ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ
www.becomz.com

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ รามคำแหง

เปิดบริการซ่อมคอมพิวเตอร์ถึงที่สะดวกรวดเร็ว ด้วยทีมงานช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ มืออาชีพ ประสบการณ์กว่า 10 ปี ที่จะไปบริการซ่อม ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน วัด โรงเรียน ร้านอินเตอร์เน็ต ฯลฯ โดยคิดอัตราค่าบริการเริ่มต้นเพียง 400 บาทต่อเครื่องเท่านั้น

การให้บริการ

หากลูกค้ายืนยันการซ่อมแล้วทางเราออกเดินทาง ไปแล้วยกเลิกการซ่อมในขณะที่ทางเราเดินทางไปถึงแล้วจะต้องเสียค่าเสียเวลาและการเดินทาง 400 บาท

พื้นที่ที่บริการ

ซ่อมคอมนอกสถานที่,ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ 095-219-0106 เริ่มต้นที่ 400บาท/เครื่อง (ปล. ให้บริการเฉพาะเขตพื้นที่ รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย ลาดพร้าวเฉพาะ บริเวณ จากเดอะมอลบางกะปิถึงโชคชัย 4 )

อัตราค่าบริการ becomz

ติดต่อ : TaNDesgin โทร. 095-219-0106 www.i-comz.com

บริการหลังการซ่อม โดย www.i-comz.com

ทุกงานซ่อมรับเราประกัน 1 สัปดาห์เต็ม หากปัญหาเดิมยังอยู่ เราจะไปบริการซ่อมให้ฟรี โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่เคยใบ้บริการกับทาง www.i-comz.com เรามีบริการซ่อมคอมออนไลน์ฟรีให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่า

วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

รวบแล้ว "เอ๋ ปากบึง" ชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ-ด่านเก็บเงินทางด่วน






บช.น.แถลงข่าวจับกุม "เอ๋ ปากบึง" ผู้ต้องหาชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ - ด้านเก็บเงินทางด่วน ผู้ต้องหาสารภาพต้องเลี้ยงลูก 3 คน ด้าน "บิ๊กแจ๊ด" แถลงข่าวระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่ว กทม. 10 วันได้ผู้ต้องหาถึง 1,453 ราย
วันนี้ ( 31 พ.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น.  ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. พ.ต.อ.เอก เอกศาสตร์ รองผบก.น.3 พ.ต.ท.นคร ทองพานิชย์ รองผกก.สส.สน.ร่มเกล้า รรท.ผกก.สน.ร่มเกล้า พ.ต.ท.อุกฤช ศรีนิตวรวงศ์ สว.สส.สน.ร่มเกล้า ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัวนายวิวัฒน์ หรือเอ๋ วิไลชน อายุ 34 ปี ฉายา “เอ๋ ปากบึง” อยู่บ้านเลขที่ 5 ซอยเคหะร่มเกล้า 2/1 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กทม. ข้อหาชิงทรัพย์หรือรับของโจร พร้อมของกลางรถจยย.ฮอนด้า รุ่นเวฟ สีขาว-แดง ทะเบียน อบฉ 607 กรุงเทพมหานคร ปืนปลอมสีดำ 1 กระบอก หมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีน้ำเงินและสีขาวอย่างละใบ และหมวกคลุมหน้า

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากวันที่ 19 พ.ค. เวลา 04.20 น. มีเหตุคนร้ายใช้รถจยย.เป็นยานพาหนะบุกเดี่ยวใช้ปืนจี้พนักงานในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาหมู่บ้านพูนสิน 2 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กทม. ก่อเหตุชิงทรัพย์เงินสดไป 3,000 บาท และวันที่ 28 พ.ค. เวลา 04.00 น. คนร้ายเป็นชายก่อเหตุลักษณะเดียวกันที่ร้าน 108 ช็อป ปากซอยร่มเกล้า 21 ถนนร่มเกล้า แขวงคลองสามประเวศ เขตลาดกระบัง กทม. ได้เงินสดไป 1,900 บาท สุรา 2 กลม บุหรี่ 31 ซอง และแบรนด์ซุปไก่ 2 ขวด ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.3 ก็สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้
 
ด้าน พ.ต.อ.เอก กล่าวว่า หลังเกิดเหตุฝ่ายสืบสวนได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้ง 2 แห่ง พบว่าคนร้ายเป็นรายเดียวกันเพราะใส่รองเท้าผ้าใบสีดำแถบสีขาว-แดง มีตัวอักษรเขียนว่า Asia ต่อมาฝ่ายสืบสวนได้นำกำลังดักซุ่มตามร้านสะดวกซื้อย่านใกล้เคียงที่เกิดเหตุ จนกระทั่งตอนประมาณตีสีครึ่ง พบนายวิวัฒน์ ขี่รถจยย.มาดูลักษณะเหมือนมาดูลาดเลา ที่ร้านเซเว่นฯ สาขาแฟลตปากบึง ถนนเคหะร่มเกล้า แขวงคลองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง จึงขอตรวจค้นพบว่า นายวิวัฒน์ ใส่รองเท้าคู่เดียวกันกับคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อตามที่กล้องวงจรปิดนั้นบันทึกภาพเอาไว้จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่สน.ร่มเกล้า

จากการสอบสวนนายวิวัฒน์ ให้การรับสารภาพว่า เคยก่อเหตุใช้ปืนปลอมชิงทรัพย์พนักงานเก็บเงินทางด่วนมอเตอร์เวย์ ด่านทับช้าง ช่องเก็บเงินที่ 9 เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เวลา 04.30 น. ได้เงินสดประมาณ 7,000 บาท ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านเซเว่น ปากซอยมิสทีน ท้องที่สน.บางชัน เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ได้สุรา 2 ขวด และบุหรี่ 8 ซอง และเคยก่อเหตุที่ร้าน 108 ช็อป ท้องที่สน.มีนบุรี โดยจำวันที่ก่อเหตุไม่ได้ ได้เงินสด 1,700 บาท สุรา 3 ขวด และบุหรี่ 10 ซอง ตนเคยเป็นพนักงานขับรถแต่ต่อมาตกงาน ยังหางานทำใหม่ไม่ได้อีกทั้งมีลูกตั้ง 3 คน ทำให้เงินไม่พอใช้จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ยังได้ร่วมกับ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผบช.น. ร่วมกันแถลงข่าวผลการระดมปิดล้อมตรวจค้นกวาดล้างอาชญากรรม ทั่วทั้ง กทม. 222 แห่ง ระหว่างวันที่ 21-30 พ.ค.ได้ผู้ต้องหาจำนวนหลายรายและยึดของกลางได้อีกจำนวนมาก โดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า สำหรับผลการระดมกวาดล้าง สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 1,453 ราย แบ่งเป็นคดีจำหน่ายยาเสพติด 243 ราย มียาเสพติดไว้ในครอบครอง 385 ราย เสพยาเสพติด 822 ราย และจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติดค้างเก่า 12 ราย นอกจากนี้ยังตรวจยึดของกลางยาบ้า 4,523,975 เม็ด ยาไอซ์ 60.4 กิโลกรัม กัญชา 46 ห่อ นอกจากนี้ยังจับกุมผู้ต้องหาคดีครอบครองอาวุธปืน 65 ราย อาวุธปืน 69 กระบอก เครื่องกระสุน 348 นัด นอกจากนี้ในช่วงการระดมกวาดล้างที่ผ่านมายังสามารถจับกุมผู้ต้องหาในคดีต่างๆได้ถึง 1,453 ราย ตรวจยึดของกลางได้อีกจำนวนมาก ทั้งอาวุธปืนและยาเสพติด
Share:

