"ด.ต.มนัส" สารภาพหมดเปลือก แฉเพื่อนสนิทอดีตตำรวจชักชวนเข้าร่วมขบวนการขนยาบ้า ได้ค่าจ้างเที่ยวละ 1 ถึง 2 ล้านบาท ขนยามาไม่เกิน 10 ครั้ง คิดจะหยุดแต่เพื่อนขอร้อง เลยเข้าวงจรขนยาอีก หวังเงิน 2 ล้านไปเคลียร์หนี้สหกร
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 24 ต.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา พล.ต.ต.อิทธิพล ภิริยะภิญโญ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.2 พ.ต.อ.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.จักร อ่อนนิ่ม ผกก.สน.ประชาชื่น และชุดสืบสวนร่วมกันแถลงข่าวการเข้ามอบตัวของ ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ ผบ.หมู่ จร.สน.ประชาชื่น ผู้ต้องหาที่ร่วมกับพวกขนยาเสพติดล็อตใหญ่ พร้อมของกลางทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถติดตามยึดทรัพย์มาได้หลายรายการ ประกอบด้วย 1.โฉนดที่ดิน จำนวน 2 ฉบับ 2.แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ต่าง ๆ 10 แผ่น 3.ทองคำแท่งหนัก 20 บาท 1 แท่ง แหวนประดับอัญมณี 4.พระหลวงปู่ทวด 5.สมุดบัญชีเงินฝาก บัตรเอทีเอ็ม 6.อาวุธปืนกล็อก รุ่น 21 จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุน 1 อัน รถเก๋ง 3 คัน และรถ จยย.อีก 2 คัน รวมมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.งาว จ.ลำปาง จับกุมตัวนายฐิติ หรือเอ๋ เพ็งสุข อายุ 42 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 1,280,000 เม็ด ยาไอซ์ 5 กิโลกรัม ซึ่งภายหลังถูกจับกุมได้ให้การซัดทอดว่า ได้รับการว่าจ้างจาก ด.ต.มนัส เป็นเงิน 1 แสนบาท ให้ขับรถนำทางในให้ ก่อนแหกด่านเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ซึ่งในส่วนของ บช.น.รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น โดยผู้กระทำผิดก็เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด หลังเกิดเหตุจึงรีบสั่งการให้จัดชุดติดตามตัว โดยร่วมกับกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมทั้งให้ญาติและเพื่อนร่วมงานช่วยกันติดต่อ ด.ต.มนัส ให้เข้ามอบตัว กระทั่งเจ้าตัวทนแรงกดดันไม่ไหวติดต่อเข้ามาขอมอบตัวเอง เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปรับตัวจาก จ.ลำปาง
