็เป็นได้ทั้งนั้น ข่าวที่ออกมาดูเสมือนว่าจะมีการแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายว่าเป็นฝ่ายสรรหากับฝ่ายเลือกตั้ง ซึ่งตนเห็นว่าจริงๆแล้วไม่มี ทุกคนสนิทสนมกันทั้งนั้น ไม่มีการแย่งอำนาจกันตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีมีรายชื่อสว.หลายคนน่าจะถูกนำเสนอชื่อเป็นประธานวุฒิสภาคนใหม่นั้น โดยส่วนตัวแล้วในฐานะที่เคยเป็นรองผบ.ตร.มาก่อนแล้วอยู่ในฝ่ายบริหาร ตามหลักแล้วเมื่อหัวหน้าฝ่ายบริหารพ้นจากตำแหน่งก็ควรจะแต่งตั้งผู้ที่ทำหน้าที่เป็นรองขึ้นมาแทนเพราะผู้ที่เป็นรองเป็นผู้ที่ทำหน้าที่มาอยู่แล้ว มีความรู้ความเข้าใจในหน้าที่อยู่แล้ว เมื่อเข้าทำหน้าที่ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ทันทีต่อเนื่องเลย ไม่ต้องมาศึกษางานอะไรกันอีก
“มันคงเป็นเรื่องแปลกเมื่อหัวหน้าฝ่ายบริหารพ้นจากตำแหน่งแล้วไปเอาคนอื่นกระโดดข้ามเข้ามาเป็น ทั้งๆที่รองหัวหน้าฝ่ายบริหารนั้นยังนั่งอยู่ แต่นี่เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติจะทำอย่างไรก็มาคิดกัน สรุปแล้วผมเห็นว่าท่านนิคม ไวยรัชพาณิชย์ ซึ่งเป็นรองประธานคนที่ 1 มีความรู้ความสามารถเหมาะสมที่จะเป็นประธานวุฒิสภาคนต่อไปมากที่สุด”พล.ต.อ.จงรัก กล่าว
แม้วกล่อม ส.ส.แก้ รธน.อย่าใจร้อน-ต้องประคองปู
วันที่ 28 ก.ค. เวลา 19.45 น. ระหว่างงานเลี้ยงหลังสัมมนาพรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี ได้สไกป์กล่าวขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเททำงานให้บ้านเมืองและมีความสามัคคี แม้มีคนปรารถนาให้พรรคอ่อนแอ แต่เรายังแข็งแรงทำงานร่วมอุดมการณ์และประชาชนให้การสนับสนุน วันนี้ความขัดแย้งในบ้านเป็นความขัดแย้งไปในทิศทางการพัฒนาประชาธิปไตย แต่มีคนกลุ่มหนึ่งไม่เห็นด้วย ขณะที่ประชาชนมีสิทธิ เสรีภาพ เพราะมีผลต่อสถานะ ความสุขตัวเอง จึงนำการปฏิวัติมาใช้และ เมื่อพรรคเพื่อไทยสัญญาจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย จึงถูกขัดขวาง และเข้าใจผิดเพราะว่าประชาธิปไตยที่พัฒนาแล้ว จะเป็นประโยชน์ต่อคนทั้งประเทศ
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยว่า แต่สิ่งที่เศร้าใจคือพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคประชาธิปไตยกลับไปร่วมกับกลุ่มที่ไม่ต้องการประชาธิปไตย จึงทำให้การพัฒนาล่าช้าและมีปัญหา จึงต้องเดินยุทธศาสตร์ตรงนี้ให้ถูกต้อง รัฐบาลต้องทำความเข้าใจกับประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมากกว่าการใช้ความรุนแรง เด็ดขาด และมุ่งมั่นจะแก้ให้ได้ แต่ต้องระมัดระวัง หลักการคือประคองรัฐบาลให้นานที่สุด เพื่อให้ฝ่ายไม่เห็นด้วยได้เรียนรู้แล้วเขาจะเดินเข้าสู่เส้นทางประชาธิปไตย นี่คือสิ่งที่ตนต้องการ
"เราเป็นรัฐบาลอย่าใจร้อน ต้องนิ่ง สุขุมรับฟัง อดทนและรักประชาชน ส่วนความใจร้อนเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน และไม่ต้องห่วงว่า ผมจะได้กลับเมื่อไหร่ เพราะไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถพูดคุยให้คำแนะนำปรึกษาได้" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวและว่าในเดือน ส.ค.นี้พรรคจะออกพื้นที่สำรวจว่า ส.ส.คนไหนประชาชนชื่นชอบหรือเขาอยากมี ส.ส.ใหม่ เพราะคนเก่าไม่ดูแลประชาชน จึงบอกให้ ส.ส.รู้ไว้และจะได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง.