แค้นจัดรัวโหดเฒ่า60แอบกิ๊กเมียชาวบ้าน




มือปืนสุดโหดยิงถล่มพ่อเฒ่าวัย 60 ปี ระหว่างขี่รถ จยย.กลับจากงานบวช คาดปมสัวหารแอบกิ๊กเมียชาวบ้านจนผัวจับได้ เลยถูกคนร้ายดักฆ่าอย่างเลือดเย็นด้วยการลั่นไกใส่ทีละนัดให้ทรมานก่อนตาย
เมื่อเวลา  05.30 น. วันนี้ (31 พ.ค.) ร.ต.อ.นิรันดร์ ชูหลอง พนักงานสอบสวน สภ.ละแม จ.ชุมพร รับแจ้งเหตุยิงกันบริเวณพื้นที่หมู่ 8 ต.ทุ่งคาวัด อ.ละแม จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.วิชัย จำปา รอง ผกก. ป. พ.ต.ท.วรพล ปานรัตน์ รอง ผกก.สส. ฝ่ายสืบสวน และหน่วยกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปละแม ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนลูกรังในหมู่บ้าน ผ่ากลางสวนปาล์ม พบเพียงกองเลือดขนาดใหญ่ ใกล้กันพบรถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน-ดำ ทะเบียน ขฉฉ 523 สุราษฏร์ธานี พลิกคว่ำอยู่ โดยมีร่องรอยถูกยิงด้วยกระสุนปืนจำนวน 2 รู นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด .357 จำนวน 6 ปลอก และกระสุนที่ยังไม่ได้ยิงอีก 1 นัด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อ นายวิเชียร บุญเหลือ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 8 ต.ทุ่งคาวัด อ.ละแม ญาตินำได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง แต่เกิดเสียชีวิตระหว่างทาง จึงนำศพกลับไปไว้ที่บ้านพัก เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปชันสูตรพร้อมแพทย์ รพ.ละแม เบื้องต้นพบว่า นายวิเชียรผู้เสียชีวิต ถูกยิงที่บริเวณกลางหลัง 1 นัด แขนขวา 1 นัด น่องขวา 2 นัด และที่ใต้คางด้านขวาอีก 1 นัด รวม 5 นัด
จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คน และขี่รถ จยย.ตามหลังผู้ตายมา ก่อนจะเรียกให้จอดรถเพื่อเจรจาปัญหาบางอย่าง แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนบรรจงยิงทีละนัด เข้าตามจุดต่างๆของร่างกาย เพื่อให้เจ็บปวดทรมานก่อนตาย กระทั่งกระสุนหมดโม่ คนร้ายก็เอากระสุนออกมาใส่ใหม่ ทำให้มีกระสุนที่ไม่ได้ยิงหล่นในที่เกิดเหตุ 1 นัด และปลอกกระสุนทิ้งอยู่ในที่เกิดเหตุ จากนั้นจึงยิงซ้ำจนเสียชีวิต แล้วหลบหนีไป
ส่วนสาเหตุการสังหารน่าจะมีอยู่สองประเด็น คือ เรื่องชู้สาว ที่แม้ผู้ตายจะมีอายุมาก แต่ยังคงมีนิสัยเจ้าชู้ ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ตายเคยแอบไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่มีสามีแล้ว กระทั่งสามีของหญิงคนดังกล่าวจับได้ จึงเกิดความแค้นตามมาดักยิงผู้ตายระหว่างที่ขี่รถ จยย.กลับจากไปช่วยงานบวช และอีกประเด็นคือเรื่องการเมืองท้องถิ่นที่ผู้ตายเป็นหัวคะแนนหาเสียงให้กับผู้สมัครเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่ง ซึ่งกำลังจะมีการเลือกตั้งขึ้นในอีกไม่กี่วัน ที่มีการแข่งขันกันรุนแรง จึงอาจสร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายตรงข้าม อย่างไรก็ดีทางตำรวจจะเร่งสืบสวนหาตัวมือปืนมาดำเนินคดีต่อไป.
Share:

รันทดยายขายนาทำบุญ จนหมดตัวชีวิตลำเค็ญ





อุทาหรณ์ยายวัย 91 ปี ตกอับหลังขายที่นา เอาเงินไปทำบุญจนหมดตัว ถูกทิ้งให้ใช้ชีวิตวัยชราอยู่ในบ้านร้างตามลำพัง
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายวิชิต คำทุ่น ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4  บ้านกุดกว้าง ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ว่า  มีแม่เฒ่าวัย 91 ปี อาศัยอยู่ในกระท่อมที่ดินสาธารณะสภาพเก่าและทรุดโทรมอย่างลำพัง เป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็น บริเวณใกล้กับบ้านเลขที่ 36 หมู่ 4 บ้านกุดกว้าง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนางนวม จันทะรส อายุ 91 ปี อดีตเป็นราษฎร อ.พิมาย จ.นครราชสีมา กำลังรับประทานข้าวเหนียวปั้นเล็ก ๆ กับแกงจืด อยู่บนบ้าน ในบริเวณพบเสื่อผืนหมอนใบมีมุ้งกางไว้ตลอดเวลา และอุปกรณ์ประกอบอาหารไม่กี่ชิ้น มีแมลงสาปเดินเพ่นพ่าน และมีมดไรอยู่บนที่นอนยั้วเยี้ยไปหมด
นางนวม เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนมีฐานะพอมีพอใช้อยู่ที่ อ.พิมาย ต่อมาได้มาแต่งงานและย้ายมาอาศัยอยู่กับสามีที่บ้านกุดกว้าง และประกอบอาชีพทำนา ทำสวนในที่ดินของสามีกว่า 10 ไร่ และไปรับบุตรบุญธรรมมา 2 คน เนื่องจากตนไม่มีบุตร จากนั้นได้ขยันขันแข็งทำงาน อีกทั้งมีคนมาขอซื้อที่ดิน ทำให้ฐานะดีขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งสามีตนเสียชีวิต ส่วนลูก ๆ ก็ย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น ทำให้ตนใช้ชีวิตอยู่อย่างลำพังมาโดยตลอด และระหว่างนั้นตนได้นำเงินที่เก็บหอมรอมริบจากการทำงาน รวมทั้งเงินที่ขายที่ได้ไปทำบุญสร้างศาลาวัด สร้างสิ่งปลูกสร้างที่เป็นสาธารณประโยชน์จนหมด ไม่มีเงินเก็บเหลือไว้ใช้ จนต้องมาอาศัยอยู่อย่างลำบากในกระท่อมหลังนี้ ไม่มีแม้กระทั่งไฟฟ้าใช้ โดยขณะนี้มีรายได้จากเบี้ยยังชีพของเทศบาลตำบลเมืองเก่าเดือนละ 1,000 บาท และได้รับความช่วยเหลือจากทางผู้ใหญ่บ้านเท่านั้น.  

 
Share:

บวชพระศรีลังกาฉลอง ครบ260ปีนิกายสยามวงศ์

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 1 มิ.ย. นายไพรัช  เสือสิงห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ในวันที่ 4 มิ.ย. คณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย และคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุต จะบรรพชาอุปสมบทพุทธศาสนิกชนชาวศรีลังกา 59 รูป ภายใต้กิจกรรมเฉลิมฉลองครบรอบ 260 ปี แห่งการสถาปนาพระพุทธศาสนานิกายสยามวงศ์ในศรีลังกาที่กำหนดให้มีโครงการบรรพชาอุปสมบทพุทธศาสนิกชนชาวศรีลังกาเป็นพระสงฆ์ทั้งหมด 260 รูป โดยดำเนินการรวม 5 รุ่น ที่ วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร วัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม ศูนย์ปฏิบัติธรรมธรรมโมลี จ.นครราชสีมา และวัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา
ก่อนหน้านี้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.สำนักนายกฯ เป็นผู้แทนรัฐบาลไทย เดินทางไปร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 260 ปี ณ เมืองแคนดี้ ประเทศศรีลังกา จึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบรรพชาอุปสมบทดังกล่าวในประเทศไทย หลังจากมีพิธีบรรพชาในวันที่ 4 มิ.ย.แล้ว พระสงฆ์ศรีลังกาจะมาปฏิบัติกรรมฐานศึกษาธรรม ที่ วัดพนัญเชิงวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา.
Share:

คู่กรณี "แมน เตาปูน" ไม่เอาเรื่องคดีโดนตื้บ

จากกรณีมีผู้โพสต์คลิปวิดีโอในโลกสังคมออนไลน์ใช้นามว่า "คนดี ชอบเที่ยว" โพสต์คลิปชื่อ "อันธพาลครองเมือง" เป็นเหตุการณ์กลุ่มชายฉกรรจ์ทำร้ายร่างกายคู่กรณีในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา–อาจณรงค์ ย่านโชคชัย 4 กทม. โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า กลุ่มที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มของ “แมน เตาปูน” ลูกชาย “ชัช เตาปูน” หรือนายชัชวาลย์ คงอุดม อดีตสว.กทม. และคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ชื่อดัง โดยต่อมานายชัชวาลย์ ได้เปิดแถลงข่าวออกมายอมรับว่าลูกชายได้ไปเที่ยวสถานบันเทิงดังกล่าวจริง แต่ถูกคู่อริหาเรื่องก่อน ขณะเดียวกัน ทางพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ได้ออกหมายเรียก "แมน เตาปูน" มาให้ปากคำตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. พ.ต.อ.ธนวัตร วัฒนกุล ผกก.สน.โชคชัย กล่าวว่า ได้่สั่งการให้พนักงานสอบสวน ออกหมายเรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาให้ปากคำเรียบร้อยแล้ว เพื่อสอบหาข้อเท็จจริงว่าการทะเลาะวิวาทจนนำไปสู่การทำร้ายร่างกายนั้น มีสาเหตุเริ่มต้นมาจากเรื่องใด เพราะในเบื้องต้นทราบว่าทาง "แมน เตาปูน" ก็อ้างว่าถูกอีกฝ่ายยั่วยุก่อน จึงได้ประสานให้เจ้าตัวเข้ามาให้ปากคำโดยเร็ว และได้รับการยืนยันว่าจะมาพบเจ้าหน้าที่ภายใน 1-2 วันนี้ ส่วนอีกฝ่ายคือนายจุ้ย เท่าที่ติดต่อกันทางโทรศัพท์ทราบว่าไม่ต้องการจะมาพบพนักงานสอบสวน และไม่อยากดำเนินการในส่วนของคดีแต่อย่างใด ซึ่งทางตนก็ได้นำเรื่องนี้รายงานผู้บังคับบัญชาแล้ว

พ.ต.อ.ธนวัตร กล่าวอีกว่า ขอประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนให้นายจุ้ยเข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อให้ปากคำ หากนายจุ้ยไม่มา ก็จะสอบปากคำนายแมนได้เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งคดีนี้เจ้าหน้าที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ฟังหรือสนใจกระแสในโลกอินเทอร์เน็ตแต่อย่างใด.
Share:

วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

โปลิศสองพี่น้อง จับวัยโจ๋พกปืนปากกา








ตำรวจ สภ.สองพี่น้อง จับกุม นายเอกชัย ดวงเนตรงาม หรือเอก ได้พร้อมปืนปากกา
วันนี้ (24 พ.ค.) พ.ต.ท.สุภาพ วัยนิพิฐพงษ์ รอง ผกก.ป.สภ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุกฤษฏิ์ วิศิษฐ์ชนะชัย สวป. ร.ต.ท.สัญญา วิจิตธำรงศักดิ์ รอง สวป. ด.ต.สมเจต แสงเพ็ญอ่อน สายตรวจรถจักรยานยนต์ นำหมายค้นศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ 666/2556  เข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 67/1 ถนนโพธิ์อ้น-หวายสอ  เขตเทศบาลเมืองสองพี่น้อง อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี บ้านเป้าหมายยาเสพติด และอาวุธสงคราม ร่วมกันจับกุมตัว นายเอกชัย ดวงเนตรงาม หรือเอก อายุ 20 ปี หลังตรวจพบอาวุธปืนปากกา ขนาด .38 แบบไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก ซุกซ่อนอยู่ใต้โต๊ะเครื่องแป้ง สอบสวนให้การว่า เป็นของเพื่อนชื่อ นายแบงค์ ได้นำมาฝากไว้  จึงแจ้งข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวพร้อมของกลางส่ง ร.ต.ท.สมบัติ สำเรียนรัมย์ พนักงานสอบสวน สภ.สองพี่น้อง ดำเนินคดีต่อไป
Share:

“กฤชวัฒน์ com7” เจ้าแห่งธุรกิจไอที


จากชายหนุ่มที่ไม่เคยสนใจวงการคอมพิวเตอร์ กลายมาเป็นเจ้าแห่งวงการไอที ที่มีมูลค่าธุรกิจเกือบ 20,000 ล้านบาท มีร้านค้าในเครือกว่า 300 สาขาทั่วประเทศ ทั้งธุรกิจขายส่งและขายปลีกสินค้าไอทีทุกประเภท คนที่เรากำลังเอ่ยถึงนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เขาคือ “กฤชวัฒน์  วรวานิช” เจ้าของ “COM7” นั่นเอง
สำหรับชื่อ COM7 หลายคนฟังแล้วอาจไม่คุ้นหู แต่ถ้าพูดถึงชื่อ “Banana IT” ร้านขายสินค้าไอทีกว่า 10,000 รายการ ที่วางจำหน่ายบนห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศคงรู้จักกันเป็นอย่างดี “งานค้นคน คนค้นงาน” สัปดาห์นี้จะพาท่านไปรู้จักผู้ชายคนนี้ว่ามีเคล็ดลับในการทำธุรกิจอย่างไร ให้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
กฤชวัฒน์ ย้อนความให้ฟังว่า สมัยที่เรียนอยู่คณะบริหารการตลาด มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ไม่เคยสนใจวงการคอมพิวเตอร์เลย เพราะในชั้นเรียนได้เรียนรู้ case study เฉพาะเรื่องการตลาดของสินค้าอุปโภคและบริโภค (Customer Product) เท่านั้น จนกระทั่งเมื่อจบการศึกษาปี 2539 มีเพื่อนชวนมาเปิดร้านคอมพิวเตอร์ที่ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า จึงมองเห็นช่องทางที่ธุรกิจประเภทนี้สามารถเติบโตได้และได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาทำการตลาดทั้งค้าปลีกและค้าส่ง
“ช่วงปี 2540 เป็นยุคฟองสบู่แตก มีหลายธุรกิจที่โดนผลกระทบจนต้องปิดกิจการไป แต่เรามองเห็นช่องทางธุรกิจตรงนี้ เราเลยพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยการรับซื้อสินค้าค้างสต๊อกจากบริษัทนำเข้าอุปการณ์ไอทีต่างๆ แล้วเอามาขายต่อด้วยการส่งออก ให้ได้กำไร”
COM7 เริ่มจากจุดเล็กๆ ที่ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า แล้วขยายสาขาภายในห้างเดิมก่อน เมื่อเป็นที่รู้จักมากขึ้น ก็มีร้านขายปลีกจากต่างจังหวัดมารับสินค้าไปขายต่อ กฤชวัฒน์ จึงเกิดความคิดว่าจะจัดตั้งทีมขายเพื่อนำสินค้าไปเสนอขายตามร้านขายปลีกต่างๆ จนกลายเป็นรูปแบบการขายตรงด้านอุปกรณ์ไอที และขยายธุรกิจต่อด้วยการวางแผนการตลาดร่วมกับบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ไอทีต่างๆ เช่น การนำเข้าสินค้าเป็นล็อตใหญ่ๆ เพื่อลดต้นทุน ในการบริหารงานของกฤชวัฒน์นั้นจะเน้นการทำธุรกิจแบบมองหาโอกาสและความเป็นไปได้
ผ่านมาแล้ว 17 ปี กฤชวัฒน์ได้กลายเป็นเจ้าแห่งวงการไอที มีธุรกิจค้าปลีกในชื่อ Banana IT และค้าส่งในนาม COM7 โดยการมองหาโอกาสอย่างไม่หยุดนิ่ง เริ่มด้วยการขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว ขยายไปสู่นำเข้าสินค้าประเภท Gadget แบบใหม่ๆ ที่มีจำหน่ายในต่างประเทศมานำเสนอให้กับผู้ซื้อในบ้านเรา สินค้าประเภท DIY และสินค้าประเภทโมบายลิตี้ เป็นต้น และนอกจากจะมีหน้าร้านขายปลีกแล้ว COM7 ยังเอาใจคนยุคใหม่ที่ชอบการช็อปปิ้งออนไลน์ ด้วยการเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านเว็บไซด์ www.bananait.com
“ผมยึดถือลูกค้าเป็นสำคัญ ให้ความต้องการของลูกค้าเป็นตัวตั้ง และตอบสนองความต้องการนั้นๆ  เน้นความจริงใจและซื่อสัตย์ เหมือนขายของให้ญาติพี่น้อง ทำให้ไอทีเป็นเรื่องง่ายๆ ให้ลูกค้ารู้สึกสะดวกสบายในการซื้อสินค้าของเรา” นี่เป็นที่มาว่าทำไมเราถึงเปิดร้านขายปลีกบนห้างสรรพสินค้าและเพิ่มช่องทางออนไลน์ขึ้นมา และที่สำคัญเมื่อเราเติบโตมาถึงจุดนี้ เราก็ไม่ลืมที่จะตอบแทนสังคมด้วยกิจกรรมดีๆ เช่น การไปปลูกป่าชายเลน การเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้า และในปีนี้ เราก็มีโครงการมอบอาคารโรงเรียนคอมพิวเตอร์ให้กับชุมชนอีกด้วย โดยใช้ชื่อโครงการว่า “ห้องคอมของหนู” ซึ่งจะเป็นการมอบอาคารเรียนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ครบชุดให้กับเด็กๆในชุมชนที่ห่างไกล และเปิดโอกาสให้ลูกค้าร่วมทำบุญกับเราด้วยการบริจาคผ่านตู้รับบริจาคที่หน้าร้าน Banana IT ทุกสาขา สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร.02-714-5880
และเช่นเคยท่านสามารถติดตามรับชมเรื่องราวของคุณกฤชวัฒน์  วรวานิช ได้อย่างเต็มอิ่ม แบบคำต่อคำ ทางรายการ “ฝีมือพารวย” ในวันอาทิตย์ที่ 26 พ.ค. เวลา 13.05  น. ทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม “เดลินิวส์ทีวี ช่อง 26”(จานดำ PSI ) หรือ www.dailynewstv.tv ทางอินเทอร์เน็ต สนับสนุนโดย กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน WWW.dsd.go.th  กระทรวงแรงงาน
                                                                             