"เครือข่ายนี้อยู่ทางภาคเหนือ ซึ่งคงจะต้องขยายผลอีกเพื่อสาวไปถึงผู้ร่วมขบวนการว่ารับมาจากใคร ไปส่งให้ใคร อย่างไรบ้าง หลังจากนี้จะทำการสืบสวนขยายผลไปจนถึงที่สุด และจะมีการตรวจค้นในอีกหลายจุด เพื่อดำเนินการกับเครือข่ายที่เหลือทั้งหมด ทั้งนี้ผู้บังคับบัญชาทุกคนรู้สึกเสียใจ แต่เมื่อ ด.ต.มนัส กระทำความผิดก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ยาไอซ์) และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.งาว จ.ลำปาง ดำเนินคดีต่อไป" พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการในการกวดขันผู้ใต้บังคับบัญชา พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ทาง บช.น.มีมาตรการในการกวดขันอยู่แล้ว ยิ่งเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ก็ยิ่งต้องดำเนินการตามคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนการพิจารณาสอบสวนผู้บังคับบัญชาของ ด.ต.มนัส เกี่ยวกับความบกพร่องในการดูแลลูกน้อง ต้องขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
จากการสอบสวน ด.ต.มนัส ให้การรับสารภาพว่า ไมได้ตั้งใจจะค้ายาเสพติด แต่มีเพื่อนชักจูง เห็นว่ารายได้ดี โดยทำมานานประมาณ 2 ปี โดยเพื่อนที่ชักจูงเป็นตำรวจเก่าที่เคยอยู่ สน.ประชาชื่น ชื่อ จ.ส.ต.ประวิน ทวยภา อดีตสายตรวจ สน.ประชาชื่น แต่ถูกไล่ออกจากราชการเมื่อประมาณปี 2546 ซึ่งเป็นคนที่ถูกออกหมายจับด้วย ใจจริงก่อนหน้านี้ก็หยุดส่งยามา 3-4 เดือนแล้ว เพราะกลัวว่าสักวันจะถูกจับ และกำลังจะย้ายหน้าที่ไปอยู่ที่อื่น แต่เพราะเพื่อนขอร้องให้ช่วยอีกครั้ง จึงตัดสินในทำ เพราะจะได้เงินไปเคลียร์หนี้สหกรณ์จำนวน 2 ล้านบาท ส่วนยาเสพติดที่รับมาเป็นเครือข่ายทางภาคเหนือ ผ่านทางนางสุชาดา หรือเพ็ญ ทวยพา โดยรับยามาจาก "เฮียใหญ่" ที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน
"ส่วนแบ่งจะหาร 3 คือ พี่เพ็ญ ตัวเองและคนที่ขับนำทางให้ ตกเฉลี่ยจะได้เงินแต่ละครั้งประมาณ 1- 2 ล้าน เคยทำได้สูงสุดถึง 2.2 ล้าน สำหรับยาที่ขนแต่ละครั้งไม่เคยได้นับเลย พอขึ้นรถเสร็จก็ขับออกมาเลย รีบดำเนินการให้เร็วที่สุด ผมมีหน้าที่เอาของใส่รถและขับจากเชียงรายเข้ากรุงเทพฯ เท่านั้น โดยทุกครั้งจะขับเอง หากเจอด่านก็หาทางหลบ หากมาไม่ได้ก็ไม่มา บางครั้งก็นอนค้าง แต่ไม่เคยใช้อาชีพตำรวจช่วยในการส่งยา เพราะมันมองกันออก ผมคิดว่าตำรวจมองกันทัน และผมก็ไม่กล้าเข้าด่าน ส่วนชุดตำรวจผมมีติดไว้ในรถอยู่แล้ว เพราะผมเข้าเวรจราจรด้วย ที่ผ่านมาไม่เคยเปิดปากเรื่องนี้กับใคร แม้กระทั่งเพื่อนร่วมงาน ที่เข้ามาได้เพราะ จ.ส.ต.ประวิน ชักชวน เพราะสนิทกันมาก เคยกินเที่ยวด้วยกัน เมื่อเขาถามว่าสนใจไหมก็เลยทำ ส่วนตัวจำไม่ได้ว่าทำทั้งหมดกี่ครั้ง แต่ไม่น่าจะเกิน 10 ครั้ง เพราะทำทีก็เว้นช่วงไปนาน ผมจะทำช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ บางเวรก็จ้างเพื่อนเข้าเวรแทนกัน" ด.ต.มนัส กล่าว.