ผู้ใจบุญติดต่อพ่อแฝดสยามปากน้ำโพ เพื่อช่วยเหลือ
จากกรณีที่เดลินิวส์ได้นำเสนอข่าว เด็กฝาแฝดสยามเพศหญิง อายุ 3 ปี 8 เดือน ชาวจังหวัดนครสวรรค์ มีร่างกายผิดธรรมชาติ ลำตัวติดกันแต่มีขาและอวัยวะเพศร่วมกัน กำลังรอคอยความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญ อยู่ที่ห้องเช่า ภายในบ้านเลขที่ 158/15 ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เนื่องจากกำลังประสบปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรสาวแฝดเป็นอย่างมากนั้น
วันนี้ (29 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบเด็กฝาแฝดสยาม ที่บ้านหลังดังกล่าวอีกครั้ง พบว่า ที่อยู่อาศัย เป็นห้องเช่าเล็กๆ ขนาด 6x4 เมตร โดยที่ภายในห้อง พบนายมนัส ร่มโพธิ์เย็น อายุ 33 ปี กำลังเปลี่ยนผ้าอ้อมให้แก่บุตรน้อยฝาแฝดสยาม คือ ด.ญ.จรูณโรจน์ หรือน้องปาน และด.ญ.จรูณพันธุ์ หรือน้องปิ่น ร่มโพธิ์เย็น ที่สภาพมี 2 ศีรษะ มีแขน 4 ข้าง แต่กลับมีร่างกายเดียวกัน มีขา 2 ข้าง และมีรูทวารเพียงรูเดียว ซึ่งทั้งคู่ไม่สามารถเดินเองได้ ต้องมีคนคอยอุ้มประคองอยู่ตลอดเวลา
จากการสอบถามนายมนัส เปิดใจเล่าให้ฟังว่า ตนได้แต่งงานอยู่กินกับภรรยา คือนางวาสนา ร่มโพธิ์เย็น อายุ 24 ปี มาเป็นเวลากว่า 1 ปี ก่อนจะให้กำเนิดลูกสาวฝาแฝดทั้งสองคน เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 52 และตอนที่บุตรพึ่งเกิดใหม่ ก็ได้มีสื่อมวลชนจากทุกแขนงในพื้นที่ นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว จนทำให้มีประชาชนผู้เมตตา รวมถึงหน่วยงานราชการต่างๆ ในจังหวัดมาให้การช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก แต่ก็เป็นเพียงแค่การช่วยเหลือในระยะสั้นๆ เท่านั้น จึงทำให้ทุกวันนี้ ครอบครัวต้องใช้ชีวิตอยู่กันอย่างยากลำบาก เนื่องจากมีฐานะยากจน โดยตนประกอบอาชีพรับจ้างเชิดแห่มังกร มีรายได้เพียงครั้งละ 500- 1,000 บาท ซึ่งเป็นรายได้ที่ไม่แน่นอน เพราะหากไม่มีคนจ้างให้ไปแสดง ก็จะไม่มีรายได้มาใช้จ่ายเลี้ยงจุนเจือครอบครัว ส่วนภรรยาตน ประกอบอาชีพค้าขายอยู่ในตลาดเทศบาลนครนครสวรรค์ มีรายได้ต่อเดือน จำนวน 5,000 บาท
“ทุกวันนี้ บุตรของตนได้รับการช่วยเหลือ จากเงินคนพิการ จำนวน 2,000 บาท แต่ค่าใช้จ่ายต่อเดือนในการเลี้ยงดูบุตรทั้งสองนั้น เดือนหนึ่งสูงกว่า 15,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากจะมีค่านม และค่าใช้จ่ายอื่นๆแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายในการพาบุตรสาวเดินทางไปทำกายภาพที่โรงพยาบาลรามาธิบดีเป็นประจำทุกสัปดาห์ ทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายสูง จึงอยากวอนขอผู้ใจบุญโปรดให้ความช่วยเหลือน้องปานและน้องปิ่นด้วย เพราะลำพังตนและภรรยา รับจ้างอย่างเดียวไม่พอกิน อีกทั้ง ยิ่งช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ยิ่งทำให้ตนต้องขาดรายได้จากการรับจ้างเชิดมังกรไปโดยปริยายนานหลายเดือน เพราะเป็นช่วงที่ไม่มีใครกล้าจ้างให้คณะมังกรไปทำการแสดง หนำซ้ำ บุตรก็ยังโตขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้ค่าใช้จ่ายเริ่มเพิ่มมากขึ้น” นายมนัสกล่าวด้วยสีหน้าอันเศร้าสร้อย
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงการผ่าตัดแยกร่างน้องปานและน้องปิ่น นายมนัสกล่าวว่า เป็นไปได้ยาก โดยแพทย์ที่ดูแลน้องปานและน้องปิ่น ระบุว่า ไม่สามารถผ่าตัดแยกร่างกายให้ได้ เนื่องจากลูกสาวทั้งคนมีลำตัว และกระดูกเชิงกรานติดกัน จึงต้องปล่อยให้ดำเนินชีวิตแบบนี้ต่อไป เพราะว่าหากเข้ารับการผ่าตัด จะเสี่ยงต่อการที่ใครคนหนึ่งต้องเสียชีวิต ส่วนปัญหาอื่น จะมีก็เรื่องรูทวารที่บริเวณหน้าท้องเล็กเกินไป จึงทำให้เวลาขับถ่ายไม่ค่อยสะดวก ตนและภรรยาต้องใช้ด้ามเทียนไขคอยยัดรูทวารของลูกสาวไว้ ในช่วงเย็น วันละประมาณ 5-10 นาที เพื่อไม่ได้รูทวารปิด ลูกสาวก็ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด แต่เราเป็นพ่อเป็นแม่ ยิ่งเจ็บปวดกว่าหลายเท่า สงสารลูกมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
เมื่อถามต่อว่า หลังจากที่เดลินิวส์มีการนำเสนอข่าวออกไป เริ่มมีผู้ใจบุญเข้าให้การช่วยเหลือบ้างหรือไม่ พ่อเด็กแฝดสยาม กล่าวว่า หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวออกไป ปรากฏว่า ในวันนี้มีผู้ใจบุญที่ขอไม่ประสงค์เปิดเผยนาม ประมาณ 10 กว่าราย โทรเข้ามาที่โทรศัพท์มือถือของตน เพื่อสอบถามข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับน้องปานและน้องปิ่น รวมทั้งเรื่องเส้นทางที่จะเดินทางมาที่บ้าน และเรื่องยี่ห้อนมที่เด็กดื่มกิน พร้อมกับรับปากว่าจะเดินทางมาให้การช่วยเหลือในภายหลัง ซึ่งทางครอบครัวต้องขอขอบคุณเดลินิวส์อย่างสูง ที่ช่วยนำเสนอข่าวในครั้งนี้
ทั้งนี้ หากผู้ใดมีจิตศรัทธาต้องการให้ความช่วยเหลือในเรื่องสิ่งของหรือเงินค่าใช้จ่าย สามารถบริจาคโดยตรงได้ที่บ้านเลขที่ 158/15 หมู่ 1 ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ หรือที่บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขานครสวรรค์ หมายเลขบัญชี 5062581474 หรือโทรสอบถามได้ที่เบอร์โทรศัพท์ของนายมนัส หมายเลข 089-6384482