“จ๊อบแมน”
Share:

ยิงสองวัยรุ่นชาวอำเภอย่านตาขาวดับกลางถนน




เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 24 พ.ค.  ร.ต.ท.ธีระพัฒน์  เจริญฤทธิ์ พนักงานสอบสวน สภ.ย่านตาขาว จ.ตรัง รับแจ้งเหตุวัยรุ่นถูกยิงตาย 2 ศพที่บริเวณถนนบ้านต้นธง-ไทรงาม หมู่ที่ 1 ตำบลนาชุมเห็ด อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ  พร้อมด้วย ผกก.สส.ภ.จว.ตรัง ,ผกก.สภ.ย่านตาขาว เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรัง  และเจ้าหน้าที่มูลนิธิอำเภอย่านตาขาว รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบศพของนายสุทธิรักษ์  เพชรสุทธิ์ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ที่ 1 ตำบลนาชุมเห็ด อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง  สภาพศพนอนเสียชีวิตอยู่ริมถนน จากชันสูตรพลิกศพพบบาดแผลถูกยิงด้วยด้วย อาวุธปืนขนาด 9 มม.จำนวน  6 นัด เข้าที่ลำตัวข้างขวา หน้าอก บริเวณท้องและแขนซ้ายอย่างละ 1 นัด และที่แผ่นหลังจำนวน 2 นัด ใกล้กันมีรถจยย. ฮอนด้า ดรีมสีดำ ไม่มีป้ายทะเบียน จอดล้มอยู่ และพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่เกลื่อนถนน จำนวน 6 ปลอก  และพบหัวกระสุนชนิดเดียวกัน จำนวน 1 ชิ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
นอกจากนั้นบนถนนห่างจากศพแรกประมาณ 3 เมตรยังพบศพนายยงยุทธ  ชัยเพชร  อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 176 หมู่ที่ 1 ตำบลนาชุมเห็ด อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง  จากการชันสูตรพบถูกยิงด้วยปืนขนาดเดียวกัน จำนวน 6 นัด เข้าที่บริเวณหน้าอก แขนขวาและแผ่นหลังอย่างละ 1 นัด และที่แขนซ้ายจำนวน 3 นัด
จากการสอบสวน ทราบว่า  นายสุทธิรักษ์ เป็นคนขับรถจยย.โดยมีนายยงยุทธ นั่งซ้อนท้ายมาจากในพื้นที่บ้านต้นธง ซึ่งคาดว่า มาจากการมั่วสุมเสพน้ำใบกระท่อมและดื่มสุรา  เนื่องจากมีร่องรอยน้ำใบกระท่อมเรี่ยราดเกลื่อนพื้นถนนและมีขวดน้ำดื่มพลาสติกที่ใช้บรรจุน้ำใบกระท่อมตกอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย โดยคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 2 คนขี่รถจยย.ตามหลังมาก่อนประกบยิงใส่ผู้ตายทั้ง 2 ด้วยความโกรธแค้นอย่างรุนแรง และหลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามสกัดจับแล้วแต่ยังไร้วี่แวว
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายยงยุทธ นั้นเพิ่งถูกออกหมายจับในคดีลักทรัพย์ในเคหะสถานไปเมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นายสุทธิรักษ์ก็อยู่ในกลุ่มเดียวกัน  เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งประเด็นถูกตามล้างแค้น และประเด็นขัดแย้งธุรกิจผิดกฎหมาย  อย่างไรก็ตามจะสอบสวนข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
Share:

นศ.สาวปี4รอดไอ้หื่นหวุดหวิด




หนุ่มหื่นขี่ จยย.ปาดหน้านักศึกษาสาว ปี 4 ตบหน้า ต่อยท้อง กระชากขึ้นรถหวังพาไปข่มขืน ฝ่ายสาวทำใจดีสู้เสือ ฉวยโอกาส ผ่านบ้านประชาชน ตัดสินใจกระโดด จนรถจยย.ล้ม ก่อนวิ่งขอความช่วยเหลือชาวบ้าน รอดเป็นเหยื่อกามหื่น
เมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 24 พ.ค. ร.ต.ท.จิรวัฒน์ วันโพนทอง พงส. สภ.เมืองร้อยเอ็ด รับแจ้ง พบ รถ จยย.ยามาฮ่า ฟีโน่ สีชมพู ทะเบียน ขยษ 632 ร้อยเอ็ด ล้มคว่ำติดเครื่องอยู่ ริมถนนสายร้อยเอ็ด – จตุรพักตรพิมาน ระหว่าง กม. 6 – 7 บ้านแก่นทราย หมู่ 14 ต.รอบเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด แต่ไม่พบเจ้าของ  ข้างรถยัง พบรองเท้าผู้หญิงตกอยู่ 1 คู่ เสื้อยกทรง 2 ตัว  และ กระเป๋าสะพาย 1 ใบ จึงรีบรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.กิตติรัชต์ น้อยโพนทอง ผกก.และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย
ขณะเดียวกัน ศูนย์วิทยุพลาญชัย รับแจ้งจากชาวบ้านหนองบั่ว ต.สะอาดสมบูรณ์ว่า มีหญิงสาวอยู่ในอาการตกใจ มาขอความช่วยเหลือ เบื้องต้นบอกถูกคนร้ายพยายามฉุดไปทำมิดีมิร้าย จึงเดินทางไปสอบสวนพบ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด นักศึกษา ชั้นปีที่ 4 มหาลัยแห่งหนึ่งในภาคอีสาน อยู่ในอาการหวาดผวา สภาพเนื้อตัวมอมแมม ตามร่างกายมีแผลถลอกหลายแห่ง
สอบสวน น.ส.เอ ให้การว่า ขี่รถจยย.ออกจาก จ.มหาสารคาม เวลา 23.00 น.วันที่ 23 พ.ค. มุ่งหน้ากลับบ้านที่ อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด ตามลำพัง เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว   ระหว่างขี่ผ่านเขต ต.รอบเมือง กำลังมีการก่อสร้างถนน สังเกตเห็นมี จยย.ขี่ตามหลังมาอย่างผิดสังเกต จึงพยายามเร่งเครื่องเร็วขึ้น  แต่ จยย.คันดังกล่าวได้ขับตามไม่ลดละ ถึงที่เกิดเหตุจึงชะลอรถให้แซงเพื่อดูท่าที  ทันใดนั้นคนขับซึ่งเป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีดำ สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ ใช้จยย.ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ไม่ติดทะเบียน ขี่ปาดหน้า ให้จอดรถ ชายดังกล่าวตรงดิ่งเข้ามาตบหน้า 1 ครั้ง ชกเข้าหน้าท้อง 1 ครั้ง กระชากลากจูงให้ไปขึ้นรถ แล้วถีบรถตนเองล้ม
น.ส.เอ ให้การอีกว่า ตนเจ็บ และตกใจมาก จึงยกมือไหว้ ชายคนดังกล่าว ก็ยังลากตนขึ้นนั่งบน รถจยย.ด้านหน้า ขี่ไปตามทางที่มืด หมายจะพาไปข่มขืน  ระหว่างนั้นตนจึงทำทีใจดีสู้เสือ ชวนคนร้ายพูดคุย และบอกยินยอมทุกอย่างแต่ขอให้ไว้ชีวิต  จังหวะที่คนร้ายเผลอช่วงขี่รถผ่านหมู่บ้าน จึงตัดสินใจกระโดดออกจากอ้อมแขนคนร้าย ทำให้ จยย.คนร้ายล้มทั้งคนทั้งรถ  ตนลุกขึ้นได้วิ่งไปขอความช่วยเหลือชาวบ้านอย่างไม่คิดชีวิต คนร้ายเห็นท่าไม่ดี ขี่รถจยย.หลบหนีไป
 เจ้าหน้าที่จึงวิทยุติดตามไล่ล่าทั้งคืนแต่ก็ไร้วี่แวว จึงนำตัวผู้เสียหายมาลงบันทึกประจำวัน แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพื่อติดตามคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป..
Share:

