วันที่ 27 ก.พ. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ในฐานะแกนนำกลุ่มนปช.ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีคลิปวิดีโอที่ นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ พูดทำนองว่ามีอำนาจโยกย้ายนายตำรวจระดับสูงในพื้นที่ภาคอีสานว่า ตนยังไม่เห็นคลิป แต่ทราบจากข่าวก็ไม่แน่ในว่ารายละเอียดที่นายขวัญชัยพูดออกมาอย่างไร แต่ในหลักการไม่มีใครไปออกคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจหรือข้าราชการใดๆได้อยู่แล้ว และเท่าที่ฟังนายขวัญชัยระบุว่าเป็นการพูดคุยในกลุ่มที่ จ.ลำพูน ไม่มีอะไรน่ากังวล เป็นเรื่องการพูดคุยสนทนากันไป แต่ไม่มีใครไปออกคำสั่งแบบนั้นได้ ข้อเท็จจริงก็ปรากฏอยู่ สิ่งสำคัญคือว่าอยากให้ประชาชนเข้าใจว่าการแต่งตั้งโยกย้ายของรัฐบาลชุดนี้ไม่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวไม่มีการแทรกแซงจากอำนาจนอกระบบ แกนนำคนเสื้อแดงอย่าว่าจะตั้งตำรวจเลย แค่ตั้งทนายยังลำบาก เพราะมีคดีความที่ถูกยัดเยียดใส่ร้ายป้ายสีระหว่างการต่อสู้ ส่วนตัวของตนและ นปช.คงไม่ต้องชี้แจงอะไรในเรื่องนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วน นปช.ที่มีความแตกแยก จนออกมาสาวไส้กันเองมองอย่างไร นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่ถือเป็นความแตกแยก ตนยังพูดคุยกับพี่น้องได้ทุกคน แต่การที่คนเราเดินด้วยกันมานานผ่านแรงเสียดทานทางการเมืองก็อาจจะมีความรู้สึกพอใจไม่พอใจเห็นตรงกันบ้างไม่ตรงกันบ้าง แต่วิธีการแสดงออกก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล แต่ภาพรวมยืนยันว่าไม่มีอะไรที่จะทำให้ขบวนการของคนเสื้อแดงอ่อนแอลงได้ แกนนำบางส่วนก็ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับตัวเองให้เผชิญแรงเสียดทานได้ด้วย แกนนำก็ต้องพัฒนาศักยภาพของตัวเองและเดินไปกับประชาชน
เมื่อถามว่านางธิดา ถาวรเศรษฐ เหมาะกับตำแหน่งประธานนปช.หรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ก็เหมาะสมเพราะมาจากมติของนปช.แต่การถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นเรื่องปกติ พวกตนเวลาทำหน้าที่เต็มตัวก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเหมือนกัน อย่างไรตอนนี้ก็ยังไม่เห็นว่ามีความจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวประธานนปช.แต่อย่างใด ส่วนการถูกวิจารณ์ก็ต้องรับฟังว่ามีอะไรที่ต้องปรับปรุงหรือไม่ ส่วนแกนนำที่มาวิจารณ์นั้นเมื่อพูดแล้วก็น่าจะได้ข้อยุติและมาคุยกันภายในเพราะเป็นพี่น้องกันทั้งนั้นไม่มีปัญหา
ส่วนการที่ออกมาแฉเรื่องผลประโยชน์ทางการเมือง ตำแหน่งทางการเมือง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่มีผลประโยชน์ทางการเมืองของใครเป็นการเฉพาะ ต้องไม่ลืมว่าแกนนำนปช.จำนวนมากส่วนหนึ่งเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยเดิมเป็นคนที่อยู่บนเวทีทางการเมืองอยู่แล้ว อย่างตนสมัครส.ส.มาตั้งแต่อายุ 25 จนตอนนี้ 37 แล้วผ่านมา 12 ปี ถ้าไม่มีรัฐประหารไม่มีความขัดแย้ง วันนี้เส้นทางการเมืองของตนก็คงเดินหน้ามาพอสมควร การเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองจึงเป็นวาระปกติของคนทำงานทางการเมือง ส่วนใครจะมาหาประโยชน์นั้นคิดว่าสังคมมีกระบวนการตรวจสอบ และยืนยันว่าแกนนำนปช.ไม่เคยไปต่อรองเรียกร้อง และเอาการต่อสู้ไปแลกตำแหน่งทางการเมืองทุกอย่างอยู่ที่การพิจารณาของคนมีอำนาจในพรรคในรัฐบาล ซึ่งพวกตนก็เคารพมาตลอด ไม่เคยออกมาโวยวายเคลื่อนไหวสร้างปัญหา.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น