"เครือข่ายนี้อยู่ทางภาคเหนือ ซึ่งคงจะต้องขยายผลอีกเพื่อสาวไปถึงผู้ร่วมขบวนการว่ารับมาจากใคร ไปส่งให้ใคร อย่างไรบ้าง หลังจากนี้จะทำการสืบสวนขยายผลไปจนถึงที่สุด และจะมีการตรวจค้นในอีกหลายจุด เพื่อดำเนินการกับเครือข่ายที่เหลือทั้งหมด ทั้งนี้ผู้บังคับบัญชาทุกคนรู้สึกเสียใจ แต่เมื่อ ด.ต.มนัส กระทำความผิดก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ยาไอซ์) และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.งาว จ.ลำปาง ดำเนินคดีต่อไป" พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการในการกวดขันผู้ใต้บังคับบัญชา พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ทาง บช.น.มีมาตรการในการกวดขันอยู่แล้ว ยิ่งเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ก็ยิ่งต้องดำเนินการตามคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนการพิจารณาสอบสวนผู้บังคับบัญชาของ ด.ต.มนัส เกี่ยวกับความบกพร่องในการดูแลลูกน้อง ต้องขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
จากการสอบสวน ด.ต.มนัส ให้การรับสารภาพว่า ไมได้ตั้งใจจะค้ายาเสพติด แต่มีเพื่อนชักจูง เห็นว่ารายได้ดี โดยทำมานานประมาณ 2 ปี โดยเพื่อนที่ชักจูงเป็นตำรวจเก่าที่เคยอยู่ สน.ประชาชื่น ชื่อ จ.ส.ต.ประวิน ทวยภา อดีตสายตรวจ สน.ประชาชื่น แต่ถูกไล่ออกจากราชการเมื่อประมาณปี 2546 ซึ่งเป็นคนที่ถูกออกหมายจับด้วย ใจจริงก่อนหน้านี้ก็หยุดส่งยามา 3-4 เดือนแล้ว เพราะกลัวว่าสักวันจะถูกจับ และกำลังจะย้ายหน้าที่ไปอยู่ที่อื่น แต่เพราะเพื่อนขอร้องให้ช่วยอีกครั้ง จึงตัดสินในทำ เพราะจะได้เงินไปเคลียร์หนี้สหกรณ์จำนวน 2 ล้านบาท ส่วนยาเสพติดที่รับมาเป็นเครือข่ายทางภาคเหนือ ผ่านทางนางสุชาดา หรือเพ็ญ ทวยพา โดยรับยามาจาก "เฮียใหญ่" ที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน
"ส่วนแบ่งจะหาร 3 คือ พี่เพ็ญ ตัวเองและคนที่ขับนำทางให้ ตกเฉลี่ยจะได้เงินแต่ละครั้งประมาณ 1- 2 ล้าน เคยทำได้สูงสุดถึง 2.2 ล้าน สำหรับยาที่ขนแต่ละครั้งไม่เคยได้นับเลย พอขึ้นรถเสร็จก็ขับออกมาเลย รีบดำเนินการให้เร็วที่สุด ผมมีหน้าที่เอาของใส่รถและขับจากเชียงรายเข้ากรุงเทพฯ เท่านั้น โดยทุกครั้งจะขับเอง หากเจอด่านก็หาทางหลบ หากมาไม่ได้ก็ไม่มา บางครั้งก็นอนค้าง แต่ไม่เคยใช้อาชีพตำรวจช่วยในการส่งยา เพราะมันมองกันออก ผมคิดว่าตำรวจมองกันทัน และผมก็ไม่กล้าเข้าด่าน ส่วนชุดตำรวจผมมีติดไว้ในรถอยู่แล้ว เพราะผมเข้าเวรจราจรด้วย ที่ผ่านมาไม่เคยเปิดปากเรื่องนี้กับใคร แม้กระทั่งเพื่อนร่วมงาน ที่เข้ามาได้เพราะ จ.ส.ต.ประวิน ชักชวน เพราะสนิทกันมาก เคยกินเที่ยวด้วยกัน เมื่อเขาถามว่าสนใจไหมก็เลยทำ ส่วนตัวจำไม่ได้ว่าทำทั้งหมดกี่ครั้ง แต่ไม่น่าจะเกิน 10 ครั้ง เพราะทำทีก็เว้นช่วงไปนาน ผมจะทำช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ บางเวรก็จ้างเพื่อนเข้าเวรแทนกัน" ด.ต.มนัส กล่าว.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น