ใต้บึ้มทหารพรานดับ4เจ็บ2


เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 24 พ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี รับแจ้งมีเหตุลอบวางระเบิดบนถนน ในพื้นที่ หมู่ 4 ต.บือเร๊ะ  บ้านบือเร๊ะ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี จีงไปตรวจสอบ พบว่าคนร้ายลอบวางระเบิดถนน กดชนวน ขณะรถของเจ้าหน้าที่ทหารพราน  ร้อย ร.4204 ฉก.ทหารพรานที่ 44 ขับผ่านมา ขณะออกลาดตระเวน ทำให้เจ้าหน้าที่ทหาร เสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บ  2 นาย ถูกนำตัวส่ง รพ.สมเด็จพระยุพราช อ.สายบุรี แพทย์เร่งให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่เข้าที่เกิดเหตุทันที เกรงว่าจะเป็นแผนลวง กดชนวนระเบิดซ้อน จึงให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนเข้าตรวจหาหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง..
Share:

โจรใจบาปบุกงัดกุฎิพระนักเทศน์ดัง







โจรใจบาปบุกงัดกุฏิพระนักเทศน์ชื่อดังเมืองสองแคว ขณะกำลังประกอบกิจสวดมนต์ในวันวิสาขบูชา กวาดทรัพย์สินพร้อมพระเครื่องอีกกว่า 30 องค์ มูลค่ากว่า 5 แสนบาท หลบหนีลอยนวล
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 24 พ.ค.  พ.ต.ท.อุบล กันทะเขียว สารวัตรเวร สภ.อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก รับแจ้งจากชาวบ้านตำบลวังอิทก ว่ามีคนร้ายบุกงัดกุฎิพระภายในวัดหนองเต่าดำ ต.วังอิทก อ.บางระกำ โดยคนร้ายได้ทรัพย์สินเงินสดพร้อมพระเครื่องไปเป็นจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปทำการตรวจสอบพร้อมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 จ.พิษณุโลก ซึ่งภายในวัดซึ่งกำลังมีการจัดงานทำบุญเนื่องในวันวิสาขบูชา จึงมีชาวบ้านเป็นจำนวนมากมายืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับ พระอธิการมานพ รักขิตะวังโส ( พระอาจารย์นพ พระนักเทศแหล่ชื่อดัง ) และนำพาเจ้าหน้าที่ไปชี้จุดเกิดเหตุซึ่งเป็นกุฏิของเจ้าอาวาสที่คนร้ายงัดบุกงัดหน้าต่าง โดยมีรอยเท้าคนร้ายปีนเข้าทางบริเวณหน้าต่างซึ่งมีรอยเปลื้อนคราบดินโคน ติดอยู่ที่ฝาผนังเป็นทางยาว
โดยจุดเกิดเหตุเป็นกุฏิแฝดติดกัน 2 หลัง โดยหลังแรกที่คนร้ายบุกงัดหน้าต่างปีนเข้ามาเป็นกุฏิของ พระสุทัด ปะสันโน อายุ 62 ปี เป็นพระลูกวัดหนองเต่าดำ ตรวจสอบภายในห้อง ข้าวของถูกรื้อค้นกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ และพบว่ามีเงินสดที่เก็บไว้ในย่าม หายไปจำนวน 5,400 บาท หลังจากนั้นกุฏิที่อยู่ติดกันซึ่งเป็นกุฏิของ พระอธิการมานพ รักขิตะวังโส อายุ 50 ปี เจ้าอาวาสวัดหนองเต่าดำ และยังเป็นพระนักเทศนักแหล่ชื่อดังของจังหวัดพิษณุโลก ที่บริเวณประตูหน้ากุฏิ พบมีดปลายแหลมตกอยู่จำนวน 1 เล่ม และตรวจพบว่าที่ประตูมีร่องรอยถูกงัดจนประตูเปิดอ้าออก ข้าวของภายในห้องถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย ไปทั่ว
ตรวจสอบภายในห้องพบว่าเงินสดจำนวน 5 หมื่นบาท ที่เก็บไว้ภายในย่ามห้อยไว้ที่บริเวณหัวเตียงนอน หายไป และยังพบว่า พระเครื่องที่ทางพระอธิการมานพ เก็บสะสมไว้ได้หายไปทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย พระผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ จ.ระยอง สูญหายไปกว่า 10 องค์ หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน รุ่นต่างๆ ที่เก็บสะสมไว้ ก็สูญหายไปทั้งหมด โดยตีเป็นมูลค่าทั้งหมด น่าจะกว่า 5 แสน บาท
จากการสอบสวนพระอธิการมานพ ให้การว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทางวัดได้จัดงานทำบุญเนื่องในวันวิสาขบูชา ตั้งแต่ ช่วง 06.00 น. โดยพระทุกรูปต่างก็ขึ้นไปประกอบกิจบนศาลาการเปรียญ สวดมนต์ จนกระทั่งช่วงเวลา 08.30 น. อาตมาก็ได้ลงจากศาลาเพื่อกลับมาที่กุฏิ ก็พบว่ากุฏิถูกงัดเปิดอ้าอยู่ จึงได้ไปตามชาวบ้านมาช่วยกันดู โดยพบว่าสิ่งของภายในห้องหายไปจำนวนมาก จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ โดยมีชาวบ้านพบเห็นรถยนต์ปิกอัพรุ่นเก่าตอนเดียวไม่ทราบยี่ห้อ สีดำขับเข้ามาจอดและเลี้ยวกลับรถที่บริเวณหน้ากุฏิช่วงเวลา 07.00 น. ซึ่งต่างก็ไม่ได้เอะใจสงสัย เพราะคิดว่าเป็นรถที่ขับมาทำบุญ ประกอบกับเสียงเครื่องไฟนั้นดังมาก จนกระทั่งมาพบว่ากุฏิพระถูกงัดจึงเชื่อว่าน่าจะเป็นรถของคนร้ายที่ขับมาโจรกรรมทรัพย์สินในครั้งนี้ไป โดยชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างเดินทางมายืนมุงดูเหตุการณ์ พร้อมกับรุมประณามการกระทำของโจรใจบาปที่ลงมืออุกอาจในช่วงที่พระกำลังสวดมนต์ในวันวิสาขบูชาอยู่บนศาลากาเปรียญ ท่ามกลางญาติโยมที่มาทำบุญกันอย่างหนาแน่น โดยมีชาวบ้านต่างกล่าวสาบแช่งคนร้ายรายนี้ให้ตกนรก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญตัวพระอธิการมานพ พร้อมกับชาวบ้านที่พบเห็นรถคันดังกล่าวไปทำการสอบสวนเพื่อติดตามคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป...
Share:

เล็งแจ้งข้อหาสองสาวเปลือยเต้นฮึ่มดื้อโดนหมายจับแน่


วันนี้ (26 พ.ค.) พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผู้บังคับการกองบังคับการ ปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) กล่าวถึงคลิป 2 สาวเต้นเปลือย ว่า ลักษณะดักล่าวเข้าข่ายการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อย่างชัดเจน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบค้นตามที่อยู่ของผู้โพสต์ จึงอยากฝากผ่านสื่อให้ทั้งคู่รีบมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการกฎหมาย หากไม่มาคงต้องมีการออกหมายจับตามภาพที่ปรากฎ เช่นเดียวกับคดีที่มีหนุ่มเปลือยกายขี่มอเตอร์ไซค์ทั่วเมืองเชียงใหม่ หากมีผู้เสียหายมาแจ้งความทาง ปอท.ก็พร้อมจะดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป
"ส่วนตัวอยากฝากขอให้ทุกคนที่ใช้อินเตอร์เน็ตทุกคนว่าควรใช้อย่างสร้างสรร ไม่ควรเผยแพร่หรือแชร์ข้อความหรือใด ๆ ที่ไม่เหมาะสมเด็ดขาด เพราะเจ้าหน้าที่พร้อมจะเข้าดำเนินคดีกับทุกคนที่กระทำสิ่งผิดกฎหมายอย่างแน่นอน" ผบก.ปอท. กล่าว.
Share:

แก็งเงินกู้เหิมยิงปืนขู่ปากระจกบ้านลูกหนี้





แก็งเงินกู้ เหิมยิงปืนขู่ 5 นัด แถมปากระจกบ้านลูกหนี้ ตำรวจตรวจสอบเผยรู้ตัว เร่งติดตามมาดำเนินคดี
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูเพียง จ.น่าน เข้าตรวจสอบที่บ้านของนายสินชัย  คุณนำผล อายุ 56 ปี   หลังเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมามีคนร้ายประมาณ 3 คน ใช้รถยนต์ไม่ทราบยี่ห้อ สีดำเป็นพาหนะขว้างก้อนหิน และกระถางต้นไม้ใส่บ้านของตน เลขที่ 94 หมู่ 2 บ้านแสงดาว ต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง จ.น่าน จนได้รับความเสียหาย และยิงปืนขู่   หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ภูเพียง เดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ
ซึ่งที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูน 2 ชั้น ติดถนนไม่มีรั้ว  หน้าบ้านพบกระถางต้นไม้ 3 ใบแตกกระจายเกลื่อน และกระจกถูกทุบแตกเป็นกระจายกระเด็นเข้าไปในตัวบ้าน  ตรวจสอบไม่พบมีผู้ได้รับบาดเจ็บ
นายสินชัย  คุณนำผล เจ้าของบ้านที่เสียหาย  เล่าว่า ขณะนอนอยู่ในบ้านได้ยินเสียงรถยนต์มาจอดที่หน้าบ้าน  โดยมีชาย 3 คนลงมาจากรถแล้วเข้าทุบกระถางต้นไม้ และกระจกบ้านแตกเสียหาย  พร้อมกับตะโกนเรียกหาคนชื่อต้อม ก่อนยิงปืนขึ้นฟ้า 2 นัด  ซึ่งตนอยู่กับลูกเมียในบ้านบนชั้น 2 ไม่กล้าออกไป ได้แต่ตะโกนตอบกลับไปว่าบ้านหลังนี้ไม่มีคนชื่อต้อม มาผิดหลังแล้ว แต่ชายดังกล่าวไม่ฟัง ยิงปืนขึ้นฟ้าขู่อีก 2 นัด พร้อมตะโกนให้นำเงินไปใช้คืน  และบอกว่าตนเองชื่ออ๋า บ้านสวนตาล ไปเรียกตำรวจมาจับได้เลย ไม่กลัว ก่อนยิงปืนขึ้นฟ้าอีก 1 นัด แล้วพากันขึ้นรถขับออกไป ตนและคนในครอบครัวกลัวมาก ไม่เคยไปกู้หนี้ยืมสินใคร  ซึ่งคาดว่าน่าจะมาทวงผิดหลัง เพราะถัดบ้านตนเองไป 3 หลัง มีคนชื่อเหมือนกับที่แก็งเงินกู้มาเรียกหา  และชาวบ้านระแวกนี้ก็เคยเห็นว่ามีคนมาทวงหนี้   ซึ่งได้ยินว่ามีการขู่อาฆาตกันไว้ คาดว่าสาเหตุ อาจจะมาจากเรื่องนี้
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.ภูเพียง โดย พ.ต.ท..สุวัฒน์ จินดาวรรณ รองผกก.ฝ่ายสืบสวน สภ.ภูเพียง เปิดเผยว่า ขณะนี้ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว    ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวมาสอบสวนถึงที่มาของการก่อเหตุครั้งนี้ และดำเนินคดีตามกฎหมาย
Share:

สาวเต้นเปลือยสำนึกปล่อยคลิปขอโทษจริง ๆ



วันนี้ (26 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีคลิปของ 2 สาวสวยเปลือยกายเต้นเพลง "รักต้องเปิด (แน่นอก)" ของนักร้องค่ายดัง ชื่อดัง ซึ่งถูกแพร่เผยอย่างกว้างขวาง จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมกันอย่างเผ็ดร้อน ว่า ล่าสุด ได้มีคลิปของทั้งคู่ปรากฎผ่านโลกออนไลน์ชื่อ "ขอโทษจริง ๆ" ความยาว 1.47 นาที เป็นภาพ 2 สาวอยู่ในชุดลำลองกล่าวขอโทษพร้อมยกมือไหว้ ยอมรับว่าทำไปเพราะความเมาจนขาดสติ พร้อมฝากขอโทษสาวประเภทสองทุกคนด้วย
ขณะที่หญิงสาวอีกคนที่ระบุบว่าตัวเองชื่อ "ไอซ์" กล่าวขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ทำลงไปเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พร้อมวอนขอให้หยุดแชร์คลิปดังกล่าวด้วย เนื่องจากจุดประสงค์ที่ถ่ายไว้ เพียงเพราะนึกสนุกเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะเผยแพร่หรืออยากดังแต่อย่างใดเลย.
Share:

วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

แฟนกรี๊ดสนั่น “3 ทหารเสือสาว” เกินคาด! หาเงินช่วยการกุศลทะลุเป้า








ไทยทีวีสีช่อง 3 ร่วมกับ ทีวีซีน จัดคอนเสิร์ต “3 ทหารเสือสาว ลิมิเต็ด อิดิชั่น ไลฟ์ โชว์” ณ ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์ไลฟ์ ฮอลล์ ที่จัดผ่านพ้นไปหมาด ๆ ได้เสียงกระแสตอบรับจากแฟน ๆ ดีเกินคาด โดยคอนเสิร์ตครั้งนี้ได้เหล่าพระเอกและนางเอกจากซีรีส์ “3 ทหารเสือสาว” ซึ่งได้แก่ เรื่อง “มายาตวัน”, “มนต์จันทรา” และ “ฟ้ากระจ่างดาว” มาร่วมโชว์สุดอลังการ นำโดย ญาญ่า-อุรัสยา ควงคู่มากับพระเอกหล่อล่ำ อั้ม-อธิชาติ, นางเอกสาวร่างเล็ก มาร์กี้-ราศรี ประกบคู่มากับ ชาคริต แย้มนาม และนางเอกสาวนัยน์ตาคม แมท-ภีรนีย์ จูงมือมากับหนุ่มหล่อสุดเกรียน บอย-ปกรณ์
เปิดเวทีด้วยความยิ่งใหญ่ ด้วยบทเพลงจาก 3 ทหารเสือสาว อย่าง ญาญ่า–มาร์กี้-แมท ด้วยเมดเล่ย์เพลง “เหรอ” และ “มิวสิค เลิฟเวอร์” ต่อด้วยการโชว์สเต็ปสุดมันจากคู่พระนางในแต่ละเรื่อง โดย มาร์กี้-ชาคริต มาในเพลง ’ไม่ใช่ผู้ชาย“ หลังจากนั้น อั้ม ก็ควง ญาญ่า โชว์พลังเพลง ’ติ๊กต่อก“ นอกจากนี้ หนุ่มอั้ม ยังได้มอบบทเพลงสุดซึ้งให้กับแฟน ๆ ได้ประทับใจกันใน ’ไกลแค่ไหนคือใกล้“ และต่อด้วย หนุ่มบอย ที่ไม่สลัดความเกรียนออกมาทั้งร้องและเต้น ’เช้าไม่กลัว“ นอกจากยังมีทัพนักแสดงมากความสามารถมาสร้างสีสันบนเวทีอีกเพียบ อาทิ หนุ่ม-ศรราม, กิก- ดนัย, เต๋า ดราก้อนไฟว์, อาเธอร์ เบญจกุล, เบนซ์-พรชิตา, หวานหวาน, ไมค์-พิรัชต์ และ วงอีทีซี ท้ายสุดสำหรับคอนเสิร์ตครั้งนี้สามารถหารายได้ทั้งหมดกว่า 5 ล้านบาท เพื่อจะนำไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลทหารผ่านศึกต่อไป เรียกว่าอิ่มทั้งความสนุก แน่นไปด้วยบุญทั้งคนแสดงและผู้ชมเลยนะเนี่ย!.
Share:

'กัน-นภัทร' ปลื้ม! ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์วันงดสูบบุหรี่





เป็นประจำทุกปีที่องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้วันที่ 31 พฤษภาคม เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก โดยในแต่ละปีได้มีการกำหนดประเด็นในการรณรงค์ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งในปีนี้ ได้มีการกำหนดประเด็นในการรณรงค์คือ “Ban tobacco advertising, promotion and sponsorship” หรือ “ไม่ใช้ ไม่รับ ไม่สนับสนุนโฆษณายาสูบร้ายทำลายชีวิต” และทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ก็ยังมีการคัดเลือกศิลปินที่มีประวัติดีเด่น ทั้งทางด้านอาชีพ และความประพฤติเหมาะสมกับการเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ไม่สูบบุหรี่ เป็นพรีเซ็นเตอร์วันงดสูบบุหรี่ ประจำปี 2556 โดยตัวแทนศิลปินที่ได้รับเลือกในปีนี้คือ กัน–นภัทร อินทร์ใจเอื้อ ศิลปินบริษัท จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ฯ
กิจกรรมแรกของโครงการคือ การถ่ายโปสเตอร์รณรงค์วันงดสูบบุหรี่ ซึ่งเจ้าตัวเป็นปลื้มและภูมิใจสุด ๆ ที่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ประจำปีนี้ โดยพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ไฟแรงไม่รอช้า นำของที่ระลึก และสติกเกอร์วันงดสูบบุหรี่ออกเดินสายรณรงค์ในทันทีบริเวณตลาดนัดสุทธิสาร โดยถึงกับทุ่มทุนกระโดดขึ้นไปรณรงค์บนรถเมล์อีกด้วย พร้อมปฏิบัติหน้าที่เชิญชวนให้ประชาชนเลิกสูบบุหรี่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งกระตุ้นให้ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพ และร่วมสร้างสิ่งแวดล้อมปลอดควันบุหรี่ โดยเฉพาะเยาวชนที่ต้องกล้าคิด กล้าตัดสินใจ กล้าปฏิเสธบุหรี่  นอกจากนี้ในวันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม หนุ่มกันจะไปร่วมงานแถลงข่าวการจัดงานรณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลก ประจำปี 2556 และในวันงดสูบบุหรี่โลก ที่ 31 พฤษภาคมนี้ จะเข้ารับประทานโล่ประกาศเกียรติคุณ จากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ อีกด้วย
กัน-นภัทร เปิดเผยว่า “ผมดีใจที่ได้เป็นต้นแบบของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่ไม่สูบบุหรี่ และภูมิใจมากครับ ที่ได้รับเกียรติให้เป็นพรีเซ็นเตอร์เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลกในปีนี้ รวมทั้งได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้รณรงค์เรื่องนี้ให้สังคม ผมจึงขอฝากถึงใครก็ตามที่กำลังสูบบุหรี่ หรือกำลังคิดจะสูบว่า อย่าไปยุ่ง เพราะการสูบบุหรี่นั้นเป็นภัยต่อทั้งตัวเอง และคนรอบข้าง คนที่คิดว่าการสูบบุหรี่เป็นสิ่งที่เท่ ผมว่าความเท่คือ การรู้คุณค่าของตัวเอง และรู้คุณค่าของคนอื่นมากกว่าครับ”.
Share:

'ป๊อบปี้' ไม่น้อยใจ 'ใบเตย' เด่นกว่า ปลื้มกระแสแรงเพิ่มฐานแฟนเพลง



เรียกว่าเซอร์ไพร้ส์วงการเพลงจริง ๆ กับการพานักร้องสาวลูกทุ่งสั้นเสมอหู ใบเตย อาร์สยาม มาฟีทเจอริ่งกับทีฮอปสไตล์อย่างวงทรีทูวัน แต่ก็ไม่วายมีกระแสข่าวเมาท์ว่านักร้อง
นำวงทรีทูวันอย่างสาว ป๊อปปี้-ชัชชญา ส่งเจริญ แอบน้อยใจที่สาวใบเตยเด่นกว่า งานนี้มีโอกาสเจอตัวสาวป๊อปปี้จึงถามถึงความรู้สึกทันทีแอบน้อยใจจริงหรือเปล่า
ป๊อบปี้ เผยว่า “ฟีดแบ็กเอ็มวีเพลง “รักต้องเปิด (แน่นอก)” ที่มีพี่ใบเตย มาฟีทเจอริ่งแรงมาก ก่อนจะปล่อยออกมาก็ตื่นเต้นเหมือนกันเพราะเราไม่เคยทำมาก่อน ก็กลัวแฟน ๆ จะชอบมั้ย แปลกไปหรือเปล่า แต่ส่วนใหญ่แฟน ๆ จะบอกว่าชอบพี่ใบเตย แล้วก็พูดถึงพี่ใบเตยเลยกลายเป็นพูดถึงทรีทูวันไปด้วย ดีใจที่ทุกคนชอบเพลงค่ะ ก็ไม่น้อยใจค่ะ เรายังมีน้อง ๆ แฟนคลับกามิกาเซ่ที่ชื่นชอบเราอยู่ แล้วรู้สึกว่าทำงานกับพี่ใบเตยก็เป็นประสบการณ์ที่ดี ทำให้ได้เห็นตลาดที่กว้างขึ้น แฟนคลับก็กว้างขึ้น ใครจะมองว่าแรงน้อยกว่าต้องยอมอยู่แล้วค่ะ เพราะพี่เขาเป็นลูกทุ่งมาแรงเซ็กซี่จริง ๆ เราเป็นรุ่นน้องเซ็กซี่รุ่นเล็กดีกว่า ตอนซ้อมเต้นก็ต้องใช้แรงเยอะมาก ครูที่สอนเต้นก็จะบิลต์เราตลอด ไม่เกร็งนะคะ แต่ห่วงภาพที่ออกมาจะดูไม่สวย แต่สำหรับป๊อปเองก็ทำเต็มที่แล้ว ดีใจกับพี่ใบเตยที่มาอยู่กับแนวพวกเราแล้วกระแสตอบรับดีที่ผสมกับทีฮอป ก็มีบ้างที่หาว่าพี่ใบเตยแย่งซีน ใครรักเราจะเข้าข้างเรา แต่ส่วนน้อยมาก ๆ ส่วนมากจะมาจับคู่จิ้นให้เราสองคนค่ะ (หัวเราะ) เราก็เห็นคอมเมนต์ เพราะเราเช็กประจำว่าคนมองเรายังไง แต่ไม่น้อยใจอะไรเลยอย่างน้อยเห็นคนเต้นท่าเราได้ก็โอเคเลย พี่เขาเองก็ทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น มีแฟนคลับจากฝั่งอาร์สยามมาชอบกามิกาเซ่ด้วยค่ะ”.
Share:

ปปง.เปิด3นายทุนโจรใต้ บัญชีดำส่งเงินก่อการร้าย




ปปง.ประกาศชื่อนายทุนโจรใต้ 3 ราย หลังศาลแพ่งสั่งให้ขึ้นบัญชีดำหนุนเงินขบวนการก่อการร้ายตามมติสหประชาชาติ แฉพัวพันแก๊งค้ายาและค้าของเถื่อน

เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. ได้แถลงข่าว การประกาศรายชื่อบุคคลไทยที่ถูกกำหนดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ประจำปี 2556 โดยระบุว่า จากกรณีคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงิน (Financial Action Task Force) หรือ FATF มีคำประกาศสาธารณะกำหนดให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีข้อบกพร่องเชิงยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาประเทศไทยได้ดำเนินแก้ไข ข้อบกพร่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการให้สามารถบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายอย่างจริงจัง โดยสำนักงาน ปปง.ได้ดำเนินการประกาศรายชื่อผู้มีการกระทำอันเป็นการก่อการร้ายตามมติภายใต้คณะรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(UN)แล้ว เป็นบุคคลที่ถูกกำหนด รวมทั้งสิ้น 291 ราย ประกอบด้วย บุคคลธรรมดา 227 ราย นิติบุคคล คณะบุคคล หรือองค์กร 64 ราย ไปเมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา

“นอกจากนี้การดำเนินการในการบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทย จากข้อมูลการก่อเหตุความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้รวบรวมพยานหลักฐาน ทำให้มีการออกหมายจับกว่า 4,000 ราย ด้านคณะกรรมการธุรกรรมได้พิจารณาแล้วมี 67 รายชื่อจึงส่งให้อัยการดำเนินการส่งสำนวนต่อให้ศาลแพ่งพิจารณาเป็นรายๆไป ซึ่งจะมีการทยอยประกาศรายชื่อ” เลขาธิการ ปปง. กล่าว

เลขาธิการ ปปง. กล่าวอีกว่า ดังนั้น เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ศาลแพ่งจึงมีคำสั่งให้ 1.นายอำรัน มิง  2.นายอาหะมะ กาเจ  3.นายอับดุลเล๊าะฮ์ มะมิง เป็นบุคคลที่ถูกกำหนดตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ.2556 จะต้องระงับการทำธุรกรรมการเงินของบุคคลทั้งสามและต้องแจ้งให้ปปง.ทราบภายใน 3 วัน มิฉะนั้น จะถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ส่วนเงินที่สนับสนุนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจค้ายาเสพติด และธุรกิจค้าของเถื่อน โดยให้การสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่ผู้ก่อการร้าย
Share:

แพทย์ชนบทจี้ดีเอสไอสอบงบจัดซื้อเครื่องตรวจน้ำตาลแจกอสม.




“แพทย์ชนบท” จี้ดีเอสไอสอบสาธารณสุขใช้งบกว่า 147ล้าน จัดซื้อเครื่องตรวจน้ำตาลแจกอสม. เผยกฎหมายยังไม่รองรับ

เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติประธานชมรมแพทย์ชนบท เข้ายื่นหนังสือถึงนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอให้ตรวจสอบโครงการส่งเสริมศักยภาพอสม.ด้วยการสนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็น (เครื่องตรวจน้ำตาลในเลือดแบบพกพา)ของกระทรวงสาธารณสุข 
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ชมรมแพทย์ชนบทตรวจสอบพบความไม่ชอบมาพากลในการสั่งซื้อเครื่องตรวจน้ำตาลในเลือด 81,685 เครื่อง เพื่อแจกอสม.ทั่วประเทศ ในราคาเครื่องละ 1,800 บาท รวมเป็นเงิน 147,033,000 บาท ซึ่งมีประเด็นต้องสงสัย เช่น การที่กระทรวงสาธารณสุขมีการโอนงบประมาณและสั่งการให้จังหวัดต่างๆจัดซื้อไปแจกอสม.ทั้งที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับอนุญาตให้อสม.ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยการเจาะเลือดจากปลายนิ้วเพื่อตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดผู้อื่นได้ ดังนั้น การกระทำดังกล่าวถือเป็นการใช้อำนาจเกินหน้าที่สั่งการจัดซื้อก่อนมีกฎหมายรองรับ  ส่อเจตนากดดันให้สภาวิชาชีพต้องยอมออกกฎหมาย  
นพ.เกรียงศักดิ์  กล่าวอีกว่า  นอกจากนี้ยังพบว่าปัจจุบันโรงพยาบาลจะไม่ใช้วิธีการจัดซื้อเครื่องตรวจน้ำตาล แต่ใช้วิธีการซื้อแถบตรวจวัดระดับน้ำตาล โดยบริษัทจะแถมเครื่องตรวจโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย อีกทั้งราคาแถบตรวจจะมีราคาเพียง แถบละ 5-7 บาท เท่านั้นและแถมเครื่องโดยไม่จำกัด เพื่อใช้ในการแจกให้สถานีอนามัยหรืออาคารผู้ป่วย แต่การซื้อเครื่องจะทำให้ต้องซื้อแถบตรวจน้ำตาลกับบริษัทไปโดยปริยายตลอด ซึ่งในปัจจุบันกลับพบว่าโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งประเทศไม่มีการซื้อเครื่องตรวจน้ำตาลแต่อย่างใด พร้อมกันนี้ยกตัวอย่างอบจ.แห่งหนึ่ง จัดซื้อเครื่องตรวจน้ำตาลจากบริษัทในราคาชุดละ 2,500 บาท เมื่อใช้แถบตรวจที่แถมมาหมด จึงต้องจัดซื้อแถบตรวจน้ำตาลมาแจกใหม่กว่า 600,000 แถบ ในราคาแถบละ 30-50 บาท ซึ่งแพงกว่าราคาทั่วไปถึง 2 เท่า จึงต้องการให้ดีเอสไอตรวจสอบความผิดปกติเหล่านี้ เพราะเชื่อว่าส่อไปในทางทุจริตและใช้อำนาจเกินหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข และวันเดียวกันนี้จะยื่นขอให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเข้าไปตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณด้วย 
ขณะที่ อธิบดีดีเอสไอระบุว่า จะเรียกตัวแทนชมรมแพทย์ชนบทเข้าสอบปากคำอีกครั้ง จากนั้นจะพิจารณาว่าจำเป็นต้องเรียกตัวแทนกระทรวงสาธารสุขคนใดเข้าชี้แจงต่อไปหรือไม่.
Share:

แม่ นศ.จันทรเกษมโวย ลูกโดนแฮกเกอร์ใส่ร้าย แกล้งเจาะเว็บทำเนียบ








หลังจากที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีผู้เข้าไปแฮกเว็บไซต์สำนักนายกรัฐมนตรี และรู้ตัวแล้วว่า เป็นคนนครศรีธรรมราช อายุ 29 ปี บ้านอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง นครศรีธรรมราช และขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับกุม ขณะเดียวกันได้มีการปล่อยภาพมือแฮกเกอร์ในอินเทอร์เน็ต ระบุชื่อว่านายณรงค์ฤทธิ์ สุขสาร นักศึกษาวิทยาการคอมพิวเตอร์ อยู่บ้านเลขที่ 114 หมู่ 3 ต.กำแพงเซา  อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เวลา 17.30 น.วันที่ 9 พ.ค. ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว พบนางสาคร สุขสาร อายุ 62 ปี มารดานายณรงค์ฤทธิ์ โดยกล่าวว่า  ตอนนี้นายณรงค์ฤทธิ์ หรือน้องเล็ก ไม่ได้อยู่ที่บ้านที่ จ.นครศรีธรรมราช และทำงานอยู่ที่ กทม. ในบริษัทคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่ง ย่านถนนรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นบริษัทของคนที่บุตรชายเรียกว่า “พี่โดม” ซึ่งเป็นเพื่อนรู้จักกันทางอินเตอร์เน็ต และเพิ่งชวนไปทำงานเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยแต่ละเดือนลูกชายจะส่งเงินมาให้แม่เดือนละ 4,000-5,000 บาท เพื่อมาเลี้ยงดูแม่ และยายชราที่เจ็บป่วย
“น้องเล็กเป็นเด็กดี นิสัยน่ารักว่านอนสอนง่าย เรียนทางด้าน วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทร์เกษม เป็นเด็กที่เก่งมาก แต่เรียนยังไม่จบ เหลืออีก 9 หน่วยกิจก็จะจบแล้ว น้องเล็กเก่งคอมมาตั้งแต่เด็กๆ ชอบเล่นเกมจนรู้เรื่องเกี่ยวกับเกมต่าง ๆ และคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี ตอนที่เลิกเรียนจากมหาวิทยาลัยจันทร์เกษมกลับมาอยู่บ้านเปิดร้านซ่อม และสอนคอมคอมพิวเตอร์ ยืนยันว่าลูกเป็นเด็กดี” มารดาน้องเล็ก กล่าว
ขณะเดียวกัน นางสาคร ได้โทรศัพท์ไปคุยกับนายณรงค์ฤทธิ์ และใช้เวลาพูดคุยนานประมาณ 2 นาที หลังจากนั้นนางสาคร กล่าวว่า ลูกชายยืนยันว่าบริสุทธิ์ และถูกใส่ร้าย เนื่องจากน้องเล็กทะเลาะกับทีมแฮกเกอร์เลยถูกใส่ความ พร้อมบอกด้วยว่าแม่ไม่ต้องห่วง ช่วงเวลาที่มีแฮกข้อมูลสำนักนายก ฯ นั้น น้องเล็กกำลังทำงาน และมีหลักฐานยืนยันชัดเจน ขอให้แม่สบายใจได้.
Share:

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ 095-219-0106

Popular Posts

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Blog Archive

Followers

Blog Archive